Ella Baché (เอลลา บาเช่) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวคุณภาพระดับพรีเมียมชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส การันตีด้วยชื่อเสียงที่ยาวนานกว่า 80 ปี และครอบคลุมกว่า 45 ประเทศทั่วโลก พร้อมเปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย โดยขนทัพผลิตภัณฑ์คุณภาพ และนวัตกรรมเพื่อความงามใหม่ล่าสุด เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์
ริวอิจิ ซาโต้ Managing Director, Diva Supply Co., Ltd. กล่าวว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศจะชะลอตัว แต่ตลาดธุรกิจความงามของไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คิดเป็น 8-10% ต่อปี จากมูลค่ารวมประมาณ 2.5 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดในประเทศ 60% ส่งออก 40% สอดคล้องกับข้อมูลผู้บริโภคในปัจจุบันได้ให้ความสนใจในเรื่องความสวย
ความงามเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเครื่องสำอางระดับบน (Prestige / Premium) ในภูมิภาคเอเชียเติบโตสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก คิดเป็น 19% (ข้อมูลจาก UBM, เอเชีย) นอกเหนือจากนี้ในปัจจุบันผู้บริโภคนิยมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ มีความปลอดภัย และไม่มีสารก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือเป็นอันตรายต่อผิว เป็นต้น
Ella Baché มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในการนำเสนอความเป็น INT-EX Beauty ที่ผสานการทำงานของสารสกัดจากธรรมชาติ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ช่วยฟื้นฟูผิวในระดับลึกถึงชั้นเซลล์ผิว เพื่อผลลัพธ์ความงามทั้งภายในและภายนอกที่ชัดเจน รวดเร็ว และยาวนานกว่า 80 ปี ที่ทีมวิจัย และเภสัชกรของ Ella Baché Skincare Science มีความเข้าใจในหลักการทำงานของผิว จึงได้เฟ้นหาสารสกัดจากแหล่งวัตถุดิบที่ดีที่สุด พัฒนาจนเป็นสารสกัดคุณภาพสูง ก่อกำเนิดเป็น Nutridermologie® สารสกัดเพื่อความงาม เอกสิทธิ์เฉพาะ Ella Baché ที่ตอบโจทย์ทุกข้อกังวลผิวแต่ละประเภท สารสกัดธรรมชาติหลักที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Ella Baché อาทิ สาร Antioxidant จากไลโคปีนในมะเขือเทศ, Nourishing จากมะกอก Moringa Micro-proteins ช่วยทำความสะอาดผิว หรือ Lactic Probiotic ช่วยให้ผิวแข็งแรง ได้ถูกพัฒนาให้เหมาะกับผิวแต่ละประเภท และแบ่งเป็น 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ข้อกังวลผิว
1. Ella Perfect ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส
2. Hydra Repulp’ ผิวขาดความชุ่มชื่น
3. Sensibeautics’ ผิวบอบบาง แพ้ง่าย
4. Pur’ Aromatics ดีท็อกซ์ ผิวมัน ผิวเป็นสิว
5. Green Lift ผิวมีริ้วรอย
นอกจากนี้ Ella Baché ได้มุ่งเจาะกลุ่มตลาดระดับกลาง และระดับสูง โดยเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ ที่ขยายตัวสูงขึ้น พร้อมเดินหน้ารุกตลาดระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) มุ่งเน้นที่ร้านสปา, บิวตี้ซาลอน รวมถึงโรงแรมขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ด้วยบริการโปรแกรมทรีตเมนต์การดูแลผิวอย่างล้ำลึก กว่า 15 แบบ พร้อมเปิดตัว 2 นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากประเทศฝรั่งเศส ได้แก่ นวัตกรรมที่ชื่อว่า “SKINTEX®DIAG” เครื่องมือวิเคราะห์สภาพผิวหน้าและผิวกายด้วยนวัตกรรมที่ลงลึกถึงผิวชั้นใน ทำให้สามารถทราบถึงลักษณะผิวของผู้บริโภคได้อย่างดีเยี่ยม โดยเลือกสินค้าและบริการ ที่ตอบทุกความต้องการได้อย่างแท้จริง และ นวัตกรรมที่ชื่อว่า “SKINTEX®LAB” คือเครื่องมือทรีตเมนต์คุณภาพสูง สามารถสัมผัสผลลัพธ์ที่แตกต่างได้ทันที ด้วย 7 เทคโนโลยีที่ช่วยการบำรุง และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“คาดการณ์ใน 3-5 ปีข้างหน้า กลุ่มธุรกิจ B2B ตั้งเป้าขยายสาขาในร้านสปา และบิวตี้ซาลอน รวมกว่า 100 แห่ง ทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มบริการในกลุ่ม Slimming ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีความต้องการสูง พร้อมต่อยอดการดูแลความงามแบบองค์รวม ควบคู่ทั้งภายในสู่ภายนอกด้วยผลิตภัณฑ์ Supplement อาหารเสริมเพื่อความงาม สำหรับกลุ่มธุรกิจ B2C กลุ่มที่เข้าใกล้กับผู้บริโภคโดยตรง (End consumer) มุ่งบุกตลาดผลิตภัณฑ์สกินแคร์ครบวงจร อาทิ กลุ่มทำความสะอาดผิว, มอยเจอร์ไรเซอร์, เซรั่ม, ทรีตเมนต์ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย พร้อมขยายตลาดสู่บิวตี้คอมเมิร์ซ ตลาดซื้อ – ขายผ่านระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ โดยขยายช่องทางจัดจำหน่ายสู่ร้าน Drug Store และร้านเครื่องสำอางชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้แบรนด์มีความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน” ริวอิจิ ซาโต้ กล่าวทิ้งท้าย
