เอสซีจี สืบสานพระราชปณิธานด้านการบริหารจัดการน้ำ รวมพลังทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ร่วมใจสร้างฝายชะลอน้ำให้ครบ 70,000 ฝาย เทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมขยายผล และส่งเสริมให้ชุมชนแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วมด้วยตนเอง พัฒนาเป็นชุมชนเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ เชิญชวนร่วมสืบสานพระราชปณิธานเพื่ออนุรักษ์น้ำไว้ใช้อย่างยั่งยืน
เอสซีจี ได้น้อมนำแนวพระราชดำริด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน จัดกิจกรรม “สืบสานพระราชปณิธาน 70,000 ฝาย รวมพลังรักษ์น้ำทั่วไทย” รวมพลังเครือข่ายโครงการเอสซีจี รักษ์น้ำเพื่ออนาคตทั่วประเทศ ร่วมกันสร้างฝายชะลอน้ำตามแนวพระราชดำริที่เหมาะสมตามภูมิสังคมแต่ละพื้นที่ให้ครบ 70,000 ฝาย พร้อมกันในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สระบุรี ลำปาง นครศรีธรรมราช ขอนแก่น และระยอง โดยระดมพลังทุกภาคส่วนทั่วประเทศ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานด้านการบริหารจัดการน้ำแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วมในรูปแบบที่เหมาะสม รวมทั้งเกิดการต่อยอดไปสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เป็นชุมชนเข้มแข็งที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
นายอาสา สารสิน ประธานกรรมการกิจการสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงให้ความสนพระราชหฤทัยเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ด้วยว่าประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมทั้งต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และพื้นที่เกษตรกรรมเกิดน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก จึงทรงพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการบริหารจัดการน้ำ อาทิ โครงการฝายชะลอน้ำ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ โครงการแก้มลิง มาบรรเทาความเดือดร้อนแก่ปวงชนชาวไทย ทำให้ประชาชนมีน้ำอุปโภค บริโภค ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืนและเป็นสุข ดังพระราชดำรัสที่ว่า “น้ำคือชีวิต” ซึ่งตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา เอสซีจีได้น้อมนำแนวพระราชดำริในด้านการบริหารจัดการน้ำ ผ่านโครงการเอสซีจี รักษ์น้ำ เพื่ออนาคต ด้วยการทำหน้าที่ของตนเองในการดูแลรักษาน้ำในแต่ละพื้นที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้มีแหล่งน้ำไว้ใช้อย่างยั่งยืน”
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี ได้น้อมนำแนวพระราชดำริด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนมาดำเนินการด้วยการสร้างฝายชะลอน้ำในพื้นที่ป่ารอบโรงงานปูนซิเมนต์ไทย ลำปาง และป่าชุมชนใน อ.แจ้ห่ม ภายใต้โครงการ “เอสซีจี รักษ์น้ำเพื่ออนาคต” ตั้งแต่ปี 2550 และขยายผลไปสู่อำเภออื่นๆ ในจังหวัดลำปาง รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ปัจจุบันมีการสร้างฝายชะลอน้ำไปแล้ว 68,000 ฝาย ซึ่งช่วยแก้ปัญหาน้ำแล้ง และน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเกิดความสมบูรณ์ของผืนป่าทำให้เกิดการต่อยอดสู่วิสาหกิจชุมชน บางชุมชนสามารถพัฒนาเป็น “สถานีรักษ์น้ำ” ให้กับชุมชนอื่นๆ ได้เรียนรู้และนำกลับไปดำเนินการต่อในชุมชนตนเอง
เอสซีจีขอมุ่งมั่นสืบสานพระราชปณิธานน้อมนำแนวพระราชดำริด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป โดยจะร่วมกับชุมชน และเครือข่ายต่างๆ ขยายพื้นที่สร้างฝายชะลอน้ำ และสระพวงเพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งในการบริหารจัดการแหล่งน้ำได้ด้วยตนเอง ความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกภาคส่วนที่มาร่วมกัน ในวันนี้ จะนำไปสู่การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศต่อไป” นายรุ่งโรจน์กล่าว