HomeBrand Move !!จาก “ร้านสุกี้เอ็มเค” สู่ “MK Live” ยุทธวิธีคิดนอกกรอบ สร้างปรากฏการณ์ใหม่วงการหม้อไฟ

จาก “ร้านสุกี้เอ็มเค” สู่ “MK Live” ยุทธวิธีคิดนอกกรอบ สร้างปรากฏการณ์ใหม่วงการหม้อไฟ

แชร์ :

จากร้านสุกี้หม้อไฟฟ้าสาขาแรกที่เซ็นทรัล ลาดพร้าวเมื่อ 33 ปีที่แล้ว…มาวันนี้ “ร้านสุกี้เอ็มเค” เติบโตเป็นอาณาจักร “บมจ. เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป” (MK Restaurants Group) หรือ “เอ็มเค กรุ๊ป” ที่ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือ 8 แบรนด์ รวม 600 สาขา ได้แก่ ร้านเอ็มเคสุกี้, ร้านเอ็มเคโกลด์, ร้านยาโยอิ, ร้านมิยาซากิ เทปปันยากิ, ร้านฮาคาตะราเมน, ร้านอาหารไทย ณ สยาม, ร้านอาหารไทยเลอสยาม, ร้านกาแฟ-เบเกอรี่ อาหารไทยสไตล์ตะวันตก เลอเพอทิท คาเฟ่ พร้อมทั้งขยายแฟรนไชส์ออกสู่ตลาดต่างประเทศในเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ ลาว

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

มาเจาะลึกกันว่าอะไรคือ กุญแจความสำเร็จของ “เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป” ที่สามารถฝ่าคลื่นการแข่งขันธุรกิจร้านอาหารในไทยมูลค่ากว่า 3.9 แสนล้านบาท ที่เต็มไปด้วยแบรนด์น้อยใหญ่มากมาย และก้าวต่อไปจากนี้ กำลังมุ่งไปสู่ 1,000 สาขา พร้อมด้วยการเปิดโมเดลใหม่ล่าสุด “เอ็มเค ไลฟ์” (MK Live) พัฒนาการครั้งสำคัญของแบรนด์เอ็มเค ที่จะเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่ม

“Continuous Improvement” หัวใจธุรกิจร้านอาหาร

นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดสาขาแรกของ “ร้านสุกี้เอ็มเค” หัวใจสำคัญที่ “คุณฤทธิ์ ธีระโกเมน” ผู้สร้างอาณาจักร “เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป” พร้อมด้วยทีมผู้บุกเบิกธุรกิจ ยึดมั่นมาโดยตลอด คือ การพัฒนาอาหารและการบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อเนื่อง หรือ Continuous Improvement

“ตอนเริ่มต้นเปิดร้านแรก ผมกับภรรยา (คุณยุพิน ธีระโกเมน) ไม่เคยคิดว่าจะเป็น Chain Restaurant อย่างทุกวันนี้ ตอนนั้นคิดแต่เพียงว่าเราจะดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด และขอให้ร้านแรกไปได้ดี แค่นี้เราพอใจแล้ว แต่หลังจากนั้น ธุรกิจก็เติบโตมาเรื่อยๆ และกลายเป็น Chain Restaurant โดยอัตโนมัติ

ถึงวันนี้ร้านสุกี้เอ็มเค เป็นร้านอาหารที่อยู่ในใจลูกค้าตลอดมา และเรื่องอาหารสุขภาพ เราจองความเป็นที่หนึ่งในใจผู้บริโภคได้ ซึ่งการทำธุรกิจร้านอาหาร เราคิดมาตลอดว่าทำอย่างไรให้อาหารและบริการของเราดียิ่งขึ้น เป็นหลักการทำงานของเอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป เพื่อไม่หยุดนิ่งที่จะไม่พัฒนาปรับปรุง และต้องมีสิ่งใหม่ๆ หรือคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ มาสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด

ร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ต้องตั้งใจทำ ใส่ใจรายละเอียด เข้ามาดูแลด้วยตัวเอง และมีความเป็นมืออาชีพ ถ้าไม่ทำอย่างมืออาชีพ การจะประสบความสำเร็จในระยะยาว และเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นไปได้ยาก ประกอบกับบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถคงความแข็งแรงของธุรกิจได้”

สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ “เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป” ตั้งเป้าเติบโต 9% จากปีก่อนที่โต 4% เนื่องจากปัจจัยบวกแวดล้อม ทั้งภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ภาครัฐมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบคนนาคม รวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเอ็มเค และราคาพืชผลทางการเกษตรอยู่ในสถานการณ์ดีขึ้น

พร้อมทั้งวางงบลงทุนทั้งปี 400 – 500 ล้านบาท และตั้งเป้าขยายสาขาในประเทศ ไม่ต่ำกว่า 40 สาขา แบ่งเป็นร้านเอ็มเค 15 สาขา ยาโยอิ 25 สาขา มิยาซากิ 5 สาขา และแบรนด์อื่นๆ ในพอร์ตโฟลิโอ ขณะที่ต่างประเทศเปิดเพิ่ม 4 – 5 สาขา ขณะที่เป้าหมายใหญ่ “เอ็มเค กรุ๊ป” ต้องการมี 1,000 สาขา (ในประเทศ) ภายใน 7 ปีนับจากนี้

“เมื่อ 2 – 3 ปีก่อนหน้านี้ เราได้ลงทุนครัวกลางไปแล้ว เพื่อรองรับ 1,000 สาขา จากปัจจุบันมี 600 สาขา เพราะฉะนั้น Capacity ยังสามารถรองรับได้อีก 400 สาขา แต่การจะไปถึง 1,000 สาขา ต้องอยู่ในสถานการณ์เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมา และเรามีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 8 – 9% ต่อปี”

“MK Live” คนรักสุขภาพฟิน!!

นับตั้งแต่ปี 2527 ที่ก่อกำเนิดร้านสุกี้เอ็มเคสาขาแรก ต่อมาในปี 2543 ได้พัฒนารูปแบบ “เอ็มเคโกล์ด” ล่าสุดปีนี้ เตรียมแผนรุกธุรกิจครั้งใหญ่ ภายใต้การบริหารงานของทายาทรุ่น 2 เพื่อเจาะแนวรบธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย ที่มีมูลค่าทะยานขึ้นไปถึง 3.9 แสนล้านบาทในปีนี้

โดยทุ่มไม่ต่ำกว่า 10 – 20 ล้านบาท เปิด Concept Store แนวคิดใหม่ ภายใต้ชื่อ “MK Live” แฟล็กชิพ สโตร์ แห่งแรกในประเทศไทยที่ศูนย์การค้า The Emquartier เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ของมื้ออาหารให้ผู้บริโภค รองรับกลุ่มลูกค้าสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงานตอนต้น และครอบครัวที่ชื่นชอบการลองสิ่งใหม่ๆ ที่ประยุกต์ไลฟ์สไตล์เข้ากับมื้ออาหาร และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจสุขภาพ จากที่ผ่านมาเมื่อพูดถึงร้านสุกี้เอ็มเค คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นร้านอาหารสำหรับครอบครัว แต่เอ็มเค ต้องการเป็นร้านอาหารสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย

“คนรุ่นเรา คือรุ่นแรกที่สร้างเอ็มเค เพราะฉะนั้นเอ็มเคยุคต่อไป ต้องนำโดยคนหนุ่มสาว เพื่อให้แบรนด์ทันสมัยขึ้น ซึ่ง MK Live เป็นปรากฏการณ์ใหม่สำหรับร้านอาหารหม้อไฟ แม้เราทำมากว่า 30 ปี ยังรู้สึกว่าครั้งนี้ออกนอกกรอบ เปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหาร โดยยึดเอาเอกลักษณ์ของแบรนด์เอ็มเคเป็นหัวใจหลัก และใช้เวลาศึกษา พร้อมทั้งวางกลยุทธ์ด้านการตลาด จนมั่นใจว่า MK Live จะเป็นจุดขายและจุดแข็งสำคัญตัวใหม่ในการรุกธุรกิจร้านอาหาร และช่วยเสริมพอร์ตธุรกิจของกลุ่มเอ็มเคให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งยกระดับแบรนด์ร้านอาหารเชนทั้งหมดในประเทศ”

ทางด้านทายาทรุ่น 3 “คุณทานตะวัน ธีระโกเมน” ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เล่าว่า นำคำว่า “LIVE” คือ ความสดใหม่ มีชีวิตชีวา มาเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการพัฒนาส่วนต่างๆ ของร้าน โดยขยายออกเป็น 4 มิติหลัก คือ Live Service ต่อยอดจากจุดเด่นของร้านสุกี้เอ็มเคในด้านงานบริการ, Live Showcase หรือครัวเปิด ที่โชว์ให้เห็นเมนูที่เชฟทำสดภายในร้าน, Live Ingredient คิดค้นรายการอาหารใหม่และใช้วัตถุดิบดีขึ้น โดยมีเมนูสุกี้ต้มแบบดั้งเดิม พร้อมด้วย 5 น้ำซุปให้เลือก และสตีมชาบู ต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น และพัฒนาเมนูเครื่องดื่ม-ขนมขึ้นมาใหม่, Live Experience การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ทั้งด้านเมนู และการตกแต่งร้านที่นำรูปแบบเรือนกระจกของฟาร์มปลูกผักมาเป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่ง เน้นวัสดุจากธรรมชาติ รวมถึงดิสเพลย์ปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ที่ผนังร้าน

“ในการปลุกปั้นแบรนด์ MK Live ถือเป็นโมเดลที่เราเชื่อว่ามีศักยภาพและมีอนาคต สำหรับเป้าหมายการขยายสาขาโมเดลนี้ ต้องเลือกทำเลที่เข้ากับคอนเซ็ปต์ของร้านเท่านั้น และเพื่อให้ตรงคอนเซ็ปต์ของร้านที่เป็นแฟลกชิพ สโตร์ ทางร้านจะหมุนเวียนหาวัตถุดิบที่ดีที่สุดและนำมาจัดทำเป็นเมนู พร้อมกิจกรรมพิเศษ ประกอบกับจะเป็นสาขาแรกที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเอ็มเคสาขาทั่วไปนำไปพัฒนาต่อยอด”

ความท้าทายก้าวต่อไป

นอกจากการพัฒนาแบรนด์ขึ้นเองแล้ว อีกหนึ่งวิธีสร้างการเติบโตทางธุรกิจ คือ การทำ M&A แบรนด์ธุรกิจอาหาร โดยมองแบรนด์ต่างประเทศเป็นหลัก

“เราเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ทำให้บริษัทเติบโตต่อไป ซึ่งการทำ M&A เราจะได้ Chain ใหม่ โดยเรามองทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่โดยหลักเราดูแบรนด์ต่างประเทศ เนื่องจากจะทำให้ได้ทั้งเครือข่ายสาขา และการขยายธุรกิจระดับต่างประเทศ อีกทั้งอาจใช้แบรนด์ที่ได้มา ต่อยอดกับแบรนด์ที่เรามีอยู่ในพอร์ตโฟลิโอก็ได้

ที่ผ่านมามีการเจรจาพูดคุยหลายปีแล้วเป็น 10 แบรนด์ แต่ยังไม่ได้ลงเอยกับใคร เนื่องจากเอ็มเคมีแนวคิด Conservative อะไรที่เป็นการลงทุน และมีความเสี่ยงสูง เราไม่ทำ เพราะปัจจุบันเรามีอยู่สถานะมั่นคงอยู่แล้ว ดังนั้นเราจะไม่ทำ จนกว่าเราจะมั่นใจว่าแบรนด์ที่เราซื้อมา เป็นแบรนด์มีคุณภาพ และเราสามารถทำให้แบรนด์นั้นเติบโตได้”

ไม่เพียงเท่านี้ อีกหนึ่งความท้าทายสำคัญของ “เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป” คือ การสืบทอดธุรกิจ ด้วยการส่งไม้ต่อสู่ “ทายาทรุ่น 3” ที่ขณะนี้ได้เข้ามาดูแลงานส่วนต่างๆ แล้ว ควบคู่กับการมีมืออาชีพจากข้างนอก

“เอ็มเค เป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 30 ปี ในขณะที่คนรุ่นแรกคงไม่สามารถทำได้ตลอดชีวิต ดังนั้น ความท้าทาย คือ การสร้างคนรุ่นใหม่มาดูแล ซึ่งเวลานี้บริษัทมีลูกหลาน 5 – 6 คน พร้อมด้วย Professional ที่มีหัวคิดสมัยใหม่ และมีพลังเข้ามาเติมเต็ม ทำให้ทุกวันนี้ ในองค์กรเป็นการทำงานระหว่าง Family Member และ Professional โดยเริ่มมา 5 – 6 ปีแล้ว

ในขณะที่คนรุ่นเก่า คอยเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำด้านความคิด คนที่เป็นผู้ก่อตั้ง คงไม่สามารถ Total Retire หรือเกษียณจากงานได้ 100% ทำได้เต็มที่คือ เกษียณแล้ว ยังมาเป็นที่ปรึกษา สัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อเวลาการทำงานมีปัญหา จะได้ให้คำแนะนำ เพราะการเรียนรู้ ไม่ใช่แค่วันนี้ พรุ่งนี้ แล้วจะทำได้ บางครั้งใช้เวลาเป็น 10 ปีกว่าที่เขาจะสามารถเข้าใจได้ถ่องแท้ ต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์

สิ่งสำคัญคือ คนเราต้องมีคุณสมบัติเรียนรู้ได้ เมื่อเรียนรู้ได้ ก็ทำงานได้ เพราะธุรกิจอาหารต้องเรียนรู้ตลอดเวลา และต้องลงมือทำจริง โดยคนรุ่นเก่าต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสได้ลงมือทำจริง”


แชร์ :

You may also like