ผลตอบรับแบบออร์แกนิกส์ 1 วัน 1 ล้าน View กับแคมเปญ #TokyoUnexpected ที่ปล่อยวีดีโอคลิปความยาว 14.51 นาที ออกมา ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตามที่ BrandBuffet ได้นำเสนอ (คลิกอ่านที่นี่)
จนถึงปัจจุบันผ่านไปกว่า 2 เดือน ยอด view รวมของวีดีโอคอนเทนต์นี้ ทั้งจากเฟสบุ้คและยูทูป รวมกันมากกว่า 11 ล้าน view ยอดแชร์มากกว่า 5 หมื่นครั้ง รวมทั้งคอนเทนต์ที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมิวสิควีดีโอเพลงประกอบที่มีคนดู 7 ล้าน view รวมทั้งคอนเทนต์เกี่ยวเนื่องต่างๆ ที่ตัดเฉพาะส่วน เพื่อนำเสนอความสะดวกที่วีซ่ามอบให้ผู้ถือบัตร ทั้งการกดเงินสด ชำระค่าสินค่าต่างๆ และการจ่ายผ่าน Mobile Payment อีก 3 เวอร์ชั่น ที่มียอดคนดูรวมกันกว่า 4 ล้าน view
โดยสรุปทุกคอนเทนต์ภายใต้คอนเซ็ปต์ #TokyoUnexpected สร้างยอด engagement ล่าสุดได้มากกว่า 20 ล้าน view กับอีก 5 หมื่น share นับเป็นแคมเปญที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของวีซ่าเลยทีเดียว
คุณสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้แคมเปญดังกล่าวประสบความสำเร็จมาจากการเข้าใจ insight ที่แท้จริงของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ทั้งพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ และความสนใจต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการถ่ายทอดเรื่องราวที่สามารถสะท้อนสิ่งต่างๆ เหล่านั้นออกมาอย่างชัดเจน และนำสิ่งที่วีซ่ามีอยู่เข้าไปเชื่อมโยงในแต่ละช่วงได้แบบถูกเวลาและกลมกลืนกับเนื้อเรื่อง
สำหรับแคมเปญ #TokyoUnexpected วีซ่าโฟกัสไปที่กลุ่มมิลเลเนียลโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะเติบโตขึ้นมาในอนาคต รวมทั้งมีพฤติกรรม ความสนใจ และไลฟ์สไตล์เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยจะให้ความสำคัญกับเรื่องของประสบการณ์ต่างๆ ชื่นชอบการท่องเที่ยว ประกอบกับการใช้เพลงมาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเภทของคอนเทนต์ที่คนกลุ่มนี้ชื่นชอบ รวมทั้งดำเนินเนื้อเรื่องอย่างสนุกสนาน น่าติดตาม พร้อมสะท้อนวิธีคิด มุมมองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะถึงแม้จะไม่ได้เป็นไปตามวางแผนไว้ แต่ทุกอย่างคือสิ่งที่ดี ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิต
“วีซ่านำ insight ที่ได้จากการศึกษาข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าเป็นตัวตั้ง ก่อนจะกลับมามองว่า วีซ่ามีอะไรบ้างที่สามารถเชื่อมโยงกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ลูกค้าพบเจอในชีวิตประจำวันได้ ตั้งแต่เหตุผลที่เลือกโตเกียว เพราะประเทศญี่ปุ่น หรือโตเกียว เป็น destination ที่คนกลุ่มนี้ชื่นชอบสูงสุด การเลือกสถานที่ก็พยายามให้แปลกใหม่ เช่น วัดตัดใจ และยังเกิดเป็นไวรัลต่อ มีการไปเที่ยว ไปตามหาวัดกันจริงๆ หรือในแง่ของการ ให้ความรู้เรื่อง ระบบการชำระเงินผ่าน Mobile Payment ที่ทำให้เห็นภาพการใช้งานได้อย่างชัดเจนยิ่งชึ้น แม้แต่การใช้โซเชียลในการบันทึกเรื่องราว นำทาง หรือหาข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมเด่นๆ ของคนกลุ่มนี้ รวมทั้งการผูกด้วยเรื่องใกล้ตัวที่พบเจอได้จริงๆ พร้อมวิธีการเล่าที่เน้นการนำเสนอเรื่องราว แต่สามารถเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้อย่างเหมาะสม ทำให้คนติดตามจนจบเรื่อง แม้ว่าจะมีความยาวมากเกือบ 15 นาทีก็ตาม”
ความสำเร็จของแคมเปญดังกล่าว เข้ามาช่วยเสริมภารกิจหลักของวีซ่า ในฐานะผู้ขับเคลื่อนธุรกิจ ePayment ร่วมกับภาคธุรกิจธนาคาร รวมทั้งการผลักดันนโยบาย Cashless Society ของรัฐบาล เพราะสร้างการรับรู้รูปแบบในการใช้จ่ายที่มีหลายแพลตฟอร์มมากขึ้น ตามทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้ในช่วง 2-3 ปีนี้ เกิดความตื่นตัว และมีความเคลื่อนไหวจากหลายภาคส่วน เพื่อช่วยกันส่งเสริมปัจจัยต่างๆ ที่มีส่วนกระตุ้นให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมมาสู่ E-Payment มากขึ้น ทั้งในเรื่องของการเพิ่มความสะดวก ความปลอดภัย การเพิ่มจุดรับชำระ และการมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ
“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีโอกาส เป็นหนึ่งใน advance market เพราะมีคนถือบัตรทั้งเครดิตและเดบิตมากกว่า 75 ล้านใบ ตามสถิติแบงค์ชาติ มากกว่าจำนวนประชากรทั้งประเทศที่มีราว 70 ล้านคน ขณะที่ Mission ของวีซ่าเน้นทำงานร่วมกับทั้งกลุ่มลูกค้าที่เป็นธนาคาร รวมทั้งการเพิ่มจำนวนพาร์ทเนอร์ให้ครอบคลุมความต้องการผู้ถือบัตรที่มีราว 3,000 ล้านบัตรทั่วโลก เพื่อให้สามารถใช้งานได้ในทุกประเทศที่เดินทาง ซึ่งปัจจุบันมี offer อยู่ทั่วโลก มากกว่า 20,000 รายการ และเชื่อว่าจะสามารถรองรับทั้ง 3 รูปแบบการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายภายในประเทศไทย กลุ่มคนไทยที่เดินทางไปใช้จ่ายในต่างประเทศ รวมทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างครอบคลุม”
คุณสุริพงษ์ และทีมงานที่มีส่วนช่วยสร้างสรรค์แคมเปญ #TokyoUnexpected
ขณะที่บทบาทในการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ จะเน้นการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศ เพื่อกระตุ้นไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยปีที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่านแคมเปญ Not A Tourist เพื่อนำเสนอมุมมองของประเทศไทยในแบบที่แตกต่าง โดยให้นักท่องเที่ยวส่งภาพโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวในมุมใหม่ๆ มาที่เฟสบุ้คและ IG ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก โดยวีซ่าได้นำภาพที่ถูกคัดเลือกไปพิมพ์เป็นโปสการ์ด 1 แสนใบ ส่งมอบให้สำนักงาน ททท. ทั่วโลก เพื่อแจกจ่ายแก่นักท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ รวมทั้งได้จัดแคมเปญต่อเนื่องในปีนี้กับรายการ Visa Thailand Grand Sale เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าอีกด้วย
วีซ่ามีแนวคิดหลักตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจคือ Dee Hock ที่เคยกล่าวว่า การชำระเงินไม่ยึดติดกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เงินอาจจะเป็นเหรียญ ธนบัตร หรือบัตรพลาสติกก็ได้ นั้นคือ form ไม่ใช่ function คุณสุริพงษ์เสริมว่าเงินในรูปแบบดิจิตอลจะเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้จ่ายได้สะดวกมากที่สุด วีซ่าจึงให้ความสำคัญกับข้อมูลต่างๆ อย่างมาก มีทีม data scientist เพื่อคอยรวบรวม วิเคราะห์ ติดตาม และประเมินความต้องการต่างๆ ของลูกค้า รวมทั้งมีการสำรวจพฤติกรรม หรือทัศนคติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอยู่เสมอ เพื่อทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งนำเทรนด์ต่างๆ มาต่อยอด ทั้งในมิติของการพัฒนาการให้บริการ โดยคำนึงถึงความปลอดภัย แบบ multi-layer security เป็นหลัก และการมองหาพันธมิตรที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการต่างๆ ของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนมากที่สุด