อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในไทยในปีที่ผ่านมามีขนาดใหญ่กว่า 800,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเจริญเติบโตเข้าสู่ 1,000,000 ล้านบาทในอนาคตอันใกล้ จึงถือเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่สำคัญ
นอกจากนั้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นตลาดที่ มีการแข่งขันโดยแบรนด์ที่แข็งแกร่งจำนวนมาก โดยแต่ละแบรนด์ก็มีแนวทางการพัฒนาแตกต่างกันไป
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีเครื่องมือที่จะสามารถทำให้แบรนด์ต่างๆ เห็นถึงปัจจัยที่ส่งผลแท้จริงต่อความไว้วางใจ จากผู้บริโภคในอุตสาหกรรมนี้แต่อย่างใด
เพื่อแก้ปัญหาข้างต้น ศ. ดร.กุณฑลี รื่นรมย์ และ อ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล คณะผู้วิจัยจากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้พัฒนางานวิจัยในการสร้างเครื่องมือดัชนีความไว้วางใจแบรนด์ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ขึ้น เรียกว่า CU-BTI (Chulalongkorn University: Brand Trust Index)
เครื่องมือดังกล่าวเกิดจากการกลั่นกรองข้อมูลโดยใช้การสกัดปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความไว้วางใจแบรนด์ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์พบว่า ความไว้วางใจแบรนด์ในอุตสาหกรรมนี้มี ปัจจัยที่เกี่ยวข้องสำคัญรวม 40 ปัจจัย โดยแต่ละปัจจัยมีค่าน้ำหนักต่อความไว้วางใจแตกต่างกันไป
ปัจจัยที่ส่งผลมากที่สุดต่อความไว้วางใจของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ 10 อันดับแรก มีดังนี้
1. การให้บริการหลังการขาย
2. ราคาขาย
3. ความเอาใจใส่ในความต้องการของลูกค้า
4. ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการ
5. สภาพแวดล้อมทางกายภาพของโครงการมีการรักษาความปลอดภัย
6. มีตัวอย่างบ้านจริง และบ้านตกแต่งพร้อมให้ชม
7. ความทันสมัยของรูปลักษณ์ของโครงการ
8. การจัดสรรพื้นที่ในที่อยู่อาศัย
9. สไตล์ / รูปแบบที่อยู่อาศัย
10. ความโปร่งใสของขั้นตอนดำเนินงาน เช่น การจอง การทำสัญญาซื้อขาย การโอน
นอกจากนั้นนักวิจัยยังได้ใช้เครื่องมือ CU-BTI วัดผลเพื่อค้นหา สุดยอดแบรนด์อสังหาที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดของไทยประจำปี 2560 (Thailand’s Top Brand Trust in Real Estate 2017) โดยการเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคตามสัดส่วนตลาดจริงของอสังริมทรัพย์ไทย ถึง 1,142 ตัวอย่าง โดยเก็บข้อมูลอย่างเป็นวิชาการจากผู้ที่ซื้อบ้านในช่วงปีที่ผ่านมา หรือมีโอกาสจะซื้อบ้านในหนึ่งปีข้างหน้าตามสัดส่วนราคาบ้าน และตามประเภทที่อยู่อาศัย ผลปรากฏว่า Thailand’s Top Brand Trust in Real Estate 2017 มีดังนี้
– บ้านเดี่ยว ได้แก่ “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” และ “พฤกษา”
– ทาวน์เฮ้าส์ ได้แก่ “แสนสิริ”
– คอนโดมิเนียม ได้แก่ “อนันดา” และ “ศุภาลัย”
ผลงานวิจัยในครั้งนี้ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ประกอบการธุรกิจสามารถนำไปใช้เพื่อ วัดความไว้วางใจของผู้บริโภค และนำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต
นอกจากนั้นผลงานวิจัยนี้ยังมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้บริโภคเพราะจะทำให้เข้าใจว่า มีปัจจัยใดบ้างที่ควรให้ความสำคัญเมื่อจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัย และมีแบรนด์ใดบ้างที่เป็นตลาดส่วนใหญ่ไว้วางใจ
Credit Photo (ภาพเปิด) : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand