ธนาคารไทยพาณิชย์ ผนึก Ripple และ SBI Remit จากประเทศญี่ปุ่น ต่อยอดความก้าวหน้าทางด้านนวัตกรรมทางการเงิน ประสบความสำเร็จนำเทคโนโลยี บล็อกเชน (Blockchain) ยกระดับการให้บริการรับโอนเงินข้ามประเทศแบบเรียลไทม์สำหรับลูกค้ารายย่อยเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ความก้าวหน้าครั้งสำคัญของการสร้างระบบนิเวศทางการเงินยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ตอบสนองเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่สู่โลกการเงินดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมนำร่องให้บริการต้นแบบครั้งแรกด้วยบริการโอนเงินข้ามประเทศจากประเทศญี่ปุ่น มายังบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ในประเทศไทยโดยตรง เริ่มตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป พร้อมเตรียมเปิดบริการครอบคลุมกลุ่มประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก ต่อไป
ในระยะแรกของการให้บริการระบบต้นแบบจะรองรับการโอนเงินของลูกค้าบุคคลทั่วไปจากต้นทางประเทศญี่ปุ่นจากสกุลเงินเยน (JPY) มายังปลายทางบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ที่ประเทศไทย ในสกุลเงินบาท (THB) ผ่านช่องทางสาขาและตู้เอทีเอ็มของ SBI Remit และที่ทำการไปรษณีย์ ประเทศญี่ปุ่นเข้ามายังบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์โดยตรง โดยหลังจากระบบตรวจสอบแล้ว เงินจะเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติภายใน เวลา 20 นาทีต่อรายการเท่านั้น
ดร. อารักษ์ สุธีวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส Chief Strategy Officer ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ให้ความสำคัญต่อการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ ที่จะสามารถตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในอนาคตได้อย่างเท่าทัน โดยมี บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด บริษัทในเครือด้านการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินเป็นตัวขับเคลื่อนเป้าหมายที่สำคัญ โดยเน้นการทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพชั้นนำในการนำเทคโนโลยีระดับสูงมาใช้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินแห่งอนาคต อาทิ Machine Learning, AI หรือ Blockchain เป็นต้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงโลกแห่งธุรกรรมการเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้ ดิจิทัล เวนเจอร์ส ได้เข้าลงทุนในบริษัท Ripple ผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านการชำระเงินชั้นนำของโลกจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนี้ความร่วมมือดังกล่าวได้พัฒนามาสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญอีกขั้นหนึ่ง โดยธนาคารได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท SBI Remit จำกัด ผู้ให้บริการด้านการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SBI Group เป็นกลุ่มบริษัทที่ให้บริการทางการเงินที่ทันสมัยและครบวงจร ซึ่งเป็นเครือข่ายสถาบันการเงินของ Ripple เพื่อต่อยอดความก้าวหน้าของเทคโนโลยี Blockchain สู่การให้บริการรับโอนเงินข้ามประเทศแบบเรียลไทม์ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการแล้ววันนี้
“การโอนเงินจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยแต่ละปีมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ด้วยการใช้เทคโนโลยี Blockchain นี้จะทำให้คนไทยในประเทศญี่ปุ่นที่มีอยู่ประมาณ 40,000 คน โอนเงินกลับมายังประเทศไทย และผู้รับเงินในประเทศไทยได้รับเงินอย่างรวดเร็วผ่านบัญชีออมทรัพย์ของไทยพาณิชย์”
“นวัตกรรมทางการเงินที่ล้ำหน้าของธนาคารไทยพาณิชย์ในการให้บริการโอนเงินข้ามประเทศผ่านเทคโนโลยีBlockchain ครั้งนี้นับเป็นมิติใหม่ของสถาบันการเงินไทยในการนำ Blockchain มาให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการรับโอนเงินจากประเทศญี่ปุ่นที่ทั้งสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยธนาคารได้ทำงานร่วมกันกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการนำบริการดังกล่าวเข้าสู่ Regulatory Sandbox เพื่อให้มั่นใจว่าบริการนี้จะสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า โดยไทยพาณิชย์นับเป็นธนาคารแรกๆ ที่นำเทคโนโลยี Blockchain เข้าทดสอบใน Regulatory Sandbox และได้รับการอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้นำบริการโอนเงินข้ามประเทศผ่านเทคโนโลยี Blockchain มาให้บริการเชิงพาณิชย์ โดยธนาคารมีแผนที่จะขยายการให้บริการโอนเงินข้ามประเทศผ่านBlockchain ครอบคลุมประเทศต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคในอนาคต อาทิ ทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก”ดร.อารักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารจะไม่หยุดอยู่กับที่แต่จะเดินหน้าศึกษาและพัฒนานวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ผ่านเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอยู่ พร้อมทำการทดลองต่างๆ ด้วยเป้าหมายในการ Disrupt ธนาคารเอง เพื่อค้นหาบทบาทที่เหมาะสมของธนาคารในอนาคต โดยธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ระหว่างการทำ Transformation เพื่อมุ่งสู่การเป็นธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด (The Most Admired Bank)
นายมาร์คัส ทรีเชอร์, Global Head of Strategic Accounts, Ripple กล่าวว่า Ripple มีเป้าหมายที่จะพัฒนาการโอนเงินระหว่างประเทศให้เป็นไปอย่างรวดเร็วทันท่วงที ซึ่งเรามั่นใจว่าเครือข่ายเทคโนโลยีของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากพอที่จะทำให้เป็นไปได้ ความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และเราจะเดินหน้าขยายเครือข่ายบริการไปยังประเทศที่มีศักยภาพทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันเรามีเครือข่ายพันธมิตรกว่า 75 รายที่พร้อมจะเดินหน้าทำงานร่วมกันเพื่อขยายบริการนี้ไปทั่วโลก”
นายโนบูโอะ อันโดะ Representative Director, SBI Remit Co., Ltd. กล่าวว่า SBI มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับบริการทางด้านโอนเงินให้กับลูกค้า และเทคโนโลยี Blockchain สามารถทำให้ทุกอย่างเป็นได้ตามที่เราคาดหวังและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความเร็วของการโอนเงินซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับลูกค้าของเรา โดยเราจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา”