ระบบเศรษฐกิจแอปพลิเคชั่น หรือ “App Economy” เป็นตลาดโลกแห่งใหม่ที่ใหญ่มหาศาลและยังคงโตต่อเนื่อง ล่าสุดที่ Apple เปิดตัวเลขเกี่ยวกับ App Store รวมในรอบเกือบ 9 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะครบ 1 ทศวรรษในปีหน้า 2018
สถิติที่น่าสนใจก็เช่น ที่ผ่านมานักพัฒนาบน App Store ทำรายได้ทุกแอพและทุกปีรวมกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ไปแล้ว ซึ่งรายได้ที่ว่านี้ นับหลังจากการหัก 30% จากแอปเปิลในฐานะ “เจ้าของตลาด” ไปแล้วด้วย
…นั่นหมายถึงว่าเม็ดเงินซื้อแอปพลิเคชั่นนั้นรวมแล้วสูงถึงกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา
โดยนี่เป็นการประเมินคร่าวๆ ยังไม่นับรายได้อีกส่วนหนึ่ง อย่าง “In-App Purchase” เช่น การซื้อไอเท็มในเกม หรือการซื้อฟิลเตอร์สวยๆ เพิ่มในแอปถ่ายรูป ซึ่งแต่ละแอปก็ทำได้ในสัดส่วนไม่เท่ากัน
นอกจากนี้ ระบบการหารายได้แบบ Subscription หรือตัดเงินรายเดือนหรือรายปี เช่นแอปนิตยสารหรือแอปดูหนังแบบไม่ฟรีต่างๆ ก็ทำรายได้รวมเพิ่มขึ้นโดดเด่นถึง 85%
และถ้าดูยอดดาวน์โหลดรวมทั้งแบบฟรีด้วย ก็มีตัวเลขที่น่าทึ่งว่า 1 ปีที่ผ่านมาล่าสุด ยอดดาวน์โหลดเติบโตถึง 70% …โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นประเภทถ่ายภาพ แต่งภาพ ถ่ายวิดีโอ ตกแต่งคลิป ฯลฯ ซึ่งเติบโตถึง 90%
ส่วนตัวเลขยอดดาวน์โหลดรวมของ Google Play ฝั่งแอนดรอยด์นั้นมากกว่าเล็กน้อย ถ้านับตั้งแต่เปิดตัวในชื่อ “Android Market” ในปี 2008 ใกล้เคียงกัน แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “Google Play” เมื่อธันวาคม 2010 จนถึงสิ้นปี 2016 ที่ผ่านมา ก็มียอดรวมกว่า 8.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และหักส่วนแบ่งรายได้ 30% เท่ากัน (แต่ล่าสุด Google Play จะลดเหลือหักแค่ 15% แล้ว)
ตัวเลขทั้งหมดนี้ฟังดูสวนกระแสกับที่หลายฝ่ายสำรวจและคาดว่ายอดดาวน์โหลดแอปใหม่ๆ นั้นถดถอยลงต่อเนื่องมาหลายปี
แต่อย่าลืมว่าตัวเลขเหล่านี้นับรวมแอปเก่าๆ ชื่อดัง ที่ออกอัพเดตใหม่ ให้คนนับร้อยล้านต้องดาวน์โหลดอยู่เสมอๆ ทั้งหลายไว้ด้วย
ฉะนั้นสองข้อมูลนี้ก็อาจจะไม่ขัดแย้งกัน นั่นคือแอปชื่อใหม่ๆ โดยเฉพาะจากนักพัฒนาอิสระหรือรายย่อยนั้นแจ้งเกิดได้ยากกว่าแต่ก่อน อย่างที่หลายสำนักวิเคราะห์กัน …และอย่างที่พวกเราสังเกตพฤติกรรมตัวเองและคนรอบข้าง ว่าลองเล่นแอปใหม่เกมใหม่กันน้อยลงเรื่อยๆ (แต่ยังคงต้องดาวน์โหลดอัพเดตของแอปเดิมเกมเดิมอยู่)
image source: support.apple.com
แปลและเรียบเรียงโดย: Somkid Anektaweepon