บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SC Asset) นำโดย ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยยุทธศาสตร์ใหม่และการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรอบ 13 ปี ภายใต้คอนเซ้ปต์ SC Asset 4.0 พร้อมกับกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงานปี 2560
SC Asset 4.0 – จริงใจ ขายคุณภาพ
SC Asset 1.0 (2004-2013) เริ่มต้นเข้ามาตลาดด้วยการเจาะกลุ่ม Hi-End ทั้งบ้านและออฟฟิศสำนักงานเน้นที่คุณภาพของสินค้าเป็นหลัก หรือเรียกว่า Product Centric ซึ่งขณะนั้นมีคู่แข่งยังไม่มากนัก
SC Asset 2.0 (2014 – 2017) ยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับลูกค้า เริ่มแตกแบรนด์ขยายไลน์ต่างๆมากขึ้น มีการทำ customer insights CRM เพื่อทราบความต้องการของลูกค้า ซึ่งมาพร้อมกับการแข่งขันที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
กระโดดข้าม 3.0 มาเป็น SC Asset 4.0 เพื่อให้สอดรับของโลกยุคเทคโนโลยีและการสื่อสารที่เชื่อมโลกเพียงเสี้ยววินาที จึงหันมาโฟกัสเรื่อง Human Centric สร้างโปรดักซ์ให้ตอบโจทย์ Pain-point ของมนุษย์เป็นหลัก ไม่ใช้แค่โฟกัสที่ลูกค้าเท่านั้น โดยใช้เทคโนโลยีและ Connectivity ใหม่ๆในยุคปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น “บ้านรู้ใจ” บ้านผสานนวัตกรรมในทุกระดับราคา เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกยุค 4.0
Philip Kotler ปรมาจารย์ด้านการตลาดโลก กล่าวไว้ว่า 2 สิ่งที่เชื่อมโลกไว้ด้วยกัน คือ 1 อินเตอร์เน็ต 2 จอ ทำให้พลังของ Advocate มากขึ้นอย่างมหาศาลและทำให้เสียงของแบรนด์เบาลง อีกทั้งลูกค้าจะเชื่อเราน้อยกว่าสื่อ บล๊อกเกอร์ หรือ คนรู้จักมากกว่า ดังนั้นเราต้องขายความจริง ขายสิ่งที่ดี และจริงใจ
“Brand Advocate การบอกต่อหรือการสนับสนุนแบรนด์ แบรนด์กลายเป็นคนจึงถูกทั้งรักและเกลียดได้ ชม-ด่า เหมือนมีชีวิตได้ โดยสถิติของ SC Asset ค่า NPS หรือค่าความพึงพอใจบอกต่อแบรนด์ 50% และ Referral หรือ ค่าอ้างอิงและรับรองคุณค่าของสินค้ามีถึง 15-17% ซึ่งตัวเลขนี้จะขยายมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและไม่มีค่าการตลาด เพียงสิ่งเดียวเราต้องกลับไปทำของให้ดีมีคุณภาพ เพราะเราอยู่ในโลกยุค Connectivity เห็นได้จากยอด User ในแอพฯต่างๆ เช่น Facebook Line ทุกคนสามารถรับรู้อะไรได้รวดเร็วมาก ขณะเดียวกันยอดขายจาก Social Media ในปี 2016 เติบโต 330% จากปี 2015 ซึ่งสูงอย่างมีนัยยะสำคัญ ”
บุกตลาดแมส ป้องกันฐาน Hi-end
ปัจจุบัน SC Asset เป็นผู้นำในกลุ่มบ้านระดับ Hi-End 20 ล้านบาทขึ้นไป ปีนี้นอกจากจะรักษาฐานเบอร์ 1 (15-20%) เพราะว่ามีผู้เล่นรายใหม่ๆเข้ามาทำให้การแข็งขันเข้มข้นขึ้นก็ตาม ปีนี่้จึงแตกแบรนด์ใหม่เพิ่ม 2 แบรนด์ 1. HeadQuarters 2. The Gentry จะอยู่ในโซน midtowm มากขึ้นจากเดิมอยู่แต่แถบชานเมือง นอกจากนี้ยังพร้อมรุกเข้าตลาดกลุ่มแมสในราคา 5-20 ล้านบาทอย่างจริงจัง เพราะว่ากำลังซื้อกลุ่ม 3 ล้านบาทขึ้นไปยังมีความแข็งแรงอยู่ อีกทั้งเซ้กเม้นต์ 5-20 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนค่อนข้างใหญ่มากกกว่า 50% ของตลาดทั้งหมด
“ปัจจัยสำคัญสำหรับปี 2560 ภายใต้นโยบายใหม่ของสหรัฐอเมริกาที่มีประธานาธิบดีคนใหม่ จะมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกทั้งหมด และจะมีผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ทั้งในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งมุมมองระยะสั้นสำหรับปีนี้ มี 2 เรื่องสำคัญที่ต้องจับตามอง คือ 1. หนี้ครัวเรือนเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงมาก แต่ยังมีสัดส่วนต่อ GDP ที่สูงอยู่ และ 2. อัตราการปฏิเสธให้สินเชื่อจากธนาคาร (bank rejection) และhousing NPL ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ทั้ง 2 เรื่องเป็นความท้าทายต่อการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 5% ด้วย GDP ของประเทศไทยยังมีการเติบโตมากกว่า 3% ต่อปี นอกจากนี้กำลังซื้อของกลุ่มที่อยู่อาศัยราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ยังมีความแข็งแรงอยู่” ณัฐพงศ์ กล่าว
สำหรับปี 2560 โครงการใหม่ ทั้งหมด 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 27,000 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 4 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ ส่วนครึ่งปีหลังเปิด 11 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท ในส่วนอาคารสำนักงานแห่งใหม่ SC Tower ที่ได้รับความสำเร็จ ปัจจุบันมียอดจองครบ 100 % เรียบร้อยแล้ว และพร้อมเปิดดำเนิ
นอกจากนี้เพื่อรองรับวิสัยทัศน์ใหม่ 4.0 ขององค์กรให้ Lean มากขึ้น จึงเตรียมปรับกระบวนการทำงานใหม่ทั้งภายในและนอกให้เป็นระบบ Digitization เพื่อความคล่องตัว รวมไปถึงยังเตรียมลงทุนใน Startup ต่างๆที่สามารถมาช่วยสนับสนุน Core หลักในธุรกิจทั้งด้านตัวโปรดักซ์หรือการบริการให้ดียิ่งขึ้น