ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่หรือสปอร์ตดริ้งค์ ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท คึกคักอีกระลอก เมื่อเบอร์ 1 ในตลาดน้ำผลไม้อย่าง “ทิปโก้” ขอโดดลงมาท้าชิง จะให้ออกมาแล้วท้ารบต่อกรกับเบอร์ 1 ยักษ์ใหญ่อย่าง “สปอนเซอร์” แห่งค่ายกระทิงแดงเลยคงจะหนักเอาเรื่อง จึงเจาะซอยเซ็กเมนท์มาเล่นในตลาดเล็กๆ อย่าง “เซ็กเมนท์โมเดิร์น” หรือตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ในบรรจุภัณฑ์ PET นั่นแหละ
“ทิปโก้ เวฟถือเป็นครั้งแรกของบริษัทที่เปิดตัวสินค้าใหม่ ซึ่งไม่ใช่น้ำผลไม้ภายใต้แบรนด์ทิปโก้ เพราะเราต้องการเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอ และตอกย้ำการเป็นผู้นำในการผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค” ขุนพลการตลาดอย่าง “กิตติเชษฐ์ สถิตย์นพชัย” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ทิปโก้ฟู้ดส์ จำกัด(มหาชน) เผยที่มาที่ไปของสินค้าใหม่
“ทิปโก้ เวฟ” (Tipco Wave) เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ที่พยายามหาจุดขายให้ “แตกต่าง” จากคู่แข่งในตลาด และจากการควานหาช่องว่างตลาดก็พบว่า ในระดับพรีเมียมนั้นยังไม่มีผู้เล่น อีกด้านคือความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาสินค้าที่เป็นธรรมชาติจริงๆ ยังไม่มี เป็นคำตอบให้ทิปโก้ เวฟ สามารถแทรกตัวไปอยู่ในตลาดดังกล่าว กลายเป็นการนำเสนอ “เครื่องดื่มเกลือแร่ที่เต็มไปด้วยแร่ธาติธรรมชาติ”
จุดขายแร่ธาตุธรรมชาติ คือ แร่ธาตุบลูไบโอ(BluBio Ocean Mineral) ลิขสิทธิ์เฉพาะของทิปโก้ จากมหาสมุทรแปซิฟิก ประเทศนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ สินค้ายังชูกจุดต่างที่มีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีสารสังเคราห์ แคลอรี่ต่ำ น้ำตาลน้อย ไม่อัดก๊าซ ไม่มีคาเฟอีน หวานอ่อนๆ ต่างจากเครื่องดื่มอื่นในตลาดสปอร์ตดริ้งค์ โดยทิปโก้ เวฟมี 2 รสชาติ รสออริจินัล และรสส้ม เข้ามาประเดิมตลาด
นอกจากการเสริมพอร์ตโฟลิโอของทิปโก้ให้ครบครันแล้ว อีกปัจจัยที่ “กิตติเชษฐ์” มองถึงการเจาะตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ครั้งนี้มาจากเทรนด์การออกกำลังกายของผู้บริโภค ที่มี 2 แบบ แบบแรกคือ ออกกำลังกายเพื่อความสนุก คลายเครียด เข้าสังคม และแข่งขันกีฬาต่างๆ และแบบที่สองคือ ผู้ที่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจริงๆ โดยทั้ง 2 ปัจจัย เป็นแรงผลักดันให้ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่เติบโต 10-15% ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี
เทรนด์ที่บูม มาพร้อมกับการ “เติบโต” จึงไม่แปลกที่จะทิปโก้ จะขอเข้ามาท้าชิงแบ่งมาร์เก็ตแชร์จากบิ๊กแบรนด์เจ้าตลาดบ้าง
ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มีมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท ทิปโก้ มองตลาดเป็น 2 เซ็กเมนท์ ได้แก่ เซ็กเมนท์คลาสสิก หรือในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว มีสัดส่วนประมาณ 85% เจ้าตลาดนี้จะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก “สปอนเซอร์” ครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 85% และอีกตลาดคือตลาดโมเดิร์น ที่เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ในบรรจุภัณฑ์ PET สัดส่วนประมาณ 15% ตลาดนี้น้องใหม่ทุนหนามาแรงแบบสุดๆ เพราะ “ฮันเดรด พลัส” ของเครือไทยเบฟเวอเรจ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 45%
เจาะลึกลงไป มาดูกันว่าใครเป็นใคร ในเซ็กเมนท์โมเดิร์น
ฮันเดรดพลัส (100 Plus) จากค่ายไทยเบฟฯ ส่วนแบ่งตลาด 45% ตามด้วย อควาเรียส (Aquarius)จากค่ายโคคา-โคล่า มีส่วนแบ่งตลาด 28-29% เกเตอเรด 15% โดยตลาดนี้ยังมี “น้องใหม่” 2 ราย ได้แก่ ทิปโก้ เวฟ และโพคารี่สเวทจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง 2 แบรนด์หลัง เลือกทำตลาด “พรีเมียม” ทั้งคู่ โดยอิงจากราคาขายพบว่า ทิปโก้ เวฟ ขนาด 500 มิลลิลิตร อยู่ที่ 30 บาท (แพงกว่าคู่แข่ง 10-15%)และโพคารี่สเวท ราคา 35 บาท (แพงขึ้นไปอีก)
เป้าหมายการปั้นแบรนด์ “ทิปโก้ เวฟ” ครั้งนี้ กิตติเชษฐ์ อยากได้ส่วนแบ่งทางการตลาดในเซ็กเมนท์โมเดิร์น 10-15% ในปีแรก และภายใน 3 ปี ต้องการแย่งแชร์มาเพิ่มเป็น 30-40% “เราจะเป็น Top 2ในเซ็กเมนท์นี้” ส่วนยอดขายใน 3 ปี คาดว่าจะทะลุไปถึง 500 ล้านบาท
ด้านกลยุทธ์การตลาดของทิปโก้ เวฟ ได้ทุ่มงบประมาณ 80 ล้านบาท มุ่งเน้นการตลาดเชิงสร้างสรรค์และสร้างการรับรู้แบรนด์ ควบคู่กับกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ และด้วยเป็นสปอร์ตดริ้งค์ กิจกรรมที่ทำหนีไม่พ้น “สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง” เตรียมหาช่องเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนหรือสปอนเซอร์รายการกีฬายอดนิยมประเภทต่างๆ ทั้งวิ่ง จักรยาน ฟุตบอล แบดมินตัน เป็นต้น หวังครองใจคอกีฬาและแฟนกีฬาเลยให้ได้ ด้านการขายก็ประเดิมเจาะร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในอนาคตเตรียมจะขยายไปยังโมเดิร์นเทรด และสถานออกกำลังกายหรือฟิตเนสให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่อไป
มาดูกันว่าในแง่โปรดักท์ กลยุทธ์การตลาดครั้งใหม่ในรอบ 20 ปีของทิปโก้จะทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า ทั้ง “ฮันเดรด พลัส” และ “อควาเรียส” ที่ทุนหนาย่อมไม่ยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน