ศูนย์สร้างผู้ประกอบการที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หรือ IDE Center by UTCC (Innovation-Driven Entrepreneurship Center) ร่วมกับ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME BANK)กลุ่มบริษัท ดั๊บเบิ้ลเอ และพันธมิตรอีกมากมาย ได้จัดงาน IDE Thailand 2017 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
IDE Thailand 2017 เป็นการรวมตัวของการประกอบการนวัตกรรม เทคโนโลยี และศิลปะจากทั่วทุกมุมโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ เสริมสร้างความรู้และผลักดันให้ผู้ประกอบการคนไทยเป็นผู้ประกอบการที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และพัฒนาตัวเองให้แข่งขันในตลาดโลกได้
ซึ่งในปีนี้ไฮไลท์สำคัญของงานอยู่ที่การนำเอาเสนอเรื่องราว Think Big, Act Small การคิดใหญ่ แต่ทำในจุดเล็กๆ ซึ่งนั่นเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม The Think Big, Act Small Symposium ผ่านผลงานของวิทยากรที่มากประสบการณ์ที่จะมาจุดประกายความคิดให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปขับเคลื่อนธุรกิจของตัวเองได้
Think Big, Act Small ถูกขยี้ออกมาจนเป็นแนวคิดที่สามารถหยิบไปใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดย Brian Cotter นักเปลี่ยนแปลง (Change Maker) แห่ง UNICEF ผู้นำเอาแนวคิดนี้ไปใช้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดผลกระทบวงกว้างมาแล้ว กล่าวว่า หลักการ Act Small นั้น เริ่มต้นง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันจาก “เพียงแค่ตื่นเช้ามา เริ่มต้นชีวิตด้วยการทำสิ่งเล็ก ๆ ทำความสะอาดเตียง เขียนบันทึก ออกกำลัง วันนั้นก็จะเป็นวันที่ดีนั่นก็เพราะคุณได้ทำอะไรสักอย่างที่มีคุณค่า แทนที่จะปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ วางแผนที่ยิ่งใหญ่ในใจ โดยไม่ทำอะไรเลยอย่างเช่นการนั่งเล่นคอมพิวเตอร์แล้วเลื่อนดูข่าวสารที่มีแต่ Fake News”
ซึ่งที่ผ่านมานั้น Brian Cotter เคยใช้แนวคิดนี้ในการเปลี่ยนโลกด้วการทำ Cotter ทำงานในตำแหน่ง UNICEF Innovation Team Spotlight ที่เวียดนามมากว่า 10 ปี โดยงานหลักคือการทำงานกับเยาวชนผ่านโครงการที่มีชื่อว่า Up Shift
Up Shift เป็นโครงการที่ช่วยสร้างเสริมความสามารถและโอกาสให้กับเยาวชนของเวียดนาม ทำให้คนรุ่นใหม่ของเวียดนามสามารถมองเห็นปัญหาในสิ่งที่ทำ สามารถออกแบบแผนการ แล้วลงมือทำ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือในภาคปฏิบัติเป็นส่วนที่เห็นผลชัดเจนมากที่สุด Brian Cotter ยังกล่าวย้ำอีกว่า สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นจากการทำโครงการนี้ก็คือ เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการมักจะรู้สึกว่า สิ่งที่ทำนั้นยากลำบาก ไม่สามารถทำได้ และอยากล้มเลิกการร่วมโครงการนี้
แต่พอทุกคนทำงานร่วมกันผ่านหลักคิด 4 ประการนั่นคือ การหาความรู้ (Education) การเพิ่มขีดความสามารถ (Empowerment) ความเสมอภาค (Equity) และการประกอบการ (Entrepreneurship) สิ่งเหล่านี้ทำให้เยาวชนเหล่านั้นเข้าใจว่าพวกเขามีความคิดดี ๆ อยู่ในหัวมากมาย แต่ถ้าไม่ลงมือทำเลย ก็จะไม่เกิดอะไรขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดเจนมากที่สุดจากสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากโครงการนี้ได้ก่อตั้งขึ้นคือ การออกแบบคู่มือช่วยคนพิการในการเดินทางขนส่งสาธารณะ ซึ่งถูกต่อยอดโดยส่วนบริหารท้องถิ่นของเวียดนามให้กลายเป็นโครงการที่ช่วยเหลือผู้คนได้จริง
นับว่าเป็นภาพที่ชัดเจนตอบโจทย์ Think Big ที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมเยาวชน และ Act Small ผ่านโครงการ Up Shift นั่นเอง
“Act Small นั้น เริ่มต้นง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เพียงแค่ตื่นเช้ามา เริ่มต้นชีวิตด้วยการทำสิ่งเล็ก ๆ ทำความสะอาดเตียง เขียนบันทึก ออกกำลังกาย วันนั้นก็จะเป็นวันที่ดีนั่นก็เพราะคุณได้ทำอะไรสักอย่างที่มีคุณค่า แทนที่จะปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ วางแผนที่ยิ่งใหญ่ในใจ โดยไม่ทำอะไรเลยอย่างเช่นการนั่งเล่นคอมพิวเตอร์แล้วเลื่อนดูข่าวสารที่มีแต่ Fake News” Brian Cotter
นี่เป็นเป็นเเค่ส่วนหนึ่งของกูรูด้านธุรกิจที่มาให้แง่คิดสะท้อนเรื่องของ The Think Big, Act Small ในงาน The Think Big, Act Small Symposium
และทำให้เราเห็นว่า ความคิดสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ ก็สามารถเปลี่ยนโลกได้ เพียงแค่เริ่มต้นทำได้ เพื่อในที่สุดความคิดของเราก็จะถูกแปรรูปออกมาเป็น “นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงโลก”
ซึ่งเวทีนี้ยังมีวิทยากรอีกหลายท่านที่มาชี้เเนะ ให้แนวทาง กรณีศึกษาที่ช่วยจุดประกายความคิดใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการ โดยสามารถ ตามหาไอเดียและแรงบันดาลใจในแบบฉบับ Think Big, Act Small ได้ที่ www.facebook.com/idecenterbyutcc
ยังไงอย่าลืมมาแชร์ประการณ์การการคิดแบบ Think Big, Act Small กันบ้างนะครับ
ED&Randy:
Jiawei:
Brian:
Jagdish:
Christopher:
Vipavee:
Jimmy: