ยอดส่งออกจำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์ญี่ปุ่นนำยอดการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นครั้งแรกในปี 2016 ที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากนักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่ซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องเพราะติดใจแม้จะกลับประเทศตัวเองไปแล้วก็ตาม ตัวเลขจาก Japanese Cosmetic Industry Association บอกเราว่ายอดการส่งออกเครื่องสำอางญี่ปุ่นโตขึ้น 28.8% คิดเป็นมูลค่า 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นสองเท่าจากปี 2013 โดยลูกค้ารายใหญ่สุดคือการส่งออกไปฮ่องกง คิดเป็น 32% ของทั้งหมด รองลงมาคือจีนแผ่นดินใหญ่ อยู่ที่ 20% ไต้หวัน 13% เกาหลีใต้ 11% ในจณะที่สิงคโปร์อยู่ที่ราวๆ 7% ทำให้ยอดการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียคิดเป็น 88% ของทั้งหมด สาเหตุที่ฮ่องกงมีปริมาณการนำเข้าเครื่องสำอางจากญี่ปุ่นที่สูงมากนั้น ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการของผู้บริโภคจากทางจีนแผ่นดินใหญ่ที่ซื้อผ่านทางฮ่องกงอีกที ด้วยข้อจำกัดบางอย่าง
ความนิยมในเครื่องสำอางญี่ปุ่นมาจากการที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวแล้วซื้อกลับไปใช้ มีข้อมูลว่า 7 ใน 10 ของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ไปเยือนญี่ปุ่นจะซื้อเครื่องสำอางกลับ และ Shiseido เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณครึ่งหนึ่งของที่มาเที่ยวทั้งหมด ซื้อสินค้าของแบรนด์ใช้ซ้ำอีกจากกลับบ้านไปแล้ว และแม้ว่าแบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่นจะเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน จึงตั้งไลน์การผลิตไว้ที่จีนด้วยเพื่อให้ง่ายต่อการขนส่งและจำหน่าย แต่กลับพบว่าผู้บริโภคชาวจีนยังต้องการใช้สินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่นมากกว่า จึงเลือกที่จะซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อย่างพวก Alibaba เพื่อให้ได้สินค้าที่ Made in Japan
สำหรับสายการผลิตในประเทศ ญี่ปุ่นก็พร้อมรองรับปริมาณความต้องการสินค้าที่มีทั่วเอเชีย หลายแบรนด์เช่น Shiseido เปิดโรงงานให่เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้น 50% ให้เพียงพอต่อการส่งออก Kose เองก็เพิ่มปริมาณการผลิตขึ้น 30% เพื่อรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นของ Sekkisei ไลน์บำรุงผิวที่กำลังเป็นที่นิยมในจีน
ตั้งแต่ 1985 มาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในญี่ปุ่นก็มียอดนำเข้ามากกว่าส่งออกมาโดยตลอด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าแบรนด์จากทางฝั่งตะวันตกเข้ามาขายคนญี่ปุ่น และปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่การส่งออก แซงหน้าการนำเข้า ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายอันดีของวงการเครื่องสำอางญี่ปุ่นที่เชื่อว่าครองใจและมีผลต่อกระเป๋าสตางค์สาวไทยทั้งหลายเช่นกัน
แปลและเรียบเรียงโดย Prim NM