การเกิดขึ้นของ “LINE TV” เป็นโมเดลลูกผสมระหว่าง “สถานีโทรทัศน์” และ “YouTube” กล่าวคือ มีการจัดผังรายการ และมีผู้ติดตามดูคอนเทนต์ต่างๆ เหมือนกับช่องทีวี ขณะเดียวกันสามารถเข้าไปดูย้อนหลังได้เหมือน YouTube โดยดูผ่านสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
นับตั้งแต่เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2557 ถึงวันนี้เส้นทางของ “LINE TV” ยังอยู่ในสเตปเริ่มต้น และถือเป็นแพลตฟอร์มใหม่สำหรับตลาดเมืองไทย ดังนั้นความท้าทายใหญ่จึงอยู่ที่สร้างการรับรู้ไปยังคนไทยในวงกว้าง พร้อมทั้งเพิ่มความหลากหลายของประเภทคอนเทนต์ เพิ่มยอดวิว สร้างฐานผู้ชม ควบคู่กับการทำให้ผู้ชมใช้เวลากับการดูคอนเทนต์นานขึ้น สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การสร้างรายได้จาก Advertiser ที่มาซื้อโฆษณาในรูปแบบต่างๆ
“มุมหนึ่ง LINE TV เป็นสถานีโทรทัศน์ แต่เรา Trendy กว่า เพราะผังรายการสามารถปรับเปลี่ยน และยืดหยุ่นได้มากกว่า ทำให้เราเป็นมากกว่าทีวี ขณะเดียวกันคนดูรายการรีรันเหมือนกับ YouTube แต่เราไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปทำคอนเทนต์ได้เหมือน YouTube” คุณแดน ศรมณี ผู้อำนวยการธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย ฉายภาพโมเดล LINE TV
คนไทยดู “คอนเทนต์วิดีโอออนไลน์” มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 2 เท่า!
พฤติกรรมการดูคอนเทนต์ของคนไทย ปัจจุบันนิยมดู “คอนเทนต์วิดีโอออนไลน์” มากขึ้น ผ่าน Smart Device โดยเฉลี่ยคนไทยใช้เวลาในการดูคอนเทนต์วีดีโอออนไลน์ 133 นาทีต่อวัน มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 2 เท่า ขณะที่ทั่วโลกดู 65 นาทีต่อวัน
นี่จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของ LINE TV ที่จะรองรับความต้องการของคนไทยในการเสพคอนเทนต์ ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมามียอดวิวเพิ่มขึ้น 136% โดย 80% ดูบนสมาร์ทโฟน ทำให้ยอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเมื่อสิ้นปี 2559 อยู่ที่ 14 ล้านดาวน์โหลด ในจำนวนนี้เป็น Active User 60 – 70%
โดยเฉลี่ยคนดูใช้เวลาชมคอนเทนต์บน LINE TV 152 นาทีต่อคนต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 84 นาทีต่อคนต่อวันเมื่อปี 2558 ส่วนช่วงเวลา Prime Time ที่มีคนเข้ามาดูมากที่สุดอยู่ตั้งแต่ 18.00 – 23.00 น.
ขณะที่กลุ่มคนดู แบ่งเป็นกลุ่มอายุ 18 – 25 ปี 50%, อายุ 25 – 35 ปี 35% และ อายุ 35 ปีขึ้นไป 13% โดยปัจจุบันกลุ่มผู้หญิงมีมากกว่ากลุ่มผู้ชาย ในสัดส่วน 54% และ 46% ตามลำดับ
Original & Exclusive Content แม่เหล็กดึงคนดู – สร้างความต่าง
หัวใจสำคัญที่จะทำให้เพิ่มยอดวิว ขยายฐานผู้ชม และเกิดฐานผู้ชมเหนียวแน่น คือ “คอนเทนต์” ซึ่งในปัจจุบัน LINE TV มีคอนเทนต์ 7 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มคอนเทนต์ละคร, บันเทิง, เพลง, อนิเมชั่น, ถ่ายทอดสด และล่าสุดเพิ่มคอนเทนต์กีฬา และ บิวตี้
ใน 7 กลุ่มนี้ คอนเทนต์ที่จะเป็น “แม่เหล็ก” ดึงคนดู และตรึงให้อยู่กับ LINE TV ต่อเนื่อง คือ 1. Original Content – Original Program เป็นคอนเทนต์ที่ออกอากาศเฉพาะบน LINE TV ที่เดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นซีรีย์ และรายการวาไรตี้ต่างๆ มีทั้ง LINE TV ผลิตเอง และจับมือกับพันธมิตรร่วมกันผลิต 2. Exclusive Content ที่ร่วมกับพันธมิตร เช่น ดิจิทัลทีวี และผู้ผลิตคอนเทนต์ นำคอนเทนต์ที่ออกอากาศบนช่องทางอื่น เช่น ทีวี แล้วนำคอนเทนต์มารีรัน หรือให้ได้รับชมก่อนเฉพาะบน LINE TV โดยปีนี้จะเน้นทำคอนเทนต์ทั้งสองรูปแบบดังกล่าวมากขึ้น
ขณะที่รายได้ของ LINT TV มาจากโฆษณา ที่ทำในรูปแบบต่างๆ เช่น Pre-Roll Ads, Sponsorship และ Tie-in สินค้าเข้าไปอยู่ในคอนเทนต์ นอกจากนี้ปีนี้จะเน้น LIVE Content หรือคอนเทนต์ที่ถ่ายทอดสดมากขึ้น เพื่อหารายได้จากส่วนนี้มากขึ้น โดยทำเป็น Project Base ให้กับลูกค้า
“ความแตกต่างของ LINE TV คือ การทำ Collaboration ที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง 3 ส่วนสำคัญ คือ LINE TV ที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม, เจ้าของสินค้าที่ลงโฆษณากับเราในรูปแบบต่างๆ และการสร้างพันธมิตรด้านคอนเทนต์ ที่มีความแข็งแกร่งและมีจุดแข็งในเรื่องต่างๆ ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมเป้าหมายได้กว้างขวาง”
ปีนี้จับมือกับ 5 พันธมิตรใหม่ ได้แก่ ช่อง 8, GMM BRAVO ในเครือ GMM Grammy ที่มาเสริมทัพด้านคอนเทนต์ละครและซีรีย์, Muzik Move ค่ายเพลงน้องใหม่, 123 RECORDS เติมเต็มคอนเทนต์เสียงเพลง และ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล นำเสนอไฮไลท์ภายยนตร์ รวมถึงบทสัมภาษณ์นักแสดงให้ได้รับชมก่อนใครผ่านทาง LINE TV
“กีฬา – บิวตี้” Top 10 Content คนไทยชอบมากที่สุด
คอนเทนต์มากมาย หลากหลายประเภท คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยมากที่สุด คือ กีฬา และ บิวตี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมรายการกีฬาดังๆ และการแข่งขันแมตช์ใหญ่ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ถึงมีค่าลิขสิทธิ์ออกอากาศสูงลิ่ว และแต่ละช่องยอมจ่าย เพื่อให้ได้มาเป็นออกอากาศ ในขณะที่รายการบิวตี้ เป็นหนึ่งในคอนเทนต์สุดฮิตตลอดกาล
ปีนี้ LINE TV จึงได้ปล่อยหมัดเด็ดเพิ่มคอนเทนต์ “กีฬา” และ “บิวตี้” เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ชมเป้าหมายกว้างขึ้น และเพิ่มยอดวิวสูงขึ้น นำไปสู่การเติบโตด้านรายได้จาก Advertiser
สำหรับคอนเทนต์กีฬา มีทั้งฟุตบอลลีกดังจากต่างประเทศ มวยไทย กอล์ฟ รวมถึงรายการสำหรับคนรักจักรยานจากพาร์ทเนอร์ชื่อดัง เช่น GOAL สื่อฟุตบอลใหญ่ที่สุดในโลก, ช่อง 8 และ Nine Lives
ส่วนบิวตี้ รวบรวมคอนเทนต์จากบรรดาบิวตี้ บล็อกเกอร์ และกูรูด้านความงาม พร้อมรีวิวไอเท็มก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็น Jeban, Wongnai และนิตยสาร VOGUE
“วันนี้ LINE TV เป็นแพลตฟอร์มใหม่ โจทย์ของเราต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียว โดยปัจจัยหลักที่จะทำให้ LINE TV ประสบความสำเร็จ ต้องเป็นแพลตฟอร์มที่คัดสรรคอนเทนต์ตรงกับกระแสความต้องการของผู้ชม และตลาดในปัจจุบัน เพื่อเป็นช่องทางสำคัญในการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และแคมเปญในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา และตรงกลุ่มเป้าหมาย” คุณแดน กล่าวทิ้งท้าย