จากการสังเกตงานโฆษณาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ทำให้เราได้เห็นแบรนด์ใหญ่ๆมากมาย กระโดดเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBT กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ANZ จากประเทศออสเตรเลีย ที่ลงทุนเปลี่ยนชื่อแบรนด์ตัวเองเพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาล PRIDE ให้กลายเป็น “GAYNZ” หรือไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ลูกอมหลากสี อย่าง SKITTLES ที่ยอมยกสีรุ้งให้กับชาว LGBT โดยการสร้าง Limited Edition Package ที่เป็นสีขาวล้วนไปเลย ถึงแม้หลายๆคนอาจจะมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่ CSR หรือเป็นเพียงแค่โฆษณาเพื่อเอาใจคนกลุ่มนึงเท่านั้น แต่หากมองให้ลึกลงไปแล้ว การที่เราเห็นแบรนด์ใหญ่ออกมาให้การยอมรับ และสนับสนุนความรักที่เท่าเทียมกันนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้สังคมคล้อยตามและ ยอมรับในความรักที่มีความหลากหลายได้มากขึ้นจริงๆ
เช่นเดียวกันกับ ABSOLUT ที่เป็นอีก หนึ่งแบรนด์ที่ให้การสนับสนุนความรักอย่างเท่าเทียมกัน มาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 1879 เพื่อสื่อสารให้คนทั่วโลกได้รับรู้ถึง Message นี้ พวกเขาจึงจับมือกับ เอเจนซี่โฆษณาแกะดำจากอังกฤษ BBH London สร้างหนัง “Equal Love” เรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนกระแสสังคมนี้ โดยพวกเขาเลือกวิธีการ ”จูบ” เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงถึงความรักที่สามารถเกิดขึ้นเมื่อไหร่, กับใคร, ที่ไหนก็ได้ ราวกับโรคติดต่อเลยทีเดียว ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ลองติดตามชมได้เลยครับ
ในฐานะคนดูต้องขอยอมรับว่า รู้สึกแปลกๆกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงแรกจริงๆ กับการจูบมาราธอนต่อกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันเป็น 2 นาที ที่เกิดคำถามมากมายในหัวของเรา แต่ด้วยรายละเอียดของการแสดง, ความละเมียดละไม, ของการออกแบบท่วงท่าในการจูบแต่ละคัต, การแคสติ้งตัวแสดงที่บรรจงคัดเลือกมาอย่างดี เพื่อที่จะแสดงถึง Sterotype หรือ คนรูปแบบต่างๆ จากทุกสังคม สิ่งเหล่านี้เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆทำให้เราค่อยๆเข้าใจ Concept ว่าการจูบในเรื่องนั้น เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ง่ายๆ แต่งดงาม ของความรักที่เกิดขึ้นอย่างธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแค่ผู้ชายกับผู้หญิงเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับ “ทุกคน” อย่างแท้จริง งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับฝีมือการกำกับ จากผู้กำกับหญิงชาวไอริช “Aoife McArdle” เพราะกว่าจะมาเป็นหนังเรื่องนี้ได้ พวกเขาต้องผ่านการคัดเลือกนักแสดงอย่างหนักหน่วงสุดๆ เนื่องจากหนังเรื่องนี้ต้องการนักแสดงที่สามารถจูบต่อเนื่องกับคนต่อไปได้โดยไม่ขัดเขิน เพื่อความสมจริงของการแสดง นอกจากนี้ยังต้องอาศัยการกำกับท่วงท่าที่ต้องแม่นยำ ราวกับว่าหนังโฆษณาเรื่องนี้ คือละครเวทีเรื่องนึงเลยทีเดียว
Story by Nuttanun V.