องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในความสำเร็จของกลยุทธ์ดิจิทัลอาจทำให้คุณประหลาดใจ เพราะมันไม่ใช่เทคโนโลยีที่ดีที่สุดหรืองบประมาณก้อนใหญ่ แต่คือผู้ที่สร้างและใช้งานมันต่างหาก Emily Pearl Goodstein ผู้คล่ำหวอดกับการทำงานให้องค์กรไม่หวังผลกำไร รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาในโปรเจ็คท์การระดมทุนออนไลน์มาบอกเล่าบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เธอได้เรียนรู้จากอาชีพของเธอ
“ปัญหาเทคโนโลยีส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ตัวเทคโนโลยี แต่อยู่ที่คน” Goodstein กล่าว “ฉันได้เรียนรู้เรื่องนี้หลังจากนั่งอยู่กับลูกค้ารายที่ 100 และฟังเรื่องเดิมที่ฟังมาไม่รู้กี่ครั้ง ประเภทที่ว่า เราซื้อเทคโนโลยีนี้มาแต่เราไม่มีใครที่จะดูแลรักษามัน หรือ งานออนไลน์ของเราเป็นไปได้ดี แต่คนที่จัดการเรื่องนี้ที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือเด็กฝึกงานของเรากลับไปเรียนแล้ว หรือเครื่องมือดูเหมือนจะใช้งานง่ายนะ แต่เราไม่เห็นผลลัพธ์ที่เราคาดหวังจากมันเลย”
Goodstein เป็น Client Success Manager ที่ Blackbaud ซึ่งเธอมีโอกาสได้ดูแลองค์กรหลายรูปแบบ รวมถึงองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือในระดับนานาชาติเกี่ยวกับอาหารในระดับภูมิภาคและระดับภูมิภาค และตอนนี้เธอยังคงเป็นที่ปรึกษาอิสระให้กับลูกค้า
Goodstein กล่าวว่า “ท้ายที่สุดแล้ว เทคโนโลยีที่เราใช้เป็นส่วนประกอบย่อย แต่คน ไอเดีย และกลยุทธ์ต่างหากที่ทำให้เทคโนโลยีเผยศักยภาพของมันอย่างดีที่สุด ฉันชอบที่จะคิดว่าสื่อสังคมออนไลน์ และเครื่องมือทางการตลาดต่างๆ เปรียบเสมือนแปรงทาสี มันไม่สร้างสามารถสร้างงานศิลปะเองได้โดยปราศจากศิลปินที่เก่งกาจ”
ความรักในการทำงานร่วมกับคนและการจัดการ ทำให้ Goodstein เติบโตในอาชีพการวางกลยุทธ์ดิจิทัล
“สำหรับฉัน การตลาดออนไลน์เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างการจัดระเบียบระดับรากหญ้าและเทคโนโลยีระดับรากหญ้า” Goodstein กล่าว “ฉันเคยทำงานให้กับองค์กรที่ดูแลเรื่องสังคมของคนระดับล่าง โดยเฉพาะการทำงานกับนักเรียนเกี่ยวกับนโยบายสุขภาพที่ดีของผู้หญิง และฉันก็พบว่าฉันสามารถทำบางอย่างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้นหากใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อกับผู้คน”
เมื่อเราถาม Goodstein เกี่ยวกับข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดที่เธอเจอ ซึ่งทำให้องค์กรไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เธอยิ้มและตอบว่า “การที่กลยุทธ์และเป้าหมายไม่แข็งแรงพอ เครื่องมือที่เรากำลังพูดถึงไม่ได้ซับซ้อนเกินไปสำหรับการใช้งาน แต่เมื่อไม่มีแผนงานที่ครอบคลุมหรือเป้าหมายที่สมจริงที่กลยุทธ์ที่วางไว้สามารถวัดผลได้ มันจะทำให้เราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ดังนั้นฉันจึงอยากให้ลูกค้าวางกลยุทธ์ของตัวเองให้ชัดเจน จากนั้นทดสอบและเรียนรู้จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น มันจะทำให้เมื่อนำกลยุทธ์ดังกล่าวมาใช้ครั้งต่อไปพวกเขาจะสามารถปรับให้มันเหมาะสมที่สุดจากสิ่งที่เคยได้ผลหรือไม่ได้ผลในอดีต”
การทำงานกับองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนบางอย่าง แตกต่างจากการทำงานกับบริษัทที่แสวงหาผลกำไรทั่วๆ ไป
“องค์กรที่มีจุดมุ่งหมายที่เข้มแข็งในแง่ของการทำเพื่อสังคมนั้นเปรียบเสมือนงานอันศักดิ์สิทธิ์ และเมื่อพวกเขาค้นพบวิธีดึงดุดเอาคนที่สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่มารวมกันได้ พวกเขาจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้
แต่องค์กรเหล่านี้ก็เผชิญกับความท้าทายที่ไม่เหมือนใคร ถ้าแคมเปญไม่เวิร์ค อาจส่งผลโดยตรงต่อผลที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงการช่วยชีวิตบางคนเลยทีเดียว เนื่องจากผู้ที่ทำงานในด้านนี้มักจะตระหนักเกี่ยวกับภารกิจของพวกเขาอยู่เสมอ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้การตัดสินใจทำได้ยากขึ้น
สุดท้ายนี้ฉันคิดว่าองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยวัตถุประสงค์ทางสังคมบางครั้งก็กลัวที่จะกระทำความผิด หรือรู้สึก “ซื่อสัตย์เกินไป เกี่ยวกับปัญหาของพวกเขา และบางครั้งก็เลือกที่จะไม่เสี่ยง” Goodstein กล่าว
ก่อนจบ Goodstein แนะนำบางสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์ในการทำงานให้กับเรา:
1.คนที่คุณทำงานด้วยมักจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของคุณ
2.ใช้ passion เป็นเหตุผลในการวางแผนและรับมือกับความเสี่ยง
แปลและเรียบเรียงโดย Prim NM