ในการจัดงานดิจิทัลไลเซชัน เดย์ ครั้งแรกที่กรุงเทพฯ วันนี้ ซีเมนส์ได้นำเสนอตัวอย่างพลังของการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล (Digitalization) ซึ่งหมายถึงการนำเทคโนโลยีและข้อมูลดิจิทัลมาใช้ในการสร้างความเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่บริษัทสามารถช่วยสนับสนุนองค์กรธุรกิจและภาครัฐ ในการเพิ่มประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และความปลอดภัย การจัดงานครั้งนี้มีบุคคลระดับผู้นำและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐและเอกชนจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือการสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ประเทศ
“โลกปัจจุบันมีการเชื่อมต่อกันมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงด้วยดิจิทัล ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปรับเปลี่ยนการปฏิบัติงานด้านต่างๆ ในธุรกิจ เป็นการสร้างความแตกต่างที่สำคัญ ที่จะช่วยให้บริษัททั้งหลายสามารถรักษาความสามารถทางการแข่งขันเอาไว้ได้” นายมาร์คุส ลอเรนซินี่ ประธานและหัวหน้าฝ่ายบริหาร บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ประเทศไทย กล่าว “การเปลี่ยนแปลงด้วยดิจิทัลช่วยลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพการผลิต ความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดระยะเวลาการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและตลาด ตลอดจนเป็นการเปิดรับโอกาส และนวัตกรรมใหม่ๆ ทางธุรกิจ ให้กับองค์กร ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์กรต่างๆ ในประเทศไทย ทั้งภาครัฐและเอกชนในการเปิดรับการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล”
“การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลเป็นหนึ่งเทรนด์หลักที่กำลังจะเปลี่ยนโลก และเป็นแนวคิดสำคัญที่ถูกระบุไว้ในแนวนโยบายประเทศไทย 4.0 เพื่อสร้างความมั่งคั่ง ปลอดภัย และยั่งยืนให้แก่ประเทศในระยะยาว” นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการกำกับกิจการพลังงานกล่าว นโยบายประเทศไทย 4.0 มุ่งสร้างเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่าและเพิ่มนวัตกรรมเพื่อพลิกโฉมประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี
“อุตสาหกรรมในประเทศเยอรมณีอยู่ในแนวหน้าของการเปลี่ยนแปลงด้วยดิจิทัล และโครงการอุตสาหกรรม 4.0 (Industrie 4.0) มาเป็นเวลานาน ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บรรดาองค์กรธุรกิจอย่างซีเมนส์กระตือรือร้นในการเป็นพันธมิตรกับอุตสาหกรรมในประเทศไทยด้วยการสนับสนุนทางด้านเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ประเทศไทยเข้าสู่การพัฒนาในอีกระดับ” นาย เพเทอร์ พรือเกล เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย กล่าว
ภายในงาน ผู้บริหารของซีเมนส์ได้แบ่งปันกรณีศึกษาเกี่ยวกับผลของการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลที่มีต่อธุรกิจในปัจจุบัน รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลของซีเมนส์ ที่สามารถช่วยให้องค์กรต่างๆ ปรับตัวด้านดิจิทัล และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบงานต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว และชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และความปลอดภัยได้ในส่วนใดบ้าง นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำว่าหากธุรกิจไม่ได้ปรับตัวให้เข้าสู่รูปแบบดิจิทัล องค์กรธุรกิจมีโอกาสที่จะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด ทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพ และท้ายที่สุดคือการต้องเผชิญกับการเข้ามาแทรกแซงโดยธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ
ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ซีเมนส์ยังมุ่งมั่นนำเสนอผลงานเพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในทุกกลุ่มธุรกิจของซีเมนส์ ตั้งแต่ กลุ่มธุรกิจระบบผลิตไฟฟ้าและบริการ (Power Generation and Services) กลุ่มธุรกิจการจัดการพลังงาน (Energy Management) กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมด้านกระบวนการผลิตและการขับเคลื่อน (Process Industries and Drives) กลุ่มธุรกิจโรงงานระบบดิจิทัล (Digital Factory) กลุ่มธุรกิจการเดินทางและระบบขนส่ง (Mobility) ตลอดจนกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสำหรับอาคาร (Building Technologies) โดยผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลของซีเมนส์ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่เริ่มจนครบทั้งกระบวนการ นั่นคือ :
– การออกแบบและวิศวกรรม: เทคโนโลยีแบบจำลองดิจิทัลช่วยเร่งกระบวนการออกแบบได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยให้สามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ ทดสอบ และประเมินผลแบบเสมือนจริงได้ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ลูกค้าประหยัดเวลาและเงินในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นและมีการแข่งขันสูง ผลงานการออกแบบและการจำลองแบบของซีเมนส์มาจากประสบการณ์การดำเนินงานนานกว่า 10 ปี มีไลเซนส์มากกว่า 9 ล้านฉบับ และลูกค้ากว่า 77,000 รายทั่วโลก เช่น ซอฟต์แวร์การออกแบบและการจำลองผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์ลดเวลาในการพัฒนาลงได้มากถึงร้อยละ 30
– การผลิตและการดำเนินงาน: ส่วนประกอบต่างๆ ในระบบและในโรงงานสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยเพื่อการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์ข้อมูลนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพระบบในการพัฒนาด้านความยืดหยุ่น ประสิทธิภาพและความสามารถในการกู้คืน เพื่อตอบสนองต่อการหยุดการทำงานที่คาดไม่ถึง การเรียนรู้ของเครื่องจักรทำให้ระบบที่ซับซ้อนมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่มีการแทรกแซงของมนุษย์ด้วยการใช้ข้อมูล การประมวลผลประสิทธิภาพสูง และอัลกอริทึมอัจฉริยะที่ล้ำหน้า เช่น กังหันลมสามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าโดยการเปรียบเทียบข้อมูลการทำงานกับข้อมูลสภาพอากาศและทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น ซีเมนส์เป็นผู้ผลิตระบบอัตโนมัติอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรม การก่อสร้าง โครงข่ายพลังงาน โรงไฟฟ้าและรางรถไฟ อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการกระบวนการสำคัญและเทคโนโลยีอัตโนมัติรายสำคัญอีกด้วย อาทิ เทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะที่สามารถลดการใช้พลังงานของอาคารได้สูงสุดถึงร้อยละ 40
– การบำรุงรักษาและการบริการ: การวิเคราะห์แบบอัจฉริยะจากข้อมูลการดำเนินงานช่วยให้สามารถระบุรูปแบบและคาดการณ์ช่วงเวลาที่เครื่องหยุดการทำงาน ทำให้สามารถตรวจจับและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว บริการด้านดิจิทัล (Digital Services) ของซีเมนส์นำเสนอการตรวจสอบและวินิจฉัยสภาพจากระยะไกล การเทียบวัดเพื่อปรับปรุงยานพาหนะ คาดการณ์และกำหนดการบำรุงรักษาด้วยพลังของข้อมูล ทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากความพร้อมใช้งานที่สูงขึ้นจากโรงงานและอุปกรณ์ตลอดจนประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ลดต้นทุน และความปลอดภัยที่มากขึ้นด้วย
หัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัลของซีเมนส์ คือ มายด์สเฟียร์ (MindSphere) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ IoT แบบเปิด ทำงานบนระบบคลาวด์ของบริษัทซึ่งเชื่อมโยงสิ่งที่เป็นจริงเข้ากับโลกดิจิทัล และก่อให้เกิดการประยุกต์อุตสาหกรรมและบริการแบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพเพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ ด้วยการให้บริการแบบ Platform as a Service (PaaS) ช่วยสร้างระบบการทำงานที่ช่วยให้พันธมิตรสามารถพัฒนาและนำไปใช้งานได้เอง
“ในฐานะที่ซีเมนส์เติบโตมาพร้อมกับประเทศไทยเป็นเวลายาวนานกว่าศตวรรษ เราจึงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสนับสนุนการปรับโฉมองค์กรในประเทศไทยให้เข้าสู่ระบบดิจิทัล และสร้างเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่า ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์” นายมาร์คุส กล่าว