หากใครใช้ชีวิตตามวิถีเฮลท์ตี้อยู่ในช่วงนี้ มักจะได้ยินกันบ่อยๆ ว่าควินัว คือสุดยอดแห่งซูเปอร์ฟู้ด แต่แท้จริงแล้วข้าวสายพันธุ์นานาชนิดของไทยที่ปลูกแบบอินทรีย์ต่างหากคืออาหารซูเปอร์ฟู้ดที่แท้จริง โดยเฉพาะหากเป็นคุณแม่ในช่วงวัยต่างๆ หรือกำลังต้องเลี้ยงดูเบบี้ตัวน้อยที่กำลังเติบโต ข้าวคืออาหารที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง
โดยเฉพาะหากเป็นคุณแม่ในช่วงวัยต่างๆ หรือกำลังต้องเลี้ยงดูเบบี้ตัวน้อยที่กำลังเติบโต ข้าวคืออาหารที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง โดยในกิจกรรม ‘Rice Time Workshop…ข้าวจานนี้ฝีมือแม่’ ที่จัดขึ้นโดย บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงตราข้าวมาบุญครองและประกอบธุรกิจเอ็ม บี เค ฟู้ด โซลูชั่น หนึ่งในธุรกิจของเอ็ม บี เค กรุ๊ป จึงถือโอกาสนี้เผยเรื่องราวความลับของข้าวอินทรีย์ ซูเปอร์ฟู้ดของไทย และการเลือกอาหารตามหลักโภชนาการสำหรับแม่และเด็กในแต่ละช่วงวัย พร้อมเพิ่มความอบอุ่นให้กับเทศกาลวันแม่ในปีนี้ด้วยความน่ารักของครอบครัวคุณแม่เซเลบริตี้ชื่อดัง คุณเจนนิส ยังพิชิต และลูกแฝดสุดน่ารัก น้องจาณีนและน้องเจส ที่มาร่วมกันปรุงอาหารฝีมือแม่จากข้าวอินทรีย์
คุณสมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ข้าวมาบุญครองใส่ใจคัดสรรข้าวคุณภาพดีมาสู่ทุกครอบครัวเสมอมา โดยสำหรับกระบวนการผลิตข้าวอินทรีย์ (Organic Rice) จะมีความพิถีพิถันในการคัดเลือกเมล็ดข้าวมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ข้าวคุณภาพดี แปลงเพาะปลูกและสภาพแวดล้อมต้องปราศจากสารเคมี ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เน้นการปลูกในแถบภูมิภาคอีสาน เพื่อให้มีรสชาติอมหวาน กลิ่นหอมและคุณภาพดีที่สุด จนทำให้ข้าวอินทรีย์ภายใต้แบรนด์ข้าวมาบุญครองได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดคุณภาพข้าวอินทรีย์ จาก EU และ USDA ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล ซึ่งผู้บริโภคมั่นใจในความปลอดภัยได้แน่นอน นอกจากนี้ความพิเศษของข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ภายใต้แบรนด์ข้าวมาบุญครอง คือความนุ่มอร่อย สามารถหุงได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องแช่น้ำ เหมาะที่สุดสำหรับเลือกให้คนที่เรารักบริโภค โดยเฉพาะในเวิร์คช็อปที่เราได้นำข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์มาปรุงเมนูโฮมเมดให้คุณลูกและคุณแม่ได้รับประทานด้วยกัน”
ข้าวมาบุญครองจึงได้รวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับโภชนาการของข้าวโดย คุณแววตา เอกชาวนา นักโภชนาการผู้คร่ำหวอดในสายงานสุขภาพกว่า 34 ปี ที่มาร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปในครั้งนี้ มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้แม่ๆ มีสุขภาพแข็งแรง และลูกๆ มีพัฒนาการที่ดีและเหมาะสม
ข้าวอินทรีย์คืออาหารคลีน
การเลือกข้าวและผักต้องเลือกตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก ซึ่งแบ่งเป็น 3 แบบ คือ ‘ปลูกแบบอนามัยทั่วไป’ จะมีการใช้เคมีในทุกขั้นตอนการปลูก ทั้งปุ๋ยและสารกำจัดศัตรูพืช ต่อมาคือ ‘ปลูกแบบปลอดสารพิษ’ ยังคงใช้สารเคมีอยู่แต่มีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่ปลอดภัย ทั้งสองแบบแรกนี้แน่นอนว่ายังมีสารตกค้าง แต่ก็ปลอดภัยเพียงพอต่อการบริโภค แต่เพื่อให้คลีนแท้ไร้ห่วง ต้องเป็นการปลูกแบบอินทรีย์ ซึ่งมีกรรมวิธีที่พิถีพิถัน ต้องเตรียมดินให้ปลอดสารทุกชนิดเป็นเวลา 3 ปีขึ้นไป และทุกขั้นตอนใช้ปุ๋ยจากธรรมชาติเท่านั้น แถมต้องผ่านการรับรองจากสถาบันที่ทั่วโลกยอมรับ เพราะฉะนั้นเพื่อสุขภาพของครอบครัวควรให้ข้าวอินทรีย์เป็นตัวเลือกแรก
ข้าวสำหรับคุณแม่ช่วงอุ้มท้อง
ว่ากันว่าหากแม่เลือกทานสิ่งดีๆ เบบี้ตัวน้อยจะโตมาฉลาดเฉลียวและมีพัฒนาการที่ดี ดังนั้นจึงควรดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ช่วงนี้คุณแม่ขาดคาร์โบไฮเดรตไม่ได้ โดยให้เน้นข้าวอินทรีย์เป็นหลัก ส่วนแป้งจากแหล่งอื่นๆ ให้เป็นรอง นอกจากนี้ คุณแม่ช่วงนี้ต้องระวังโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ด้วย จึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตแปรรูปที่มีน้ำตาลปริมาณมาก
คุณแม่ให้นมต้องทานข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์
พืชที่มีสีดำเป็นพืชที่มีธาตุเหล็กสูง ซึ่งจำเป็นมากสำหรับคุณแม่ที่กำลังให้นม ดังนั้นคุณแม่ช่วงนี้ควรเลือกรับประทานข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์เป็นหลัก เพราะคุณแม่ต้องการพลังงานสูงและต้องการน้ำนมที่เพียงพอ ยิ่งหากคุณแม่ต้องการควบคุมน้ำหนักด้วยแล้วยิ่งดี เพราะคาร์โบไฮเดรตจากข้าวไรซ์เบอร์รี่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอย่างช้าๆ ทำให้คุณแม่มีพลังงานเพียงพอและไม่หิวระหว่างมื้ออีกด้วย
เหตุผลที่เด็กๆ ต้องรับประทานข้าว
อาการแพ้ในวัยทารกเกิดขึ้นได้มากมาย เช่น แพ้นมวัว แพ้แป้งสาลี แต่แพ้ข้าวนักโภชนาการบอกเลยว่าเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมากๆ เพราะฉะนั้นเพื่อ “ปิดประตูแพ้” เสียแต่เนิ่นๆ ทั้งคุณแม่และคุณลูกควรรับประทานข้าวเป็นหลัก โดยทารกวัยแบเบาะควรเริ่มเสริมคาร์โบไฮเดรตเมื่อมีอายุ 5 เดือนขึ้นไป เลือกข้าวอินทรีย์ไม่ว่าจะเป็นข้าวขัดสี ข้าวกล้องหรือไรซ์เบอร์รี่ต้มและบดให้นิ่ม เพื่อเป็นสารอาหารบำรุงร่างกายของลูกน้อย ซึ่งคุณเจนนิส ยังพิชิต เซเลบริตี้ชื่อดัง เป็นคุณแม่คนหนึ่งที่เลือกข้าวอินทรีย์ให้ 2 แฝดสุดน่ารักน้องจาณีนและน้องเจส โดยคุณเจนนิสกล่าวว่า “ปกติที่บ้านชอบทำอาหารรับประทานเอง เพราะเราสามารถที่จะเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ เลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และยังมั่นใจในความสะอาดของขั้นตอนการทำ บางครั้งเด็กๆ ก็จะได้มีส่วนช่วยในการทำอาหารของตัวเอง ถือเป็นช่วงเวลาที่ทั้งครอบครัวได้ใช้ร่วมกัน และเป็นการเสริมพัฒนาการของเด็กด้วย สำหรับเด็กๆ วัยนี้แบบน้องจาณีนและน้องเจสเป็นวัยกำลังโตและทานเก่งมากๆ ซึ่งเรากินข้าวเป็นอาหารหลักในทุกๆ มื้อ จึงเลือกข้าวอินทรีย์ชนิดต่างๆ เพราะเชื่อมั่นในคุณค่าและความปลอดภัย”
นอกจากข้าวอินทรีย์จะเวิร์คสำหรับคุณแม่และคุณลูกแล้ว ยังเหมาะกับทุกเพศทุกวัย เพียงแค่ต้องเลือกรับประทานในปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสม สำหรับผู้หญิงแล้วคือมื้อละ 2 ทัพพี ส่วนผู้ชายเพิ่มมานิดหน่อยเป็นมื้อละ 3 ทัพพี ส่วนใครกลัวทานข้าวแล้วอ้วน นักโภชนาการยืนยันว่าไม่ต้องกังวล เพียงแค่ลดข้าวมื้อเย็นลง 1 ทัพพี แต่ห้ามตัดข้าวออกจากมื้อใดเด็ดขาด เพราะกลูโคสจากข้าวคืออาหารสมองที่สำคัญ ถ้าไม่รับประทานข้าวความจำของเราจะค่อยๆ แย่ลง จึงแนะนำให้ใช้เทคนิคเดียวกับคุณแม่ให้นมคือเลือกข้าวซ้อมมือหรือข้าวกล้องอินทรีย์แทน เพราะแป้งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลช้ากว่าทำให้อิ่มท้องนานกว่า ข้าวของไทยที่หลายๆ คน เข้าใจว่าทำให้อ้วน จริงๆ แล้ว ดีจนต้องยกให้เป็นหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดเลยทีเดียว
ติดตามข้อมูลที่น่าสนใจ และโปรโมชั่นของข้าวมาบุญครอง ได้ที่ Facebook.com/Mahboonkrongrice ร้านอาหารญี่ปุ่นฮินะ ได้ที่ Facebook.com/HinaJapaneseRestaurant และร้านสุกี้ยากี้นัมเบอร์วัน ได้ที่ Facebook.com/SukiNumber1