ยังคงรักษาความแข็งแกร่งในฐานะเจ้าตลาดรถจักรยานยนต์ของประเทศไทยไว้ได้เป็นอย่างดี สำหรับ เอ.พี.ฮอนด้า ด้วยตัวเลขยอดจดทะเบียนครึ่งแรกของปีนี้ (ม.ค. – ก.ค.) 850,955 คัน พร้อมครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 78% จากยอดขายรถจักรยานยนต์ โดยรวม 1,084,995 คัน และยังครองความเป็นผู้นำตลาดยาวนานเป็นปีที่ 29 ติดต่อกัน รวมทั้งการเติบโตต่อเนื่องได้ในระดับ 4% ซึ่งเป็นการเติบโตที่สอดคล้องกับภาพรวมการเติบโตของตลาด
คุณสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า ความสำเร็จที่ค่อนข้างน่าพอใจจากครึ่งปีแรกทำให้ฮอนด้าปรับเป้าหมายภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ทั้งปีเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่วางไว้ 1.8 ล้านคัน เป็น 1.85 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายของฮอนด้าทั้งปีคาดว่าจะทำได้ราว 1.46 ล้านคัน จากแนวโน้มปัจจัยบวกที่จะเข้ามาสนับสนุนทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มนิ่งขึ้น แนวโน้ม GDP และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น ประกอบกับราคาพืชผลการเกษตรเริ่มทรงตัว รวมทั้งแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเข้าในประทศไทยมากขึ้น
นอกจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจภาพรวมแล้ว การรุกตลาดอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องของ เอ.พี. ฮอนด้า ยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้รักษาการเติบโตไว้ได้ต่อเนื่อง โดยปลายปีที่ผ่านมาฮอนด้าได้ออกรถรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดรวม 3 รุ่น ที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มบิ๊กไบค์ รถสปอร์ต และรถ AT รวมทั้งมีการปรับแบบ Minor Change อีก 5 รุ่น ทำให้สามารถสร้างความคึกคักให้กับตลาดได้เป็นอย่างดี
“รถทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ Honda Rebel 500 ซึ่งถือเป็น New Model ของฮอนด้า รวมทั้งการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ให้กับรถอีก 2 รุ่น คือ MSX 125SF ABS และ All New Scoopy i ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้ต่างเป็นรถที่ขายดีที่สุดของกลุ่มรถสปอร์ตและกลุ่มรถครอบครัว นอกจากนี้ยังปรับโฉมผลิตภัณฑ์อีก 5 รุ่น ให้สอดคล้องความต้องการและไลฟสไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น ประกอบด้วย New Wave 110i, New MOOVE, New MSX 125SF, CBR150R และ New Zoomer-X”
รถสปอร์ต เทรนด์ใหม่ เติบโตร้อนแรง
หากพิจารณาลงไปในแต่ละเซ็กเม้นต์ของรถ จะพบว่า รถกลุ่มสปอร์ตและ Big Bike จัดเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงมากถึง 20% มียอดขายรวมในครึ่งปีแรก 17,098 คัน โดยฮอนด้ายังคงเป็นผู้นำในรถกลุ่มนี้ด้วยส่วนแบ่งตลาด 42% หรือคิดเป็นจำนวน 7,234 คัน และมีอัตราเติบโตสูงกว่าตลาดที่ 40% ทำให้ฮอนด้ามีแผนปรับกำลังผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของยอดขายที่มีกระแสตอบรับอย่างดี พร้อมทั้งขยับเป้าหมายจากเดิมที่วางไว้ 10,500 คัน เป็น 11,600 คัน และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 43% จากยอดขายรวมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 27,000 คัน
ตลาดรถจักรยานยนต์ก็ไม่ต่างจากตลาดอื่น ๆ ที่ผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม และเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การรับข้อมูลที่หลากหลาย และความสามารถในการเข้าถึงและก้าวทันเทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้ความต้องการใช้รถมอเตอร์ไซค์ของลูกค้าเปลี่ยนไปจากแค่มีไว้สำหรับใช้งาน มาเป็นการมีเพื่อบ่งบอกบุคลิกและความเป็นตัวตนของลูกค้าแต่ละคนมากขึ้น และเป็นเหตุผลผลักดันให้ตลาดรถสปอร์ตและ Big Bike เติบโตได้สูง รวมทั้งยังส่งผลให้โครงสร้างของตลาดรถจักรยานยนต์ เปลี่ยนไปตามทิศทางของเทรนด์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
สำหรับภาพรวมตลาดรถจักรยายนต์ของไทย แบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ รถครอบครัว และยังคงเป็นตลาดส่วนใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งที่คนยังนิยมอยู่ เป็นรถที่เน้นมีไว้เพื่อใช้งาน มีจุดเด่นในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน ทนทาน และคนใช้รถกลุ่มนี้ยังคงเชื่อมั่นในเรื่องของแบรนด์
“ที่น่าสนใจคือ รถ AT ที่มีสัดส่วนประมาณ 35% สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่ชื่นชอบรถที่ขับขี่สะดวกสบาย มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เสริมเข้ามาในรถเพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมคนในปัจจุบัน แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดคือ ตลาดมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย เพราะผู้บริโภคเริ่มยกระดับไปสู่รถ AT ที่มีความพรีเมียมมากขึ้น โดยตลาดที่เข้ามาทดแทนคือ กลุ่มรถสปอร์ตและ Big Bike เพราะอยู่ในกลุ่มรถแฟชั่นเช่นเดียวกับ AT แต่มีดีไซน์ และเทคโนโลยีสูงกว่ารถ AT แบบเดิม ๆ และเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตได้เร็ว จากสัดส่วนในตลาด 2-3% เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่สามารถเติบโตได้หลายเท่าตัวจนปัจจุบันมีสัดส่วนเพิ่มได้ถึง 17% แล้ว”
เข้าสู่ยุคแห่ง New Value Product
การเติบโตของกลุ่มรถสปอร์ตและ Big Bike มาจากความสามารถในการตอบโจทย์ Lifestyle Experience ของกลุ่มผู้ใช้งานได้มากกว่า โดยเฉพาะความรู้สึกสนุกสนานในการขับขี่รถ Performance ของรถ ประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่น ในฐานะเจ้าตลาดและผู้นำทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวให้ทันทุกความเปลี่ยนแปลง ทั้งการดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้สดใหม่ นำเข้าผลิตภัณฑ์ท็อปคลาสหลากหลายแนว ตลอดจนการพัฒนา New Value ให้กับสินค้าในทุกกลุ่ม เพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์ใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้นของลูกค้า ตลอดจนนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีในรถยนต์หรือรถ Big Bike มาสู่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าอีกด้วย
ภายในปีนี้ ฮอนด้าจะส่งรถรุ่นใหม่มาทำตลาดเพิ่มเติมอีก 3 รุ่น โดยโฟกัสกลุ่มรถสปอร์ตและ Big Bike เป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งแนวทางในการทำตลาดจากนี้ในรถรุ่นใหม่ๆ จากทุกกลุ่มทั้งรถครอบครัว AT และสปอร์ต จะให้ความสำคัญกับการเพิ่ม New Value ให้ทุกผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาทำตลาดจากนี้ไป โดยเฉพาะรถสปอร์ตรุ่นใหม่ที่เตรียมทำตลาดภายใต้คอนเซ็ปต์ Honda Exmotion ในกลุ่มรถสปอร์ตแบบ Modern Café โดยเตรียมเปิดตัวเพื่อทำความรู้จักกับผู้บริโภคภายในเดือนกันยายนนี้ พร้อมโปรโมชั่นแว่นกันแดด Oakley สำหรับผู้จอง 3 พันคันแรก หรือผู้ที่รับรถภายในเดือนกันยายนนี้
“การตอบรับรถสปอร์ตรุ่นใหม่จากผู้บริโภคถือว่าประสบความสำเร็จที่ดีมาก โดยเฉพาะหลังปล่อยทีเซอร์แนะนำตัวเพียง 2 วัน สามารถสร้างยอด Engagement ได้สูงถึง 8 แสน – 1 ล้าน View พร้อมทั้งเปิดให้จองในราคาเริ่มต้น 99,800 บาท โดย 2 วันแรก ทำยอดจองได้แล้วถึง 500 คัน โดยที่ลูกค้ายังไม่เห็นรถจริง ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ฮอนด้าได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันฮอนด้าคือผู้นำในกลุ่มรถสปอร์ตในประเทศไทย ตลอด 18 ปีติดต่อกัน และกำลังจะทำยอดขายก้าวสู่ 1.5 ล้านคันแล้ว”