กระแสการถูกหุ่นยนต์แย่งหน้าที่การงานกำลังเป็นที่กังวลในสหรัฐ อย่างไรก็ตาม Institute for Spatial Economic Analysis (ISEA) รายงานว่าโอกาสในการถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรนั้นมีในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมักถูกจ้างให้ทำงานอยู่ในตำแหน่งที่สามารถใช้เครื่องจักรแทนได้ เช่นพนักงานเก็บเงิน หรือแคชเชียร์ที่มีการคาดการณ์ไว้แล้วว่า 97% จะถูกเครื่องจักรมาแทนที่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ และจากข้อมูลในปี 2016 73% ของแคชเชียร์เป็นผู้หญิง
ไม่ใช่แค่ผู้หญิง แต่กลุ่ม Hispanic และ African-American ก็มีแนวโน้มสูงเช่นกัน ตามมาด้วยคนงานชาวเอเชียที่มีโอกาสถูกหุ่นยนต์แย่งงาน 11% เมื่อเทียบกับฝรั่งผิวขาว โดยผลวิจัยที่ว่านี้ถูกวิเคราะห์จากข้อมูลการจ้างงานในปี 2016 ของ The Bureau of Labor Statistics และงานวิจัยจาก Oxford ในเรื่องที่ว่าด้วยงานที่มีโอกาสโดนเครื่องจักรแย่งงานมากที่สุดจากการเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นที่มนูษย์มีต่อเครื่องจักรกล
ตัวแปรที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อการถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรคือการศึกษา โดยผลการวิจัยพบว่าผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่าระดับ High School มีโอกาสถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรมากกว่าผู้ที่จบปริญญาเอกถึง 6 เท่า ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นเพราะความซับซ้อนของเนื้องานที่พวกเขาทำนั้นมีน้อยกว่าและเป็นงานที่ง่ายกว่า ที่จะสามารถสร้างเครื่องจักรขึ้นมาทำแทนได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม นอกจากการสูญเสียงานให้เครื่องจักรแล้ว งานวิจัยบอกเราว่าเทคโนโลยีที่เข้ามาอาจทำให้เกิดระบบการจ้างงานแบบใหม่ให้กับมนุษย์ แต่ไม่รับรองว่าการจ้างงานแบบใหม่นี้จะมีค่าตอบแทนที่เหมาะสม
สุดท้าย ศาสตรจารย์ Johannes Moenius, director ของ ISEA กล่าวปิดท้ายว่า “การตัดสินใจว่าจะเรียนต่อหรือหาอาชีพที่มั่นคงเพื่อรักษางานของตัวเองไว้นั้นมีปัจจัยหลากหลายที่มีผล แต่อีกสิ่งที่สำคัญคือแต่ละกลุ่มคน ก็ได้รับผลกระทบที่ต่างกัน”
แปลและเรียบเรียงโดย Prim NM