กระปุกสีเหลืองของวาสลีน เจลลี่ ที่คุ้นเคยกำลังสร้างพลังแห่งการแบ่งปันครั้งยิ่งใหญ่ภายใต้แผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของยูนิลีเวอร์ กับโครงการ “วาสลีนเพื่อการเยียวยา” ที่ล่าสุดได้ร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อการพัฒนาสถาบันโรคผิวหนัง พร้อมด้วยคณะแพทย์อาสาลงพื้นที่ภาคเหนือในอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมสร้างสุขภาพผิวที่ดีให้กับคนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ด้วยการจัดกิจกรรมตรวจเช็คสุขภาพผิว พร้อมแนะนำวิธีการดูแลผิวเบื้องต้นด้วยวาสลีน เจลลี่
นายสาโรจน์ อินทพันธุ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทยเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์ได้นำแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2553 และนำแนวคิดนี้มาผสานเข้าไว้ในแบรนด์และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้บริโภคทุกคน ซึ่งวาสลีน เป็นหนึ่งในแบรนด์ของยูนิลีเวอร์ที่มีจุดประสงค์สำคัญในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ส่งเสริมการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน ด้วยความเชื่อของแบรนด์ที่ว่า การมีสุขภาพผิวที่ดี คือ พื้นฐานของสุขภาพชีวิตที่ดี นั่นหมายความว่า ผิวควรจะได้รับความชุ่มชื่นที่เพียงพอ และได้รับการฟื้นบำรุงอย่างล้ำลึก เราจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราอย่างต่อเนื่องจนได้เป็นผู้นำด้านการให้ความชุ่มชื่น และช่วยซ่อมแซมรวมไปถึงบรรเทาความแห้งกร้านของผิวหนัง อย่าง วาสลีน เจลลี่
และนี่เป็นที่มาของโครงการวาสลีนเพื่อการเยียวยา โดยมี Direct Relief องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ในระดับโลกเป็นพันธมิตร พร้อมตั้งเป้าหมายเข้าช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนให้ได้มากถึง 5 ล้านคน ภายในปี 2020 ซึ่งประเทศไทยตั้งเป้าว่าจะเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญในการไปถึงเป้าหมายที่วางไว้”
โครงการ “วาสลีนเพื่อการเยียวยา” ในประเทศไทย ได้จัดขึ้นในอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อการสถาบันโรคผิวหนัง ตรวจสุขภาพผิว พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพผิว โดยมีชาวบ้านในพื้นที่กว่า 300 คน รวมถึงชนเผ่าปกาเกอะญอ และม้ง ที่พำนักอาศัยอยู่บนดอยอินทนนท์ มาร่วมตรวจเช็คสุขภาพผิวด้วย ซึ่งวาสลีนยังได้มอบเงินสมทบทุนให้กับมูลนิธิเพื่อการพัฒนาสถาบันโรคผิวหนังเป็นจำนวน 200,000 บาท อีกด้วย
นายแพทย์จิโรจ สินธวานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อการพัฒนาสถาบันโรคผิวหนัง ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า “ปัญหาสุขภาพผิวสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ส่วนใหญ่กลับถูกมองข้ามด้วยความคิดที่ว่า เป็นปัญหาสุขภาพเพียงเล็กน้อยเดี๋ยวก็หายเอง ส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยใส่ใจในการปกป้องรักษา อย่างปัญหาสุขภาพผิวที่ตรวจพบเจอในวันนี้ ส่วนมากเกิดจากสภาพอากาศที่รุนแรงทางภาคเหนือ หน้าร้อนร้อนจัด หน้าหนาวอากาศเย็น ทำให้เกิดอาการผิวแห้ง แตก ระคายเคือง รวมถึงปัญหาสุขภาพผิวที่สั่งสมมานานจากการประกอบอาชีพ อาทิ การที่ต้องแช่อยู่ในโคลนเกือบทุกวันจากการทำเกษตรกรรม เป็นต้น ซึ่งถึงแม้ปัญหาสุขภาพผิวอาจไม่ได้หนักหน่วง แต่ถ้าปล่อยไว้จะก่อให้เกิดความไม่สบายตัวในชีวิตประจำวัน จึงควรดูแล รักษา เบื้องต้น อย่างเช่นการทาครีมก็สามารถช่วยได้ และหากเกิดปัญหาสุขภาพผิวที่รุนแรงขึ้นควรมาพบแพทย์โดยทันที”
กิจกรรมนี้ ยังได้กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ มาร่วมภารกิจแบ่งปันสัมผัสและความห่วงใยไปสู่ชาวบ้านทุกคนที่มาร่วมงาน พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพลังแห่งการฟื้นบำรุงสุขภาพผิว ในฐานะแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ของโครงการวาสลีนเพื่อการเยียวยา โดยกาละแมร์ เปิดเผยความรู้สึกเกี่ยวกับโครงการฯ นี้ว่า “แมร์อยากจะให้ทุกคนเล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพผิวที่ดี เรื่องของสุขภาพผิวหลาย ๆ คนคงละเลย ไม่ค่อยที่จะสนใจว่าผิวจะเป็นอย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเรื่องสำคัญมากโดยเฉพาะกับชาวเหนือเพราะเป็นพื้นที่ที่อากาศค่อนข้างแห้ง ในบางช่วงเวลาที่อากาศหนาวเย็นยิ่งทำให้ผิวแตกและแห้งกร้าน ทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น เช่น บริเวณมือ ผิวมือของเราเป็นส่วนหนึ่งที่ความสำคัญต่อชีวิตประจำวันเพราะมีการใช้งานและสัมผัสสิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งผิวมือเป็นส่วนแรก ๆ ของร่างกายที่มีความบอบบาง หากเราไม่ดูแลในวันที่ผิวมือของเราเกิดการเสียหาย ก็จะทำให้การทำงานในวันนั้น ๆ เป็นไปอย่างลำบาก รวมถึงผิวหนังในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายก็ต้องการการดูแลเช่นกัน ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ทุกคนหันมาสนใจในการดูแลสุขภาพผิวกันมากขึ้น”
พร้อมร่วมแบ่งปันสัมผัสและความห่วงใยระหว่างกันได้ด้วยวาสลีน เจลลี่ ซึ่งเป็นเจลลี่มหัศจรรย์ต้นตำรับที่ผ่านการทำให้บริสุทธิ์ สร้างเกราะป้องกันเซลล์ผิวชั้นนอก ช่วยลดริ้วรอยความแห้งกร้าน ป้องกันผิวจากการถูกลมแรงและผิวแห้งแตก พร้อมปกป้องและกักเก็บความชุ่มชื่นเพื่อช่วยฟื้นบำรุงผิวแห้งติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/VaselineThailand/
