ระบบเว็บไซต์ภายในส่วนพนักงานของ Apple มีพื้นที่สำหรับการตั้งคำถามและพูดคุยกับผู้บริหาร ประเด็นหนึ่งที่ถูกยกขึ้นมาคือเรื่องของการที่ซีอีโอ Tim Cook เข้าร่วมการประชุมกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ Donald Trump โดยหัวข้อดังกล่าวกล่าวว่า “ทำไม Tim Cook ถึงรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องไปพบ Trump” คำตอบสั้นๆ คือ “เราต้องไปเพื่อแสดงความคิดเห็น”
เมื่อไม่นานมานีมีการประชุมโต๊ะกลมโดย Donald Trump ร่วมกับผู้นำบริษัทเทคโนโลยีหลายคน เช่น Sheryl Sandberg จาก Facebook, Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon, Larry Page จาก Google, Satya Nadella ซีอีโอ Microsoft และอีกมากมายซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวท็อปในซิลิคอน วัลเล่ย์ โดยทั้งหมดพูดคุยกันถึงหลากหลายเรื่องราว แต่หัวข้อที่ดูเหมือนจะได้รับความสนใจที่สุดคือ มันคุ้มไหมที่ร่วมมือกับ Trump ในบริบทนี้ ซึ่ง Cook มองว่าการเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้มีประโยชน์กว่าการไม่ทำอะไรเลย
“ส่วนตัวแล้ว ผมไม่เคยเห็นว่าการเฝ้ามองอยู่ห่างๆ จะทำให้เราประสบความสำเร็จ เราจะมีผลต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ก็ต่อเมื่อเราก้าวขาเข้าไปในพื้นที่นั้นๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นในประเทศนี้ ใน EU ในจีน หรืออเมริกาใต้ เราจึงเข้าร่วม เราเข้าร่วมเมื่อเราเห็นด้วย และเราเข้าร่วมเมื่อเราไม่เห็นด้วย ผมคิดว่ามันสำคัญมากที่ต้องทำแบบนี้ เพราะคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เพียงแค่ร้องโวยวาย แต่คุณต้องเปลี่ยนมันโดยการแสดงให้คนเห็นว่าทำไมทางที่คุณเลือกถึงดีที่สุด มันคือการอภิปรายทางความคิด”
สำหรับคำถามที่ว่ามีความจำเป็นอะไรที่ Apple ต้องเข้าร่วมกับรัฐบาล Cook กล่าวว่ามีหัวข้อที่เฉพาะเจาะจงหลายเรื่องที่ Apple เป็นห่วง และเราจำเป็นต้องเข้าไปทำให้มันถูกต้อง
“มันสำคัญมากในการเข้าร่วม เพราะรัฐบาลสามารถมีผลต่อความสามารถของสิ่งที่เราทำ พวกเขาสามารถตอบโต้ได้ทั้งในเชิงบวกและตรงกันข้าม สิ่งที่เราทำคือโฟกัสในส่วนของนโยบาย ส่วนหนึ่งที่เราให้ความสำคัญก็คือนโยบายเรื่องของความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และการศึกษา พวกเขากำลังสนับสนุนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคนและกำลังขยายความคำว่าสิทธิมนุษยชนให้กว้างขึ้น พวกเขากำลังต่อสู้กับปัญหาทางสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราก็ทำโดยการดำเนินธุรกิจบนนโยบายการใช้พลังงานทดแทน 100%”
แม้ว่าเข้าจะไม่ได้ตอบแบบเจาะจงลงลึกถึงปัญหาในคำถามมากนัก แต่คำตอบของ Cook ก็แตะไปที่หลายท๊อปปิคที่เกี่ยวกับการกังขาในท่าทีของ Trump โดย Cook สรุปไว้ว่า “เราจะยืนหยัดในสิ่งที่เราเชื่อ เราคิดว่านี่คือส่วนประกอบหลักของความเป็น Apple และเราจะทำต่อไป”
หลังการประชุมมีภาพของ Cook ออกมาเป็น meme อยู่ในอินเทอร์เน็ตพักใหญ่ กับการล้อเลียนที่คนพูดกันว่าสีหน้าของเขาดูใกล้จะทนไม่ไหวเต็มทีเหมือนกับกำลังท่องในใจว่า “ไม่อยากเชื่อว่าฉันต้องมาอยู่ตรงนี้ แต่หน้าที่นี้ต้องมีคนทำ” และดูเหมือนคำตอบของ Cook จะสนับสนุนความคิดนี้
ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump จะออกกฎหมายเกี่ยวกับนโยบายการอพยพข้ามชาติ ความปลอดภัยไซเบอร์ และการปกป้องสิ่งแวดล้อมตามที่ได้หาเสียงเอาไว้หรือเปล่า ซึ่งดูจากการเลือกคณะรัฐมนตรีแล้วก็เหมือนว่าจะไม่ได้หลุดจากนั้นมากนัก ดังนั้นหากมีการบาลานซ์ที่ดีของนโยบานเหล่านั้นกับความเป็นส่วนตัว เหล่า CEO แบบ Cook ก็คงจะเต็มใจในการเอาบริษัทเข้าร่วมนโยบายมากขึ้น
ด้านล่างนี้เป็นฉบับเต็มของการตอบโดย Tim Cook
คำถาม: สัปดาห์ที่ผ่านมาคุณร่วมกับผู้นำบริษัทเทคโนโลยีหลายรายเข้าพบว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump อยากทราบว่ามีความจำเป็นอย่างไรสำหรัย Apple ที่ต้องเข้าร่วมกับรัฐบาล?
คำตอบ: มันสำคัญมากในการเข้าร่วม เพราะรัฐบาลสามารถมีผลต่อความสามารถของสิ่งที่เราทำ พวกเขาสามารถตอบโต้ได้ทั้งในเชิงบวกและตรงกันข้าม สิ่งที่เราทำคือโฟกัสในส่วนของนโยบาย ส่วนหนึ่งที่เราให้ความสำคัญก็คือนโยบายเรื่องของความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และการศึกษา พวกเขากำลังสนับสนุนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคนและกำลังขยายความคำว่าสิทธิมนุษยชนให้กว้างขึ้น พวกเขากำลังต่อสู้กับปัญหาทางสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราก็ทำโดยการดำเนินธุรกิจบนนโยบายการใช้พลังงานทดแทน 100%
และแน่นอน การสร้างงานเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่เราทำ คือการเปิดโอกาสให้คนได้มีอาชีพ ไม่ใช่เฉพาะการทำงานกับ Apple โดยตรง แต่ยังมีแรงงานอีกมากที่จำเป็นต่อระบบสายการผลิตของเรา เราจึงภูมิใจมากที่เราสามารถมีงานให้กับคนถึง 2 ล้านงานเฉพาะในประเทศเรา และส่วนใหญ๋เป็นนักพัฒนาแอปพลิเคชั่น มันทำให้ทุกคนมีโอกาสในการขายงานของตัวเองให้กับโลก ซึ่งเป้นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้
เรายังมีส่วนอื่นๆ นอกจากศูนย์กลางธุรกิจ อย่างการปฏิรูปภาษีและบางเรื่องที่เราสนับสนุนมากอย่างยาวนาน เช่นเรื่อง Simple system และเรายังผลักดันการปฏิรูปทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อป้องกันการฟ้องร้องเกี่ยวกับการขโมยทางความคิด
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่รอให้แก้ไข และทางที่คุณจะสามารถจัดการกับมันได้คือการเข้าร่วม ส่วนตัวแล้ว ผมไม่เคยเห็นว่าการเฝ้ามองอยู่ห่างๆ จะทำให้เราประสบความสำเร็จ เราจะมีผลต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ก็ต่อเมื่อเราก้าวขาเข้าไปในพื้นที่นั้นๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นในประเทศนี้ ใน EU ในจีน หรืออเมริกาใต้ เราจึงเข้าร่วม เราเข้าร่วมเมื่อเราเห็นด้วย และเราเข้าร่วมเมื่อเราไม่เห็นด้วย ผมคิดว่ามันสำคัญมากที่ต้องทำแบบนี้ เพราะคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เพียงแค่ร้องโวยวาย แต่คุณต้องเปลี่ยนมันโดยการแสดงให้คนเห็นว่าทำไมทางที่คุณเลือกถึงดีที่สุด มันคือการอภิปรายทางความคิด
เราจะยืนหยัดในสิ่งที่เราเชื่อ เราคิดว่านี่คือส่วนประกอบหลักของความเป็น Apple และเราจะทำต่อไป
แปลและเรียบเรียงโดย Prim NM