สร้างความแข็งแรงในตลาดรองเท้านักเรียนมายาวนานถึง 20 ปี สำหรับแบรนด์เบรกเกอร์ (Breaker) ทำให้ปัจจุบันมีส่วนแบ่งในตลาดรองเท้านักเรียนถึง 30% จากมูลค่าตลาดราว 5 พันล้านบาท และเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตไปสู่เซ็กเม้นต์ใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาดที่มีศักยภาพในการขยายตัวได้อีกมาก จึงแนะนำคอลเล็กชั่นใหม่ เบรกเกอร์ฮอร์นบิล (Breaker Hornbill) สำหรับทำตลาดรองเท้าผ้าใบแฟชั่นอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก โดยเลือกเจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่นเป็นหลัก
คุณสมฤกษ์ วงศ์วีระนนท์ชัย กรรมการผู้บริหาร บริษัท เอส.ซี.เอส สปอร์ตสแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้านักเรียนเบรกเกอร์ กล่าวถึง การเข้ามาทำตลาดรองเท้าผ้าใบแฟชั่นอย่างจริงจังของเบรกเกอร์ว่า หลังจากได้ทดลองตลาดเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว ด้วยการแนะนำรองเท้าผ้าใบเบรกเกอร์เจ (Breaker J) ซึ่งเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น โดยมีพรีเซนเตอร์คือ โจอี้ บอย ผลิตมาเพียง 500 คู่ พร้อมเปิดให้สั่งจองผ่านออนไลน์ ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่ดีมากสามารถจำหน่ายได้หมดทั้ง 500 คู่ ภายในเวลาเพียง 5 นาที รวมทั้งที่ผ่านมายังมีเสียงเรียกร้องให้มีการผลิตเพิ่มเติมมาโดยตลอด
สมฤกษ์ วงศ์วีระนนท์ชัย
“รายได้ทั้งหมดจากคอลเล็กชั่นเบรกเกอร์เจ บริษัทได้มอบให้มูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อสมทบทุนโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างการรับรู้ว่าเบรกเกอร์ทำรองเท้าแฟชั่นและเชื่อมโยงเข้ากับการทำประโยชน์ให้กับสังคม โดยเฉพาะการเข้ามาจับกลุ่มวัยรุ่นที่มีพลังในการออกไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์ให้กับสังคม เพื่อสานต่อมาสู่การออกคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ในกลุ่มรองเท้าผ้าใบแฟชั่นที่เบรกเกอร์จะเข้ามาโฟกัสอย่างจริงจังมากขึ้น”
กิจกรรมครั้งล่าสุดของเบรกเกอร์กับการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลพื้นที่ป่าต้นน้ำม่อนแจ่ม ม่อนล่อง จ.เชียงใหม่ ร่วมกับมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในโครงการ Breaker Save Rainforest เพื่อมุ่งสร้างจิตสำนึกที่ดีของคนเมืองและคนรุ่นใหม่ให้เห็นถึงความสำคัญของป่าไม้ ที่ส่งผลต่อชีวิตและโลกของเรา พร้อมมอบรองเท้ารุ่น Breaker Hornbill ดีไซน์สุดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ ให้กับอาสาสมัครที่เข้ามาร่วมโครงการจำนวน 40 คน โดยหลังจากนี้จะมีการติดตามผลและดูแลต้นไม้ที่ปลูกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถส่งมอบป่าคืนสู่ธรรมชาติได้อย่างแท้จริง
“สำหรับคอลเล็กชั่นใหม่ในรุ่น Breaker Hornbill จะมีนกเงือกเป็นสัญลักษณ์เพราะถือเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและป่าไม้ และยังมี Story ที่น่าสนใจทั้งในแง่ของการช่วยขยายพื้นที่ป่าไม้จากเมล็ดพืชที่กินเข้าไป และยังเป็นตัวแทนของความรักที่มั่นคง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของกิจกรรม Breaker Save Rainforest ที่ใช้เป็นกิจกรรมเริ่มต้น โดยมีแนวคิดสานต่อให้เป็นกิจกรรมที่จะมีการทำต่อเนื่องไปทุกปี โดยรุ่นแรก HB1 จะผลิตออกมาจำนวนจำกัดเฉพาะอาสาสมัครที่เข้ามาร่วมกิจกรรมเท่านั้น”
การเปิดตัว Breaker Hornbill ในรุ่นแรก (HB1) เป็นการตอกย้ำให้ภาพของเบรกเกอร์ในการเป็นแบรนด์ที่ใช้พลังของกลุ่มวัยรุ่นไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดย HB1 ยังคงผลิตมาจำกัดเฉพาะเพื่อใช้ในกิจกรรมเช่นเดียวกับเบรกเกอร์เจ และได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน ทำให้เบรกเกอร์มองเห็นศักยภาพที่จะสามารถเติบโตได้ในกลุ่มรองเท้าผ้าใบแฟชั่น และเตรียมเปิดตัว Breaker Hornbill รุ่น 2 มาทำตลาดอย่างเป็นทางการในปลายเดือนกรกฎาคม โดยนำร่อง 2 สี คือสีเทา และสีขาว รวมทั้งมีแผนจะเพิ่มคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง
ในมิติทางการตลาด การขยายตลาดมาสู่กลุ่มรองเท้าผ้าใบแฟชั่น ถือเป็นโอกาสให้เบรกเกอร์สามารถเติบโตได้มากขึ้น เนื่องจากตลาดรองเท้านักเรียนมีแนวโน้มเริ่มอิ่มตัว เติบโตเฉลี่ยที่ราวปีละ 5% แต่มีการแข่งขันในตลาดที่สูง ทั้งจากคู่แข่งที่มีอยู่แล้วรวมทั้งยังมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มเติม โดยปัจจุบันมีแบรนด์ทำตลาดไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์ ขณะที่ขนาดของตลาดและการเติบโตมีอย่างจำกัด ทั้งฤดูกาลขายที่มีเฉพาะในช่วงเปิดเทอมใหญ่ ประมาณ 2 เดือน หรือโอกาสในการใช้ที่จำกัดถึงแค่จบมัธยมปลาย
“แม้ในตลาดรองเท้าผ้าใบแฟชั่นจะมีการแข่งขันสูงมากเช่นกัน แต่ขนาดของตลาดที่กว้างกว่าทำให้มีโอกาสที่จะเติบโตได้สูงกว่า โดยตามแผนจะใช้งบ 10 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในช่วงแรก ผ่านสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ พร้อมมีแผนส่งคอลเล็กชั่นใหม่ๆ มาทำตลาดต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 3-4 แบบ ภายใต้รุ่น Hornbill ที่จะเป็นหัวหอกสำคัญในการเข้ามาสร้างฐานในตลาดรองเท้าแฟชั่นให้กับเบรกเกอร์ โดยเชื่อว่าจะเพิ่มการเติบโตในอีก 2-3 ปีข้างหน้าให้ได้มากกว่า 20% จากปัจจุบันเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-13%”
อีกหนึ่งความท้าทายสำหรับแบรนด์เบรกเกอร์ คือ การที่ผู้บริโภคมีภาพจำว่าแบรนด์เบรกเกอร์คือ แบรนด์รองเท้านักเรียนจะมีผลต่อการเข้ามาทำตลาดรองเท้าผ้าใบแฟชั่นหรือไม่นั้น เรื่องนี้คุณสมฤกษ์ให้เหตุผลว่า ความแข็งแรงในการเป็นรองเท้าที่มีคุณภาพจนมีความแข็งแรงในตลาดเดิม จะเป็นแต้มต่อให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในเรื่องของคุณภาพได้ยิ่งขึ้น และอาจมีฐานลูกค้ากลุ่มเดิมให้ความสนใจ รวมทั้งการใช้แบรนด์เบรกเกอร์มาทำตลาดรองเท้าแฟชั่นจะทำให้ผู้บริโภคไม่ยึดติดว่าเป็นแบรนด์ที่มีแค่รองเท้านักเรียน เพราะปัจจุบันเบรกเกอร์ก็มีสินค้าในกลุ่มรองเท้ากีฬาด้วยเช่นกัน ประกอบกับการให้ความสำคัญกับเรื่องของการดีไซน์ให้ตรงใจกลุ่มวัยรุ่น รวมถึงภาพลักษณ์ในการเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมจะทำให้ Breaker Hornbill ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดเหมือนกับที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในตลาดรองเท้านักเรียน
ภายหลังการเข้ามาโฟกัสในตลาดรองเท้าผ้าใบวัยรุ่น โดยมี Breaker Hornbill เป็นหัวหอกสำคัญ จะทำให้ Portfolio สินค้าภายใต้แบรนด์ Breaker มีตลาดในกลุ่มใหม่เพิ่มเติม จากปัจจุบัน 80% เป็นกลุ่มสินค้ารองเท้านักเรียน อีก 20% เป็นกลุ่มรองเท้ากีฬา แต่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่ากลุ่มรองเท้าแฟชั่นจะมีสัดส่วนได้ราว 10% ขณะที่ 70% จะเป็นยอดขายของรองเท้านักเรียน และอีก 20% จะเป็นยอดขายจากกลุ่มรองเท้ากีฬา