ผลสำรวจวีซ่าเผยคนไทยเริ่มคุ้นเคยกับ E-Commerce และธุรกิจแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นมาเป็นแอพพลิเคชั่นที่อยู่บนสมาร์ทโฟน แต่สุดท้ายเมื่อต้องควักสตางค์จ่าย ส่วนใหญ่มากกว่า 70% ยังเลือกที่จะจ่ายเป็นเงินสด ทำให้หลายภาคส่วนที่กำกับดูแลด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน พยายามผลักดันนโยบาย Cashless Society ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง
ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตรการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อให้เกิดบริการที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคได้มากขึ้น รวมทั้งการขยายจำนวนจุดการรับชำระผ่านบัตรให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
คุณสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยยังนิยมใช้จ่ายสินค้าหรือบริการต่างๆ ผ่านเงินสด โดยข้อมูลการใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคคนไทยระบุว่า การใช้จ่ายของคนทั่วไป ส่วนใหญ่ประมาณ 75% จะใช้จ่ายเป็นเงินสด ส่วนใช้จ่ายผ่านระบบ E-Payment ยังมีสัดส่วนเพียง 25% เท่านั้น แม้ว่าจะเริ่มมีปริมาณการซื้อสินค้าผ่าน E-Commerce หรือใช้บริการต่างๆ ที่อยู่ใน Mobile Platform ทั้งการสั่งอาหาร การเดินทางท่องเที่ยว การสั่งซื้อสินค้าต่างๆ หรือการเดินทางขนส่งมากขึ้น เนื่องจากเริ่มมีความคุ้นเคย และมองว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีความสะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งมีต้นทุนที่ถูกกว่าการต้องเดินทางไปซื้อเอง
“คนไทย 54% เคยใช้บริการ Mobile Platform หรือธุรกิจออนดีมานด์เหล่านี้ โดยเฉพาะในกลุ่ม Food Delivery มีสัดส่วนถึง 75% ด้านการเดินทางท่องเที่ยว 67% กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 60% และแท็กซี่ 58% แต่ส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะชำระค่าสินค้าและบริการเป็นเงินสด โดยในกลุ่มอาหารชำระเงินสดถึง 72% ขณะที่กลุ่มสินค้าและการใช้บริการรถสาธารณะมีสัดส่วนการจ่ายเป็นเงินสดมากกว่า 50% มีเพียงกลุ่มเดินทางและท่องเที่ยวที่มีการเซ็ตระบบการรับชำระทั้งหมดด้วยบัตรเครดิตเท่านั้น”
ปัญหาสำคัญในการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายผ่าน E-Payment มาทั้งจากฟากฝั่งของผู้บริโภค ที่บางครั้งที่ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ขณะเดียวกัน ในเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้รองรับยังจำเป็นต้องขยายให้มากขึ้น ทั้งสินค้าหรือบริการ ควบคู่ไปกับการขยายจุดรับชำระผ่านบัตรให้มากขึ้น
แนวทางในการเพิ่มการใช้จ่ายผ่าน E-Payment
1.สร้างความคุ้นเคยในการใช้จ่ายผ่านระบบ E-Payment โดยพยายามให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากที่สุด โดยในส่วนของวีซ่าได้ร่วมมือกับเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อรับชำระค่าสินค้าตั้งแต่ 300 บาท ขึ้นไป ผ่านบัตรวีซ่า ซึ่งมีแนวโน้มการใช้จ่ายที่ดี จำนวนคนใช้บัตรชำระเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะไม่จำกัดการซื้อขั่นต่ำ รวมทั้งขยายการรับชำระด้วยบัตรวีซ่าไปในเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ
2.พัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ให้ครอบคลุมความต้องการใช้งานของผู้คนมากขึ้น เนื่องจาก หนึ่งข้อจำกัดในการใช้จ่ายผ่านระบบ E-Payment คือ คนไม่รู้จะใช้ที่ไหน และไม่รู้จะใช้ทำอะไร การเพิ่มบริการที่หลากหลายและเป็นบริการที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน เช่น การสั่งอาหาร การเดินทาง ซื้อสินค้า บริการงานช่างต่างๆ ที่ดูแลระบบไฟ น้ำ หรืออื่นๆ ของบ้าน เป็นต้น
3.การเพิ่มจุดรับชำระให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวก ในการใช้จ่าย โดยไม่จำกัดอยู่แค่ร้านหรือแบรนด์ใหญ่ๆ แต่กระจายออกไปสู่ร้านค้าทั่วไป ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาการจ่ายผ่านระบบ QR Code จะเป็นหนึ่งความเปลี่ยนแปลงสำคัญ ที่จะเข้ามาช่วยลดต้นทุนในการติดตั้งเครื่องรับชำระของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี
สัญญาณดี คนไทยมีทัศนคติที่ดีต่อระบบ E-Payment มากขึ้น
หนึ่งสัญญาณบวกในการสำรวจด้านทัศนคติเกี่ยวกับการชำระเงินของผู้บริโภคในปี 2259 ที่ผ่านมา ของวีซ่า พบว่าคนไทย 6 ใน 10 คน มั่นใจต่อระบบการชำระเงินผ่าน E-Payment มากขึ้น สะท้อนผ่านพฤติกรรมในการพกเงินสดติดตัว ในช่วง 5 ปีทีผ่านมา โดยพบว่า 59% ของคนไทย พกเงินสดติดตัวน้อยลง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีคนพกเงินน้อยลงเพียง 52% โดยสาเหตุสำคัญมาจาก การคำนึงในเรื่องของความปลอดภัย 60% อีก 48% มองว่ามี ATM ให้บริการอยู่จำนวนมาก อยากใช้ค่อยไปกดได้ง่ายๆ เช่นกัน และที่สำคัญคือ 36% ใช้วิธีการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการจ่ายเงินสด
“พฤติกรรมการใช้จ่ายด้วยเงินสดมีแนวโน้มที่จะลดลงได้มากภายใน 1-2 ปีนี้ จากที่ก่อนหน้ามีการขยายตัวตามการเติบโตของตลาดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่จากการร่วมมือและผลักดันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐบาล สถาบันการเงิน ภาคเอกชน หรือการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่เริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมของคนไทยที่เริ่มมีความคุ้นเคย และมั่นใจในระบบความปลอดภัยที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนเริ่มมีความมั่นใจ ประกอบกับความสะดวกในการพกพาบัตร มากกว่าการพกเงินสด รวมทั้งมีจุดรับการชำระเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามาช่วยกันขับเคลื่อน”
ในส่วนการเติบโตของวีซ่าช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. 2016 – มี.ค. 2017) มีจำนวนการใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 6.7% จากบัตรเครดิต 6.5% บัตรเดบิต 13.7% และหากแยกประเภทในการใช้จ่าย พบว่าการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 22% การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ 11.6% การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศภายในประเทศไทย 4%
ขณะที่การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ E-Payment ขยายตัว วีซ่าได้ร่วมกับพันธมิตรทั้งในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อใช้ในการชำระเงิน เช่น ซัมซุงเพย์ ด้วยการนำบัตรเครดิตมาใส่ไว้ในมือถือ ด้วยระบบความปลอดภัยสูง การร่วมมือกับเซเว่น อีเลฟเว่น ในการรับชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิตเป็นรายแรก การเป็นผู้สนับสนุนข้อมูลที่มีเพื่อต่อยอดในการครีเอทแคมเปญที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทย และเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการ Smart City ที่ จ.ภูเก็ต รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดค่าสเป็คกลางของระบบ QR Payment รวมไปถึงการพัฒนา mVisa เพื่อแนะนำสู่ตลาดประเทศไทย ขณะเดียวกันมีแผนขยายจุดรับชำระเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีจุดรับชำระ 5.5 แสนจุด