การดูแลใส่ใจสุขภาพ กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของคนทั่วโลกไปแล้ว รวมทั้งในไทย ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพโตวันโตคืน หนึ่งในนั้นคือ “ธุรกิจฟิตเนสคลับ” หรือ “ยิม” ในไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีทั้งเชนใหญ่ที่เน้นความครบวงจรของการออกกำลังกาย และรายเล็กที่เน้นการออกกำลังกายเฉพาะด้าน
ท่ามกลางการเกิดขึ้นของฝั่ง Supply มากมาย ก็ยังไม่เพียงพอต่อ Demand ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจฟิตเนสในไทยเป็นตลาดหอมหวาน เย้ายวนให้ใครๆ อยากเข้ามาลงทุน แต่ในความสวยงามของธุรกิจที่เพิ่งบูมในไทยเมื่อกว่า 10 ปี ในอีกมุมหนึ่งผลจากเหตุการณ์ปิดตัวลงของ California Wow เมื่อหลายปีที่แล้ว และล่าสุดกรณี True Fitness เนื่องจากปัญหาการดำเนินธุรกิจ ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทยที่มีต่อธุรกิจฟิตเนสพอสมควร
โจทย์ใหญ่ของธุรกิจนี้ นอกจากการแข่งขันสูงแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับโมเดลธุรกิจ และระบบการบริหารจัดการที่ต้องวางแผนอย่างดี เนื่องจากมีต้นทุนรอบด้าน เช่น ค่าเครื่องออกกำลังกาย สิ่งอำนวนความสะดวกต่างๆ ค่าสถานที่ ค่าน้ำ-ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ค่าเสื่อมอุปกรณ์ต่างๆ ฯลฯ ทั้งยังประสบกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากร “เทรนเนอร์”
อย่างไรก็ตามยังมีหนึ่งผู้ประกอบการฟิตเนส เซ็นเตอร์ ที่สามารถยืดหยัดมาถึงวันนี้ได้สำเร็จ คือ “Fitness First” ที่เข้าสู่ตลาดไทยเมื่อ 15 ปีที่แล้ว กระทั่งปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดฟิตเนสในไทย ด้วยจำนวนสาขา 28 สาขา มี 4,331 คลาสต่อสัปดาห์ มีบุคลากร 1,400 คน ในจำนวนนี้กว่า 900 คนคือเทรนเนอร์ และมีสมาชิกกว่า 78,000 คนทั่วประเทศ โดยปริมาณการเข้าใช้คลับของสมาชิก ปัจจุบันอยู่ที่ 16,000 ครั้งต่อวันทุกสาขา หรือ 1.5 ล้านครั้งต่อปีทุกสาขา
มาค้นหาคำตอบกันว่าทำไม “Fitness First” ถึงประสบความสำเร็จกับตลาดไทย
– กลยุทธ์ 4Ps ประกอบด้วย “Product” คือ อุปกรณ์ และคลาส หรือกิจกรรมออกกำลังกายที่หลากหลาย และมีรูปแบบใหม่ๆ มานำเสนอ เพื่อให้สมาชิกมีทางเลือกในการออกกำลังกาย เนื่องจาก “Fitness First” เจาะตลาดวงกว้าง ไม่ได้เป็น Niche Market แบบยิมออกกำลังกายเฉพาะทาง จึงต้องสามารถตอบสนองได้ทุกประเภทการออกกำลังกาย
“Price” คุ้มค่าคุ้มราคา อยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ โดยเฉลี่ย 2,200 – 2,800 บาทต่อเดือน ขณะเดียวกันต้องตอบโจทย์ด้านรายได้และผลกำไร เพราะตามที่กล่าวข้างต้นว่าธุรกิจฟิตเนส มีต้นทุนการดำเนินงานสูง จึงต้องมีรายได้และกำไรมาพัฒนาบุคลากร, โปรดักต์ และเปิดสาขาใหม่
“Place” 100% ของคนออกกำลังกายจะเลือกสถานที่ออกกำลังกายที่ใกล้บ้าน หรือใกล้ที่ทำงาน หรือมหาวิทยาลัย และเดินทางสะดวก เพราะฉะนั้นการเปิดสาขาของ Fitness First เลือกโลเกชั่นเดินทางสะดวก อยู่ในศูนย์การค้า โดยภายในสร้างบรรยากาศความเป็นฟิตเนส คลับโฉมใหม่ ที่เน้นการใช้พื้นที่ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิด Community ภายในคลับ เพราะการมี Community จะทำให้สมาชิกรู้สึกสนุกกับการออกกำลังกายมากขึ้น และอยากมาสม่ำเสมอ
“Promotion” กำหนดเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา
– มุ่งสร้าง “ประสบการณ์ที่ดีของการออกกำลังกายให้กับสมาชิก” (Member Experience) เพราะธุรกิจนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการนำเสนอโปรแกรมออกกำลังกาย และมีคลาส-อุปกรณ์เครื่องเล่นเท่านั้น แต่เป็นธุรกิจที่เน้นบริหารประสบการณ์ลูกค้า
เพราะฉะนั้นหลังจากรีแบรนด์ “Fitness First” ในปี 2557 ภายใต้ปรัชญาใหม่ที่ว่า “Together, We Can Go Further” ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดี เป็นการกระตุ้นแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกมาออกกำลังกายต่อเนื่อง เพื่อไปสู่เป้าหมายความสำเร็จที่ตั้งใจ และพัฒนาการทางร่างกายที่เห็นผลรวดเร็ว
– พัฒนา “บุคลากร” เนื่องจากหัวใจสำคัญของธุรกิจฟิตเนส คือ คน โดยเฉพาะ “เทรนเนอร์ฟิตเนส” เป็นผู้ส่งมอบประสบการณ์การออกกำลังการที่ดีให้กับสมาชิก พร้อมความรู้ความเข้าใจในเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา และการออกกำลังกายรูปแบบต่างๆ เพื่อสามารถสร้างโปรแกรมการออกกำลังกายที่ตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้จะต่อยอดไปสู่การสร้าง Brand Loyalty และ Brand Love ในกลุ่มลูกค้าได้
โมเดลการจ้างงานบุคลากรเทรนเนอร์ของ “Fitness First” ในไทย เป็น Full Time 100% แตกต่างจากต่างประเทศ หรือฟิตเนส เซ็นเตอร์ หรือยิมที่อื่น ที่เทรนเนอร์ส่วนใหญ่เป็นฟรีแลนซ์
เหตุผลที่ในไทยใช้โมเดล Full Time เพราะเป็นการรักษา Commitment ซึ่งกันและกัน ระหว่างบริษัท กับเทรนเนอร์ โดยองค์กรต้องตอบโจทย์ด้านรายได้ – มีโปรแกรมพัฒนาและส่งเสริมบุคลากร – ความก้าวหน้าในสายอาชีพ ขณะเดียวกันเทรนเนอร์ มี Commitment กับองค์กรในด้านการพัฒนาตัวเอง และสร้างประสบการณ์การออกกำลังกายที่ดีให้กับสมาชิก
ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญใหม่ “Fitness First Superstar 2017” เป็นแคมเปญภายในบริษัท เพื่อเฟ้นหาเทรนเนอร์ดาวรุ่ง 166 คน ที่จะเป็นตัวแทนของแบรนด์ในการส่งมอบประสบการณ์การออกกำลังกายที่ดีที่สุดให้กับสมาชิก ซึ่งกิจกรรมนี้ นอกจากจะสร้างความภูมิใจ และ Brand Love ให้กับทีมงานแล้ว ยังต่อยอดกิจกรรมไปสู่การเปิดตัวโปรแกรมออกกำลังกายสุด Exclusive สำหรับสมาชิก
– นำเทคโนโลยีมาใช้ โดยเปิดตัวแอพพลิเคชั่น CustomFit ที่เปิดกว้างให้ทุกคนไม่เฉพาะสมาชิก สามารถดาวน์โหลดฟรี อีกทั้งล่าสุดต่อยอดความสำเร็จของ CustomFit ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ Body Transformation Plan ในรูปแบบ In-app Purchase ที่ได้ 2 กูรูด้านการออกกำลังกายและโภชนาการมาร่วมสร้างโปรแกรมพิเศษ
– สื่อสารการตลาด ผ่านสื่อออนไลน์ โดยปีนี้วางแผนสื่อสารในรูปแบบวีดีโอคลิป ที่มีวัตถุประสงค์เปิดตัว Superstar เทรนเนอร์ พร้อมด้วย Brand Ambassador “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยแชมป์โลกมาเป็นผู้ร่วมออกแบบโปรแกรม Muay Fight Pro by Buakaw เฉพาะ Fitness First ในประเทศไทย
“วันนี้ธุรกิจฟิตเนส มี Demand มาก ขณะที่ Supply ตามไม่ทัน ถึงได้มีการเปิดยิมขนาดเล็กที่เป็น Specialist ขึ้นมา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นโมเดลธุรกิจไหน ไม่มีใครถูก หรือไม่มีใครผิด แต่คนที่ทำธุรกิจนี้ต้องชัดเจนในเรื่องโมเดลธุรกิจ และระบบ Operation เพราะธุรกิจฟิตเนสมีเรื่อง Operation เข้ามาเกี่ยวข้องสูง จะบริหารจัดการประสบการณ์ลูกค้าอย่างไร ลักษณะของสมาชิก การเปิดสาขา อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยต้องมีรายได้ ครอบคลุมรายจ่ายต่างๆ ไม่ใช่แค่ด้านการตลาดอย่างเดียว” คุณอรวรรณ เกลียวปฏินนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟิตเนสเฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงการบริหารธุรกิจฟิตเนสให้ยั่งยืน
ความเคลื่อนไหวล่าสุดขณะนี้ “Fitness First Asia” บริษัทแม่ในไทย ได้ควบรวมกิจการกับ “Celebrity Fitness” ของ “Evolution Wellness Holdings” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการฟิตเนสคลับใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยฐานสมาชิกทั้งสองแบรนด์รวมกันกว่า 400,000 คน มีบุคลากร 7,000 คน โดยปัจจุบันดำเนินงานใน 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย 46 คลับ, มาเลเซีย 35 คลับ, ไทย 28 คลับ และ สิงคโปร์ 21 คลับ พร้อมตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 152 ฟิตเนสคลับในอนาคตอันใกล้นี้
คงต้องติดตามกันต่อว่าหลังจาก “Fitness First” อยู่ภายใต้ชายคา “Evolution Wellness Holdings” จะมีอะไรใหม่ๆ มานำเสนอให้กับลูกค้าไทย ท่ามกลางการแข่งขันธุรกิจฟิตเนสที่ดุเดือดขึ้น!!