วันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา McDonald’s (แมคโดนัลด์) สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศ พลิกโฉม (Relaunch) ประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับแบรนด์ McCafe ธุรกจิกาแฟในเครือ โดยส่งโลโก้ให้ ลุคใหม่ และปรับปรุงคุณภาพกาแฟ ไปจนถึงเตรียมส่งกาแฟสำเร็จรูป ready-to-drink วางจำหน่ายในรีเทล และเพื่อสร้างการรับรู้ระลอกแรก แมคโดนัลด์ลุยด้วยการปรับเวลาเสิร์ฟอาหารเช้า จากเดิมที่จำกัดช่วงเวลา กลายเป็นเสิร์ฟอาหารเช้าตลอดวัน รวมทั้งนำเสนอเมนู McNuggets ที่ไม่แต่งสี หรือกลิ่น
สินค้าที่เป็นไฮไลต์ของงานนี้ก็คือ กาแฟเอสเปรสโซ่ ซึ่งปรับปรุงคุณภาพ ตามที่ BrandBuffet นำเสนอข้อมูลไปก่อนหน้านี้ โดยมุ่งไปที่การแสวงหาวัตถุดิบคุณภาพดี (อ่านเพิ่มเติมคลิกที่นี่) รวมทั้งเมนูอื่นๆ ที่พัฒนาขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Caramel Macchiato, Cappuccino, Americano โดยในช่วงเวลาโปรโมทนี้กาแฟไซส์เล็กจะมีราคาเพียง 2 ดอลล่าร์เพื่อให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองกันอย่างทั่วถึง
หลังจากนั้น ต้นปี 2018 แมคโดนัลด์มีแผนจับมือกับ Coca-Cola ส่งกาแฟ ready-to-drink วางจำหน่ายเมนู McCafé Frappé ในรูปแบบขวด มี 3 รสชาติ คือ Caramel, Vanilla และMocha
“นี่คือจุดเริ่มต้นคำมั่นสัญญาของพวกเราที่มีต่อ McCafe” Chris Kempczinski ประธานแมคโดนัลด์ สหรัฐอเมริกากล่าว “เราเข้าใจความสำคัญของวัฒนธรรมกาแฟ ที่มีต่อผู้บริโภคและเราขอให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะนำสินค้าของพวกเราได้ตอบสนองความต้องการด้านรสชาตินั้น ด้วยความสะดวกสบายและคุณค่าที่มีแต่แมคโดนัลด์เท่านั้นที่ทำได้ นี่จะเป็นหัวใจของกลยุทธ์การเติบโต ที่พวกเราอดทนรอที่จะแบ่งปันมันออกมาในลำดับต่อไปแทบไม่ไหว”
และเพื่อ Refresh ให้ McCafe แมคโดนัลด์ได้ปรับโลโก้ และแพคเกจจิ้ง ให้มีความผอมเพรียว ดูโมเดิร์นขึ้น รวมทั้งเทรนพนักงานในสาขาทั้ง 14,000 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกาให้สามารถนำประสบการณ์และวัฒนธรรมกาแฟ ไปสู่ผู้บริโภคให้ได้
McCafe เปิดเป็นครั้งแรกที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย ขณะที่แมคโดนัลด์ สหรัฐอเมริกามีฐานลูกค้าถึง 25 ล้านคนต่อวัน 90% ของสาขาจำนวน 14,000 แห่ง เป็นร้านของนักธุรกิจอิสระ (สำหรับผู้ที่อยากรู้จัก Business Model ของแมคโดนัลด์ในสหรัฐอเมริกา แนะนำดูภาพยนตร์เรื่อง The Founder นำแสดงโดย Michael Keaton)