เพราะว่าระบบคนส่งสาธารณะในประเทศไทย อาจจะยังไม่ครอบคลุมจนตอบสนองความต้องการของประชากรทั้งหมด Nissan จึงมองเห็นเป็นโอกาสที่จะพัฒนารถ Eco-Car ซึ่งเครื่องยนต์มีสมรรถนะเพียงพอต่อการใช้สอย แต่มีระบบอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่คนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานและหัดขับรถ ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าครอบครัว และสร้างสรรค์เป็น Nissan Note รถที่มีฟังก์ชั่นครบครัน เหนือกว่ารถอีโคคาร์รุ่นอื่นๆ
ทั้งกว้าง ทั้งเยอะ จุดเด่น Note
Nissan Note รถคอมแพ็คแฮตช์แบค 5 ประตู มีเครื่องยนต์ 2 แบบให้เลือก คือ 1.2 V และ 1.2 VL จุดเด่นภายในอยู่ที่ห้องโดยสารเน้นความอรรถประโยชน์ ด้านหลังซึ่งเป็นที่นั่งของผู้โดยสาร กว้างนั่งสบาย ขนาดผู้ชายตัวใหญ่ๆ หลับได้สบาย อีกทั้งมีความใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น มีที่วางขวดน้ำถึง 8 จุด เครื่งเสียง CD/DVD/MP3 ได้ 1 แผ่น รองรับการเชื่อมต่อ USB/Bluetooth พร้อมช่องเสียบ AV-in และ HDMI พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและรับสาย-วางสายโทรศัพท์ได้จากพวงมาลัย จับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ต้องการการเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลตอลดเวลา ขณะเดียวกันถ้าหากเป็นลูกค้ากลุ่มครอบครัวก็ต้องแฮปปี้กับห้องโดยสารที่กว้าง ผู้สูงอายุมีพื้นที่นั่งไม่อึดอัดหรือสำหรับคนที่มีลูกเล็กๆ ก็ติดตั้ง Carseat หรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย ความใส่ใจตรงนี้ ยังรวมไปถึงการออกแบบให้ประตูด้านหลังสามารถเปิดได้องศากว้างกว่าปกติโดยเปิดได้กว้าง 85 องศา ถ้าหากจะต้องยกทีวีจอใหญ่ หรือข้าวของเครื่องใช้ก็ทำได้ง่าย
ส่วนภายนอก ในแง่มุมการตลาดรถรุ่นนี้ ตั้งใจส่ง NOTE PERSONALIZATION ให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการสร้างความโดดเด่นแตกต่างให้กับรถของตัวเอง ตามแบบที่ตัวเองกำหนด สะท้อนคอนเซ็ปท์ “เป็นตัวคุณได้ยิ่งกว่าที่เคยเป็น” มีทางเลือก 4 สี ได้แก่ สีส้ม สีแดง สีดำ และสีม่วง โดยการที่เปิดทางเลือกให้ผู้บริโภคได้แสดงตัวตนออกมาเองนี่ เป็นสิ่งที่นิสสันประสบความสำเร็จมาแล้วกับ Nissan Juke กลายเป็นออปชั่นที่โดนใจลูกค้าและสร้างคาแร็กเตอร์ให้กับแบรนด์ได้โดดเด่น
เทคโนโลยีเกินตัว
รถรุ่นนี้นับเป็นอีโคคาร์รุ่นแรกของนิสสันที่มาพร้อมเทคโนโลยี ‘Nissan Intelligent Mobility’ ซึ่งทำงานควบคู่กับ
Moving Object Detection เมื่อมีวัตถุหรือบุคคลเคลื่อนไหวก็จะส่งสัญญาณช่วยเตือนผู้ขับขี่ แถมยังโชว์ภาพจากกล้องที่ติดไว้รอบคันมาที่กระจกมองหลัง ซึ่งติดตั้งมาให้เสร็จสรรพ ยังมีระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning) ช่วยให้การขับรถเส้นทางไกลเป็นเรื่องง่ายขึ้น รวมทั้งเมื่อจอดเทียบข้าง เซ็นเซอร์ที่ด้านซ้ายของตัวรถก็ช่วยตีเส้นให้เวลาขับจริงเล็งได้ง่ายขึ้น บรรดาคนขับรถมือใหม่เห็นฟังก์ชั่นนี้แล้วต้องยิ้ม (แหม…ขับไปสอบใบขับขี่นี่ใช่เลย)
ยังมีเรื่องของความปลอดภัยที่จัดเต็มมาทุกรุ่นย่อยถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD และ BA, ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพ VDC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดทั้ง 5 ที่นั่ง, จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX ซึ่งทั้งหมดนี้ ให้ความปลอดภัยและก้าวล้ำเทียบเท่ารถยนต์ระดับหรูขนาดใหญ่
Best Of The Best Dealer Award เริ่มต้นที่ความสุข
นอกเหนือจากการส่งรุ่นรถที่โดนใจความต้องการของตลาดแล้ว “บริการ” เป็นอีกเรื่องที่นิสสันให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการจัดอันดับ Best Of The Best Dealer Award เพื่อเป็นแนวทางในการนำบทเรียนที่ดีกับดีเลอร์ที่ได้รางวัล ไปสร้างแรงบันดาลใจให้กับดีลเลอร์รายอื่น รวมทั้งเป็นขวัญกำลังใจให้กับพนักงานของดีเลลอร์ที่คว้ารางวัลนี้ไปครอง โดย ดีลเลอร์ที่ได้ตำแหน่ง Best Of The Best Dealer Award ก็คือ Angel Way ตัวเเทนจำหน่ายรถยนต์นิสสัน รายใหญ่ในเชียงรายและพะเยา ที่มีถึง 6 สาขา
โดย ดร.กอบชัย จิตรสกุล ประธานบริหาร บริษัท แองเจิลเวย์ จำกัด กล่าวถึงเคล็บลับเอาไว้ว่า “สร้างความสุขให้กับพนักงาน โชว์รูมของผมมีรูป มีภาพวาดศิลปะ ให้พนักงานได้ดู ให้เขาผ่อนคลาย แล้วผมจะบอกเขาเสมอว่า เวลาดูแลลูกค้าให้ดูแลเหมือนกับคนในครอบครัวของเรา เราต้องซื่อสัตย์ แนะนำแต่สิ่งที่ดีๆ ให้ลูกค้า อะไรที่ไม่ดีก็ต้องบอก”
ข้อกำหนดที่ทางนิสสันตั้งเป็นดัชนีชี้วัดของรางวัลดังกล่าว มีทั้งเรื่องยอดขาย และความพึงพอใจของลูกค้า โดยยอดขายที่ผ่านมาของ Angel Way สามารถจำหน่ายรถได้ถึง 1,200 คัน โดยอีโคคาร์และกระบะเป็นรถที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าภาคเหนืออยู่ในระดับท็อป