หลังจากก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Digital TV มานานกว่า 3 ปี ที่ผ่านมา ช่อง MONO29 นับว่าเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่อยู่รอดในสนามแบบสตรอง ด้วยเรตติ้งเกาะกลุ่ม 1-5 จากการเปิดเผยของ คุณนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่า ทางช่อง MONO29 ได้รับความนิยมอยู่ในอันดับ 4 โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2 ในเดือนมกราคม ซึ่งว่ามีวันหยุดยาวทำให้การรับชมภาพยนตร์ในช่อง MONO29 ได้รับความนิยมจึงได้รับเรตติ้งดีกว่าช่วงเวลาปกติที่มีเรตติ้งอยู่ที่ 0.9 และปี 2017 นี้ ทางช่องก็คาดหวังว่าจะมีเรตติ้งถึง 1 เฉลี่ยตลอดปี ในทุกช่วงรายการ และเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายนั้น MONO29 ต้องลุยด้วยคอนเทนท์ในประเทศ(Local Content) นอกเหนือจากภาพยนตร์และซีรี่ย์ต่างประเทศ ที่ครองใจผู้ชมในเขตเมืองได้แล้ว แต่ถ้าอยากได้เรตติ้งเพิ่ม ฐานผู้ชมระดับแมสเป็นเรื่องจำเป็นลุยอย่างจริงจัง
อยากโตต้องขยายฐาน
นอกเหนือจากภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีกว่า 1,000 เรื่อง และซีรี่ย์ที่ฉายช่วงเวลาเดียวกับที่ออกอากาศในต่างประเทศ ปีนี้ MONO29 มีแผนผลิตซีรีย์ไทยให้มากขึ้น ทั้งปีมีแผนผลิตซีรี่ย์ไทย 8-10 เรื่อง ด้วยเหตุผลที่ต้องการเพิ่มฐานผู้ชมในต่างจังหวัด สอดคล้องกับการปรับการสื่อสารอื่นๆ เช่น จากเดิมที่ทางช่องจะอ่านชื่อช่องว่า MONO Twenty- Nine ก็อ่านออกเสียงว่า “โมโน ยี่สิบเก้า” รวมทั้งมีกิจกรรมการตลาดในรูปแบบหนังกลางแปลง โดยการเลือกเขียนบทในรูปแบบซีรี่ย์น่าจะกลายเป็นทางเลือกให้กับผู้ชม ที่ไม่สนใจละคร อีกทั้งการผลิตซีรี่ย์ยังนำไปขายลิขสิทธิ์กับพันธมิตรในต่างประเทศได้อีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาซีรี่ย์แอ็คชั่นบางเรื่องก็ขายให้กับต่างประเทศมาแล้ว ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา คอนเทนท์ที่ทางช่อง MOMO29 เลือกผลิตจึงออกมาในรูปแบบซีรี่ย์ มากกว่ารายการบันเทิงประเภทอื่น โดยอาศัยการจ้างผลิตจากผู้ผลิตหน้าใหม่ เช่น ตั๊ก-นภัสสกร หรือ คุณชายอดัม (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล) ลูกชายผู้ที่สานต่องานของท่านมุ้ย-หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ครั้งนี้นำเอาบทประพันธ์พระนเศวร มาทำเป็นซีรี่ย์ลงบนจอแก้ว ซึ่งวางแผนไว้ทั้งหมด 6 ซีซั่นเลยทีเดียว สำหรับผังซีรี่ย์ไทย จะฉายในช่วงหัวค่ำของคืนวันจันทร์-อังคาร ตลอดปี สำหรับต้นทุนการผลิตซีรี่ย์ในลักษณะนี้จะใช้งบไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อตอน เพราะตั้งใจใช้คุณภาพการถ่ายทำที่ดี ยกระดับคุณภาพของผลงานไทย ตามคอนเซ็ปท์และภาพลักษณ์ที่อยากให้ช่อง MONO29 เป็นช่องที่มีคอนเทนท์ระดับพรีเมี่ยม
เมื่อรวมรายการประเภทข่าวซึ่งตามกฎแล้วทางช่องต้องมีคอนเทนท์ประเภทนี้ขั้นต่ำ 25% รวมแล้ว MONO29 ผลิตรายการเองประมาณ 40% และถึงแม้ว่ารายการข่าวจะไม่ใช่จุดแข็งของช่อง แต่ก็ได้อานิสงห์จากการที่ผู้ชมเปิดทีวีแช่ไว้ก็ทำให้เรตติ้งช่วงข่าวอยู่ในอันดับ 1-6
“กีฬา” คอนเทนท์ที่ต้องมี ขอเสี่ยงด้วยบาสเกตบอล
คอนเทนท์ประเภทกีฬาเป็นคอนเทนท์ที่ดึงดูดฐานผู้ชมได้เป็นอย่างดี เพราะมีความพิเศษเฉพาะตัว ต้องรับชมแบบสดๆ เท่านั้น การชมย้อนหลังเมื่อรู้ผลแล้วอาจจะไม่ได้อรรถรสเท่า ดังนั้นที่ผ่านมาคอนเทนท์ประเภทนี้จึงถูกแย่งกันประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดอยู่ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ฟุตบอล” ในรายการการแข่งขันที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ซึ่งทำให้ราคาต้นทุนสูง MONO29 จึงเลือกที่จะปั้นคอนเทนท์ “บาสเกตบอล” ขึ้นมาแทน
“พูดตรงๆ เลยครับ ฟุตบอล ตอนนี้ราคาสูงมาก วอลเล่ย์บอล ซึ่งเป็นกระแสรองลงมา ก็ไม่ทันเขา ดังนั้นเราจึงมองว่า บาสเกตบอล ที่ไม่ได้รับการพูดถึงในประเทศไทยมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่เป็นกีฬาที่เร้าใจมีการทำคะแนนตลอด ซึ่งคนดูกีฬาชอบเวลามีการทำแต้ม จึงน่าจะมีศักยภาพที่เราจะเสี่ยง ถ้าหากว่าทำสำเร็จ เริ่มต้นจากการที่มีฐานความนิยมไม่มาก มันก็จะกลายเป็นคอนเทนท์ของเราไปเลย แล้วบาสเกตบอลตรงกับภาพลักษณ์ของเรา คือทันสมัย ดูอินเตอร์ฯ” คุณนวมินทร์ เปิดเผยถึงเบื้องหลังที่ MONO29 ต้องจัดการแข่งขัน ไทยแลนด์ บาสเกตบอล ซูเปอร์ ลีค (TBSL) ขึ้นมา พร้อมทั้งลงทุนเนรมิตสนามแข่งขันขึ้นมา ที่สเตเดี้ยม29 ซึ่งตั้งใจสร้างสรรค์องค์ประกอบ สนาม รูปแบบกองเชียร์ การถ่ายทอดสด ให้ออกมาราวกับการแข่งขันในต่างประเทศ
ในส่วนของกีฬาประเภทอื่นๆ ก็ยังมีการถ่ายทอดมวยซึ่งเป็นคอนเทนท์ที่หลายๆ ช่องต้องมีเพื่อเรียกฐานผู้ชมกลุ่มหนึ่ง และการแข่งขันไตรกีฬาที่ได้รับความสนใจมากขึ้นระยะหลัง
เรตติ้งดี ราคาต้องดีขึ้น
ในเมื่อที่ผ่านมาเรตติ้งของทางช่องเติบโตและอยู่ในอันดับที่เกาะกลุ่มผู้นำ ดังนั้นปีนี้ MONO29 ตัดสินใจปรับราคาค่าโฆษณาขึ้น ในแต่ละช่วงเวลาจะปรับราคาต่างกัน คอนเทนท์ที่ได้รับความนิยม และมีเรตติ้งเพิ่มขึ้นราว 50% ก็จะมีการปรับราคาขึ้น 40-50% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาไพร์มไทม์ รวมทั้งมีแพ็กเก็จทางเลือกที่เหมาะสมกับผู้ลงโฆษณามากขึ้น การปรับราคาครั้งนี้ทำให้ช่วงเวลาที่ราคาแพงที่สุดอย่าง Mega Movie มีราคาตั้งแต่ 100,000-120,000 บาท อย่างไรก็ตามการันตีว่ามีเรตติ้งไม่ต่ำกว่า 2
จากการรุกคอนเทนท์ในด้านต่างๆ และปรับราคาตั้งแต่ต้นปี ทาง MONO29 คาดหวังว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว หลังจากที่ปี 2014 ซึ่งเป็นปีแรกของการทำ ดิจิทัล ทีวี ทำเงินได้ 600 ล้านบาท ปีที่ 2015 มีรายได้อีกเท่าตัวโดยประมาณ ดังนั้นปีนี้ก็น่าจะเพิ่มได้อีกเท่าตัวเช่นเดิม
ยกที่ 3 เริ่ม!
ปีนี้เป็นปีที่ 3 ของการที่ประเทศไทยมี Digital TV ซึ่งทางผู้บริหารของ MONO29 มองว่า มันคือยกที่ 3 เช่นกัน หลายช่องมีแหล่งเงินทุนใหม่ๆ จากนักธุรกิจรายใหญ่ของประเทศเข้ามาเสริมขุมกำลัง เช่น ช่อง ONE และ ช่องอมรินทร์ ทีวี ในขณะที่บางช่องที่เคยจดๆ จ้องๆ ในปีแรกเพื่อดูสถานการณ์ก็จัดเต็มมากขึ้นในปีที่ 2 และต่อเนื่องมาในปีนี้ และหลายช่องก็อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด ปีนี้สมรภูมิดิจิทัล ทีวี ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ยังน่าจับตามองต่อไป แต่สำหรับผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในระดับท็อป ก็น่าจะยืนหยัดในธุรกิจนี้ได้ยาก