สำหรับคนรักสุนัขทุกคน แบรนด์ Jerhigh(เจอร์ไฮ) ย่อมเป็นแบรนด์ที่รู้จักเป็นอย่างดี รวมทั้งหลายคน คงเคยทดลองป้อนผลิตภัณฑ์ให้กับลูกรักสี่ขาที่บ้านของตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์หลากรสของ “เจอร์ไฮ” มาแล้ว จากความแข็งแกร่งของแบรนด์ ที่ผลักดันวันนี้ให้แบรนด์ไทยแบรนด์นี้ กลายเป็นเจ้าตลาดอาหารสุนัขประเภท Dog Treats โดยมีส่วนแบ่งตลาดถึง 34% บทความนี้ BrandBuffet จะพาไปเจาะลึกที่ขั้นตอนวิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ วิสัยทัศน์ของแบรนด์ และความภูมิใจที่แบรนด์ไทยสามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศผ่านการส่งออก รวมทั้งคว้ารางวัลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาได้ ผ่าน 10 ประเด็นสำคัญ ของผู้บริหาร คุณสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจอาหาร และกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ซีพีเอฟ ดังนี้
1. “เจอร์ไฮ” ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2002 ด้วยแนวคิด Feed me with love (ให้ด้วยความรัก) หวังให้ผลิตภัณฑ์ของเจอร์ไฮ เป็นสื่อแทนความรักความผูกพันธ์ระหว่างสุนัขและเจ้าของที่มองสุนัขเป็นเหมือนหนึ่งสมาชิกในครอบครัว ด้วยเหตุนี้เอง พัฒนาการสินค้าในยุคแรกของ “เจอร์ไฮ” ในปี 2002-2005 จึงถือกำเนิดขึ้น ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์สแนค หรือขนมน้องสุนัขหลากหลายรสชาติ โดยการป้อนให้น้องสุนัขด้วยมือของเจ้าของเอง เพื่อให้เกิด Bounding ระหว่างเจ้าของกับสุนัข ที่ได้ใกล้ชิดสัมผัสกัน มากไปกว่าอาหารปกติ
2. หลังจากประสบความสำเร็จกับแนวคิดดังกล่าว “เจอร์ไฮ” ต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์อีก 3 ระลอก แบ่งตามคอนเซ็ปท์และช่วงเวลาคราวละ 4 ปี ดังนี้
– ปี 2006-2009 มองสุนัขเหมือนดั่งมนุษย์ พัฒนาผลิตภัณฑ์สแนคที่มีเมนูรูปร่างหน้าตาเหมือนอาหารมนุษย์ เช่น ฮอทดอกบาร์ หรือไส้กรอกสำหรับน้องสุนัขที่เก็บในอุณหภูมิปกติ พกพาสะดวก, คุกกี้, เบคอน, เจอร์ไฮเทรย์โกลที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนอาหารมนุษย์ เช่น รสสเต๊กเนื้อ รสสตูเนื้อ รสเบอร์เกอร์เนื้อวัว
– ปี 2010-2013 เพื่อนแท้เพื่อนตาย เพื่อนที่อยู่ข้างกายคุณคือน้องสุนัข เจอร์ไฮ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สแนคเพื่อสุขภาพสำหรับน้องสุนัข คือ Jerhigh Flexi-fix มีส่วนประกอบของกลูโคซามีนและคอนดรอยติน ซึ่งเป็นสารอาหารจำเป็นต่อการสร้างกระดูกใหม่ในการรักษาและช่วยยับยั้งการอักเสบของข้อเสื่อม
– ปี 2014-2017 เขาคือคน เจอร์ไฮได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สแสคเพื่อสุขภาพ Im-Up ซึ่งมีส่วนประกอบของเบต้ากลูแคน ในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับน้องสุนัข , อาหารเม็ดเนื้อนุ่ม มีท แอส มีลส์ โฮลิสติกส์ ซึ่งเป็นอาหาร เกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม มีสัดส่วนเนื้อในปริมาณสูง ครบคุณค่าทางโภชนาการระดับ โฮลิสติก มีส่วนประกอบของสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุนัข และช่วยดูดซับกลิ่นมูลของสุนัขได้ถึง 80%, ผลิตภัณฑ์ขัดฟันเด็นทีสติ๊ก เพื่อช่วยดูแลช่องปากให้กับสุนัข และ ผลิตภัณฑ์ Pro En อาหารเสริมสำหรับสุนัขระพักฟื้นหรือเบื่ออาหาร ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์ในการย่อยได้ของสารอาหารอยู่ในเกณฑ์ระดับดีมาก “Premium Grade” ทำให้ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
3. ในเรื่องของการดำเนินธุรกิจ มุ่งเน้นปรัชญา “3 ประโยชน์” ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่การดำเนินธุรกิจต้องก่อให้เกิดประโยชน์ 3 ประการ คือประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประโยชน์ต่อประชาชน และประโยชน์ต่อบริษัท ซึ่งแบรนด์เจอร์ไฮ ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดนี้ โดยปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนในองค์กรให้มีคุณธรรมมีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม และตระหนักในเรื่อง“การตอบแทนคุณแผ่นดิน” อย่างผสมกลมกลืนไปกับการดำเนินธุรกิจ
4. จากปรัชญาองค์กร และนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ ผลักดันให้ “เจอร์ไฮ” คว้ารางวัลใหญ่ PM Award 2017 (Prime’s Minister Exporter Award) ด้านสินค้านวัตกรรมที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยม (Best Green Innovation Award ) ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่บริษัทที่ผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณลักษณะในด้านนวัตกรรมที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือพัฒนากระบวนการผลิตหรือการค้นหาวัสดุใหม่ ๆ การลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตที่ส่งผลให้เป็นสินค้าที่มีนวัตกรรมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
5. ไม่ใช่แค่รางวัลในประเทศเท่านั้น รางวัลระดับโลก แบรนด์ไทยแบรนด์นี้ ยังได้รับคัดเลือกให้เข้ารับรางวัล World Branding Awards 2017-2018 รางวัลแบรนด์ระดับโลก จากเวิลด์ แบรนดิ้ง ฟอรั่ม (World Branding Forum) ในประเภทธุรกิจผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง สาขาขนมสุนัข ณ Hofburg Palace กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย นับเป็นแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงรายแรกและรายเดียวของประเทศไทยที่สามารถคว้ารางวัลแบรนด์ระดับโลกในสาขานี้ได้ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำแบรนด์อาหารสุนัขอันดับ 1 พร้อมก้าวไกลสู่แบรนด์ระดับโลก
โดยรางวัลดังกล่าว มีสัดส่วนการให้คะแนน 70% มาจากคะแนนโหวตเลือกแบรนด์ในดวงใจของผู้บริโภคทั่วโลก และในปีนี้มีผู้บริโภคกว่า 60,000 รายจากทั่วโลกเข้าร่วมลงคะแนน ขณะที่มีแบรนด์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากกว่า 800 แบรนด์จาก 35 ประเทศในหลายหมวดผลิตภัณฑ์ และมีเพียง 92 แบรนด์เท่านั้นที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้
6. ในมุมธุรกิจ “เจอร์ไฮ” เป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 โดยมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 34% ในกลุ่ม Dog Treats หรือขนมน้องสุนัข สำหรับตลาดอาหารสุนัข (Dog food) ในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมที่ 17,000 ล้านบาท โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ 1.กลุ่ม Dog Treats หรือขนมน้องสุนัข 2. กลุ่ม Dry dog Food หรืออาหารแห้งและอาหารแบบเม็ด 3. กลุ่ม Wet dog Food หรืออาหารเปียก กลุ่มขนมสำหรับสุนัข มีอัตราการเติบโตสูงสุด ที่ประมาณ 30 % ซึ่งมากกว่าอัตราการเติบโตรวมของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศที่เติบโตเฉลี่ยเพียงแค่ 15% ต่อปี
7. ผลิตภัณฑ์เจอร์ไฮ จัดจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ ด้วยสัดส่วน 50:50 โดยในส่วนของตลาดในประเทศจำหน่ายผ่านช่องทาง Traditional Trade ทั่วประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 70% ที่เหลืออีก 30% ผ่านทาง Modern trade ทั้ง Hyper market , Convenience Store, Super Market และช่องทาง Vet หรือ โรงพยาบาลสัตว์ต่าง ๆ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันเจอร์ไฮมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายถึง 18 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ อย่าง Wal-Mart ,Wool-Worth, Coles, K-Mart, Cold Storage และ Park’N Shop
ประเทศที่มีปริมาณการส่งออกมากที่สุด คือออสเตรเลีย ทั้งนี้ ด้วยเจอร์ไฮเป็น 1 ใน 2 โรงงานอาหารสัตว์เลี้ยงที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับสากลให้สามารถส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลียได้
8. ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจเท่านั้น “เจอร์ไฮ” ยังสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการจัดทำ DVD ชุดสารคดีครอบครัวคุณทองแดงโดยมอบเงินบริจาคเป็นจำนวนเงิน 15 ล้านบาท โครงการ “แป๊ะฮวยช่วยเพื่อน” เป็นการระดมทุนเข้าโครงการส่วนพระองค์ในสมเด็จพระเทพฯ เพื่อจัดหาเครื่องมือแพทย์เป็นจำนวนเงิน 1.7 ล้านบาท สนับสนุนกิจกรรมของเครือข่ายคนรักน้องหมา ในพระอุปถัมภ์ระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เพื่อสมทบทุนในการจัดทำหมันให้กับสุนัขจรจัดตามชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศเป็นจำนวนเงิน 450,000 บาท การบริจาคอาหารสุนัขให้มูลนิธิสุนัขจรจัดที่ต้องการความช่วยเหลือต่าง ๆ และล่าสุด ตู้จำหน่ายอาหารสุนัขอัตโนมัติเจอร์ไฮ ตู้แรกของประเทศไทย พร้อมชวนทำความดีมอบรายได้จากการขายอาหารสุนัขจากตู้อัตโนมัติให้ “มูลนิธิเดอะวอยซ์ เสียงจากเรา” ช่วยเหลือน้องหมาสี่ขาที่ถูกทอดทิ้ง
9. นอกเหนือจากแบรนด์ “เจอร์ไฮ” แล้ว ยังมี อาหารสุนัข เค-ซี และอาหารแมวจินนี่ เป็นผลิตภัณฑ์ในเครืออีกด้วย
10. วิสัยทัศน์ต่อไปของ “เจอร์ไฮ” ต้องจับตาดูให้ดี เพราะนับตั้งแต่ปี 2018 เจอร์ไฮ จะทุกสิ่งทุกอย่างที่คนรักสุนัขอยากให้เป็น โดย มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบถ้วน สามารถให้เป็นรางวัล, ใช้ในการฝึกสุนัข, และให้เป็นอาหารหลักได้