แสนสิริมั่นใจในดีมานด์ชาวไทย และต่างชาติยังคงมีต่อเนื่อง ด้วยความที่เมืองพัทยา ยังติดอันดับเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงทุกปี จึงทำให้ความสนใจในการลงทุนพื้นที่พัทยา มีอัตราการขายได้ในภาพรวมตลาดแก่กลุ่มลูกค้า ไทย และต่างชาติในการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อบ้านพักตากอากาศ หรือลงทุนปล่อยเช่ามีตัวเลขสูงขึ้นในปี 2016 ถึง 80% โดยเฉพาะโครงการในรูปแบบคอนโดมิเนียม ซึ่งทำเลที่ยังคงได้รับความนิยม นั่นคือ พื้นที่ติดชายหาด หรือสามารถมองเห็นวิวชายหาดได้ ไม่ว่าจะเป็น “หาดพัทยา” หาดดังระดับโลกใกล้ตัวเมืองพัทยา จากพัทยาเหนือถึงพัทยาใต้ หรือ “หาดวงศ์อมาตย์” ความยาวกว่า 1 กม. ที่เน้นความสงบเป็นส่วนตัว เป็นต้น (ข้อมูลจากฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ระบุว่า ในปี2016 พบสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมจากเดิมที่ 3% ขยับมาอยู่ที่ 80% จากยอดอุปทานรวม 56,953 ยูนิต และเมื่อพิจารณาพื้นที่ติดหาดจะเห็นว่ามีอัตราการขายได้ที่ดี เฉลี่ยอยู่ที่ 80% เช่นกัน)
นาย อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจ และพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยข้อมูลว่า “สำหรับภาพรวมตลาดพัทยาในปี 2017 นี้ ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับแนวโน้มที่ดีมาตั้งแต่ปี 2016 จนกระทั่งต้นปี 2017 ที่ผ่านมา ยังคงมีการเติบโตในตลาดพัทยาต่อเนื่อง เพราะยังคงเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่มีศักยภาพและได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและต่างชาติมาโดยตลอด แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเมืองพัทยาจะได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียซึ่งเป็นกลุ่มหลักลดลง แต่สังเกตได้ว่าดีมานด์บริเวณพื้นที่ชายทะเลกลับเติบโตได้ดี ทั้งจากผู้ซื้อชาวไทย และต่างชาติอื่นๆ อาทิ ชาวจีน ที่มีแนวโน้มการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นแทนที่ถึง 31% ซึ่งปัจจุบัน ทำเลในพื้นที่หาดวงศ์อมาตย์ยังอยู่ในความสนใจของตลาด เนื่องจากมีความโดดเด่นในเรื่องของทำเลที่เป็นส่วนตัว โดยมีสัดส่วนยอดขายได้สูงถึง 85% ของอุปทานรวม ในระดับราคาระหว่าง 95,000 – 120,000 บาท ต่อตารางเมตร โดยส่วนใหญ่จะนิยมห้องขนาด 1 ห้องนอน ขนาด 40-55 ตารางเมตร เนื่องจากเป็นห้องขนาดกลางที่สามารถรองรับการเข้าพักได้หลายคน และตอบสนองความต้องการอยู่ของผู้เช่าได้อีกด้วย”
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริไม่ว่าเป็นโครงการเดอะเบส พัทยากลาง (THE BASE Central Pattaya) คอนโดมิเนียมแบรนด์ภายใต้ ‘เดอะ เบส’ ใจกลางเมืองพัทยาบนถนนศักยภาพพัทยาสายสอง ที่ปิดการขาย 100% อย่างรวดเร็วในปี 2556 โดยหลังจากที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดในปี 2559 แล้ว ลูกค้ามีการเข้าโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 66% และต่างชาติถึง 34% โดยแบ่งเป็นซื้อเพื่ออยู่เอง และปล่อยเช่าในสัดส่วน 30:70 ตามลำดับ และมี Rental Yield หรืออัตราการปล่อยเช่าในเกณฑ์ที่ดีถึง 7 % รวมถึงมีราคา Resale เติบโตสูงขึ้นถึง 15-20% ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุน และสำหรับโครงการบ้านปลายหาด พัทยา (BAAN PLAI HAD by Sansiri) คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์บนหาดวงศ์อมาตย์ ปัจจุบันมียอดขายอยู่ที่ 95% โดยมีสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 80% และต่างชาติ 20% โดยแบ่งเป็นซื้อเพื่ออยู่เอง และปล่อยเช่าในสัดส่วน 60:40 ตามลำดับ ซึ่งในช่วงต้นปี 2017 ที่ผ่านมา แสนสิริได้นำทั้งโครงการบ้านปลายหาด และเดอะเบส พัทยากลางเข้าเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญ Holiday Homes เพื่อรับดีมานด์ตลาดบ้านพักตากอากาศเมืองท่องเที่ยวช่วงไฮซีซัน ที่รวบรวมโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศพร้อมอยู่เพื่อวันพักผ่อนครอบคลุมเมืองท่องเที่ยวดัง 5 จังหวัด โดยเฉพาะโปรโมชั่นพิเศษในโครงการบ้านปลายหาด ขนาด 3 ห้องนอน แต่งครบ วิวทะเล เริ่ม 14.99ล้าน* เท่านั้น ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้ามากขึ้น รวมถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์และคุณภาพในโครงการของแสนสิริด้วย
“ทั้งนี้ราคาตลาดอสังหาฯ ในเมืองพัทยา มีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบริเวณติดชายหาด หรือวิวทะเล จากต้นทุนการพัฒนาโครงการที่สูงขึ้น และข้อจำกัดด้านที่ดินอาจส่งผลให้การลงทุนในคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่เป็นทางเลือกที่ยังคงความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งมีความคุ้มค่าด้านราคาขายที่จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย และสามารถเห็นห้องจริงก่อนการตัดสินใจซื้อได้ทันที ซึ่งต่างจากโครงการใหม่ ที่ยังมีความไม่แน่นอนด้านการก่อสร้าง จึงถือเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ในปัจจุบัน” คุณอุทัยกล่าวเสริม