แม้จะเป็นแบรนด์รถยนต์น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดไทยได้ไม่นาน แต่เอ็มจี (MG)ก็สร้างผลงานที่โดดเด่นด้วยอัตราการเติบโตที่ทะยานแบบก้าวกระโดด จนเป็นที่จับตามองทุกฝีก้าว
พิสูจน์ได้จากยอดขายตั้งแต่ปี 2015 ที่เอ็มจีก้าวเข้ามาทำตลาดในไทย มียอดขายทั้งปีอยู่ที่ 3,779 คัน ต่อมาในปี 2016 ยอดขายทะยานพุ่งขึ้นเป็น 8,319 คัน และล่าสุดภายในไตรมาสแรกของปี 2017 ก็มียอดขายมากถึง 3,625 คัน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับผลวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดการณ์ว่าปี 2560 ตลาดรถยนต์จะมีโอกาสฟื้นตัวมากขึ้นจากปัจจัยบวกหลายด้าน ทำให้ผู้บริโภคในกลุ่มรายได้ปานกลาง กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มธุรกิจ มีกำลังซื้อมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดรวมรถยนต์ในประเทศปี 2560 มีโอกาสขยายตัวขึ้น 2-6% คิดเป็นยอดขายรถยนต์จำนวน 770,000 ถึง 800,000 คัน ประเภทรถที่คาดว่าจะมีการเติบโตดีกว่าตลาดรวม ได้แก่ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก รถยนต์นั่งหรูสัญชาติตะวันตก รถปิกอัพ และรถบรรทุก
พร้อมทั้งวิเคราะห์ว่า ความนิยมรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่เพิ่มขึ้นในปีนี้อาจมาจากการที่โครงการรถยนต์คันแรกครบสัญญาถือครอง 5 ปี ในปี 2560 พอดี อาจส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนถือโอกาสเปลี่ยนรถคันใหม่ ซึ่งปัจจุบันรถยนต์นั่งขนาดเล็กเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี มีหลากหลายประเภทมากยิ่งขึ้น และไม่เพียงแต่รถยนต์อีโคคาร์รุ่นที่ยังคงได้รับความนิยมอยู่ แต่ยังรวมถึงอีโคคาร์รุ่นใหม่เฟส 2 ที่กำลังจะเปิดตัวเพิ่มเติมช่วงต้นปีนี้ ขณะที่รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กกลุ่ม Mini MPV บางรุ่นที่เปิดตัวใหม่ ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน เนื่องจากความต้องการใช้งานหลากหลายรูปแบบ และใช้งานแบบครอบครัวมากยิ่งขึ้น ทำให้ตลาดรถอเนกประสงค์ยังมีโอกาสโตได้ต่อ จากแนวโน้มดังกล่าว กลุ่มรถยนต์อีโคคาร์ และรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กจะช่วยผลักดันให้ตลาดเติบโตได้ในปี 2560 นี้
นอกจากนี้ รถสปอร์ตเอสยูวี MG GS รุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร ยังได้รับรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีประเภทรถเอนกประสงค์ เครื่องยนต์เบนซินไม่เกิน 1,600 ซีซี จากบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ อีกด้วย
สำหรับไตรมาสแรกระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. ของปี 2560 เอ็มจี ในประเทศไทย มียอดจำหน่ายรวมทุกรุ่น อยู่ที่ 3,625 คัน นำโดย MG3 มียอดจำหน่ายที่ 2,237 คัน ตามด้วย MGGS ที่ 622 คัน MG5 ที่จำนวน 558 คัน และ MG6 ที่ 208 คัน ตามลำดับ
โดยล่าสุด เอ็มจีมียอดจองรวมตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือนเมษายน รวม 3,625 คัน โดยในเดือนเมษายนนี้รุ่นที่ขายดีที่สุดยังเป็น MG3 จำนวน 617 คัน MG5 รถซีดานระดับคอมแพ็กต์ 154 คัน MG6 รถยนต์ขนาดกลางระดับพรีเมียม 16 คัน และ MG GS รุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร และเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รวมทั้งหมด 185 คัน ซึ่งจะเริ่มส่งมอบรถยนต์ทุกรุ่นให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นมา
ในส่วนของจำนวนตัวแทนจำหน่ายนั้นมีแผนเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย เอ็มจี ทั่วประเทศให้เป็น 90 แห่ง ภายในปีนี้ พร้อมยกระดับการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขายเพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจด้วยแพสชัน เซอร์วิส แนวคิดใหม่ของการบริการที่มอบประโยชน์สูงสุดและประสบการณ์ที่เหนือระดับให้แก่เจ้าของรถยนต์ เอ็มจี ทุกคัน ประกอบด้วยรูปแบบการบริการที่โดดเด่น อาทิ รถบริการตรวจเช็กเคลื่อนที่ การรับประกันสูงสุด 4 ปี หรือ 1.2 แสนกิโลเมตรซึ่งนานที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ROADSIDE ASSISTANCE 24 ชั่วโมง บริการให้คำปรึกษาผ่าน CALL CENTRE ตลอด 24 ชั่วโมง
ดังนั้น เอ็มจี จึงไม่เพียงแค่ตอบโจทย์เรื่องความโดดเด่นทั้งด้านดีไซน์และฟังก์ชั่นในการขับขี่เท่านั้น แต่ยังใส่ใจในเรื่องบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและน่าประทับใจให้มากที่สุด
ในไทยเอ็มจีนับว่าเป็นน้องใหม่ แต่ที่อังกฤษเอ็มจีจัดว่าเป็นแบรนด์คลาสสิกที่มีอายุกว่า 90 ปีแล้ว เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2467 โดยชื่อ MG ย่อมาจาก Morris Garages มีชื่อเสียงด้านเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยมีศูนย์กลางด้านการออกแบบ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และการออกแบบด้านเทคนิคที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ โดยใช้เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมตามแบบฉบับยุโรป และได้รับการสนับสนุนจาก ทั้งในเรื่องการจัดหาวัสดุจากทั่วโลก รวมถึงการจัดการด้านซัพพลายเชนเกี่ยวกับส่วนประกอบของรถยนต์ ตลอดจนการจัดการด้านการควบคุมคุณภาพ รวมถึงบริการด้านอื่นๆ
[Advertorial]