ยุคนี้ สมัยนี้ มีกรณีศึกษาเกี่ยวกับความสำเร็จของแบรนด์ต่างๆ โดยเฉพาะเจ้าของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จกันตั้งแต่อายุน้อยๆ ยี่สิบบ้าง สามสิบบ้าง หรือบางรายก็กลายเป็นเถ้าแก่น้อยกันตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ มีเรื่องราวเหล่านี้ให้ได้เห็น ได้ฟังกันอยู่เสมอ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนในการลุกขึ้นมาสร้างอนาคตให้กับตัวเอง แต่อีกมุมหนึ่งคนที่อายุเริ่มขึ้นเลขสาม เลขสี่ แต่ยังคงเป็นพนักงานกินเงินเดือน หรือแม้แต่บางคนที่อาจจะประกอบอาชีพอิสระ แต่ก็ยังอยู่ในจุดที่ห่างไกลกับคำว่าประสบความสำเร็จ ก็อาจจะรู้สึกหมดหวัง ท้อใจ หรือคิดว่าโอกาสเริ่มต้นใหม่ของตัวเองนั้นริบหรี่เหลือเกิน แต่หากได้ฟังเรื่องราวของชายผู้นี้แล้ว คุณอาจจะมีกำลังใจมากขึ้น และไม่หยุดที่จะอดทน ต่อสู้ และพยายามทำทุกอย่างต่อไปอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
คุณสมชาย จันทิพย์วงษ์ ประธานบริษัท ไทย เฮิร์บ เอนเตอร์ไพรซ์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ “เต่าเหยียบโลก” อันลือลั่น ที่เชื่อว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ แบรนด์นี้ได้รับความสนใจในแวดวงการตลาดรวมทั้งผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะด้วยชื่อแบรนด์ที่สะดุดหู รวมทั้งสรรพคุณของสินค้า ซึ่งทุกคนที่เคยมีโอกาสได้ใช้ต่างรู้สึกพึงพอใจ ทำให้สินค้าได้รับการตอบรับอย่างดีจนเติบโตเป็นเท่าตัวมาหลายปีต่อเนื่องแล้ว และยังเป็นอีกตัวอย่างของความภาคภูมิใจในฐานะแบรนด์ไทย แบบบ้านๆ ที่สามารถก้าวขึ้นมาแข่งขันกับแบรนด์ชั้นนำในตลาดได้อย่างน่าจับตามองอีกด้วย
คุณสมชาย ในวัย 61 ปี เล่าว่า มีโอกาสเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองเมื่ออายุ 40 ปีแล้ว หลังจากตัดสินใจลาออกจากงานประจำในร้านขายยาสมุนไพรที่ขายทั้งยาไทยและยาจีน ซึ่งยึดเป็นอาชีพมายาวนานถึงยี่สิบกว่าปี โดยระหว่างที่พยายามมองหาอาชีพใหม่เพื่อหารายได้มาดูแลภรรยาและลูกนั้น ก็ได้รับคำแนะนำจากญาติว่าให้นำความรู้ที่มีอยู่จากการทำงานในร้านขายยาสมุนไพรหลายสิบปีมาต่อยอด เพราะน่าจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ รวมทั้งตลาดก็น่าจะชื่นชอบผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสมุนไพรธรรมชาติ
เมื่อได้คำแนะนำจากญาติก็เหมือนมีผู้เข้ามาชี้ทางออกที่ถูกต้องและเหมาะสมให้กับตัวเอง ประกอบกับก่อนหน้านี้ คุณสมชายได้สูตรผงแป้งระงับกลิ่นกายมาจากลูกค้าที่เข้ามาซื้อยาในร้าน ซึ่งเป็นสูตรโบราณที่ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นอากง อาม่า โดยได้ทดลองใช้สูตรนี้ด้วยตัวเองและเห็นว่าใช้ได้ผลดีจึงใช้มาโดยตลอด จึงตัดสินใจนำสูตรที่ใช้เองนี้มาผลิตเป็นผงแป้งระงับกลิ่นกายเพื่อทดลองวางขาย โดยเริ่มต้นวางขายผ่านร้านเสริมสวยของภรรยา เพื่อให้ลูกค้าในร้านทดลองซื้อไปใช้ ซึ่งทุกคนที่ใช้ก็ชมว่าได้ผลดี และมีบางคนมาซื้อซ้ำด้วย
“ช่วงเริ่มต้นธุรกิจเราก็ทดลองตลาดไปด้วย โดยทำเป็นถุงซิป ขายถุงละ 10 บาท มาวางขายที่ร้านเสริมสวยของภรรยา และเขียนป้ายติดไว้ที่หน้ากระจกว่า “แป้งจับเต่า ตราเต่าเหยียบโลก ทาระงับกลิ่นรักแร้ รับประกัน เห็นผลภายใน 1 วัน” โดยตั้งชื่อง่ายๆ ให้ทุกคนเข้าใจว่าใช้เพื่ออะไร และขายไม่แพง เพื่อให้คนได้ทดลองใช้ จนทุกคนบอกว่าได้ผลดี จึงเริ่มทำเป็นแบบใส่ขวดพลาสติก เพื่อไปวางฝากขายตามร้านเสริมสวยอื่นๆ ที่อยู่ในละแวกบ้าน ตั้งราคา 20 บาท แบ่งให้ร้านเสริมสวยขวดละ 8 บาท โดยจะเก็บเงินหลังจากที่ขายสินค้าได้แล้ว ทำให้เริ่มมีจุดวางขายมากขึ้น”
ร้านเสริมสวย เวทีแจ้งเกิด
ด้วยความเป็นธุรกิจครอบครัว ทำกันแบบบ้านๆ ไม่มีทุนสำหรับทำตลาดหรือไปฝากขายตามห้างร้านต่างๆ ช่องทางร้านเสริมสวยจึงเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยสร้างให้แบรนด์เต่าเหยียบโลกแข็งแรงมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ด้วยความพิเศษเฉพาะตัวของช่องทางนี้ ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแบบที่แบรนด์อื่นๆ ไม่สามารถเข้าถึงได้ และยังเป็นช่องทางที่ไม่มีคู่แข่งมากเหมือนช่องทางอื่นๆ อีกด้วย
“ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านเสริมสวยแต่ละครั้งจะใช้เวลาอยู่ในร้านค่อนข้างนาน ทำให้เรามีโอกาสเข้าถึงและทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการทำป้ายโฆษณามาติดไว้ที่หน้ากระจก ซึ่งต้องถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ลูกค้าทุกคนต้องมองเวลามาเสริมสวย รวมทั้งการเลือกใช้คำโฆษณาที่ค่อนข้างท้าทายอย่าง “รับประกันเห็นผลภายใน 1 วัน” ทำให้ลูกค้าหลายคนต้องการพิสูจน์ว่าทำได้จริงหรือไม่ รวมทั้งบางครั้งยังได้ช่างเสริมสวยในร้านมาช่วยขายสินค้า และรับประกันว่าใช้ได้ผลจริง ลูกค้าจึงมีความเชื่อมั่นมากขึ้นและกล้าที่จะซื้อไปใช้”
หลังจากนำสินค้าไปฝากขายผ่านร้านเสริมสวยต่างๆ โดยภายในเดือนแรกที่ลงสำรวจตลาดก็สามารถเก็บเงินค่าสินค้าได้ 500 บาท จากร้านค้า 10 กว่าแห่ง ซึ่งคุณสมชายบอกว่า รู้สึกดีใจมาก ไม่ใช่ดีใจเพราะได้เงิน แต่ดีใจที่มีคนยอมใช้สินค้าของตัวเอง เพราะถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสินค้าของตัวเองดีจริง ได้ผลจริง คนถึงยอมซื้อใช้ โดยที่ต่อมายอดขายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงเริ่มผลิตมากขึ้น เพื่อนำไปวางขายในหลายๆ ที่ จาก 10 ร้าน เป็น 100 ร้าน และราวๆ 500 ร้าน ซึ่งคุณสมชายจะเป็นคนขับมอเตอร์ไซค์เพื่อนำของไปวางไว้ที่แต่ละร้านด้วยตัวเองเสมอ
“การได้รับคำชมจากลูกค้าว่าของเราดี ทำให้เรามีกำลังใจที่จะกลับมาทำต่อ แต่เราก็ฟังคำตำหนิต่างๆ มาปรับปรุงด้วย เช่น ขวดพลาสติกที่ใช้จะแกะยาก รวมทั้งมีปากกว้างทำให้น้ำหยดเข้าไปได้แล้วแป้งจับตัวกันแข็ง หรือเวลาเทใช้แล้วหกเลอะเทอะ ทำให้เราค่อยๆ ปรับปรุงแพกเกจมาเรื่อยๆ รวมทั้งเพิ่มปริมาณให้เหมาะสม เพื่อนำมาขายในราคา 30 บาท ขณะที่ต้นทุนอาจจะสูงขึ้น แต่กำไรต่อขวดก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน”
คุณสมชายเล่าว่า ในช่วงแรกที่นำสินค้าไปฝากขาย ไม่ใช่ทุกร้านจะเต็มใจรับฝากกันหมด เพราะด้วยชื่อ “จับเต่า” หรือ “เต่าเหยียบโลก” ที่ตอนแรกคนก็อาจจะงงว่าคืออะไร บางคนก็รับไว้เพราะเกรงใจ หรือลองวางดู แต่ด้วยกลยุทธ์ที่ให้วางขายฟรี โดยที่ยังไม่เก็บเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้มีจำนวนร้านในการวางขายมากขึ้น โดยบางครั้งไม่มีแม้แต่การเซ็นรับสินค้า เพราะเป็นช่วงที่ภายในร้านมีลูกค้ามาก เราก็ต้องเชื่อใจร้านที่รับสินค้าเราไป ซึ่งยอดขายก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ เช่นเดียวกับจำนวนร้านที่รับฝาก โดยต่อมาได้เพิ่มจากการวางขายในร้านเสริมสวย ไปสู่ร้านขายเครื่องสำอาง รวมทั้งร้านค้าส่งต่างๆ ในเวลาต่อมา
ได้เวลา “ลูกเต่า” มาช่วยสร้างตลาด
แม้จะเพิ่งเริ่มมีคนพูดถึงมากขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบัน “เต่าเหยียบโลก” ทำตลาดมาแล้วมากกว่า 20 ปี นับจากปี 2539 ที่คุณสมชายบุกเบิกตลาดผ่านช่องทางร้านเสริมสวย จนเริ่มมีการพูดกันปากต่อปากทำให้สินค้าได้รับความนิยมมากขึ้น ปี 2543 จึงตัดสินใจสร้างโรงงานเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตอย่างจริงจัง พร้อมทำเรื่องขอเครื่องหมาย อย. เพื่อรับรองผลิตภัณฑ์ รวมทั้งขยายช่องทางขายใหม่ๆ เพื่อวางตามร้านขายเครื่องสำอางเพิ่มเติมในปี 2545 และในขณะนั้นเริ่มมี Feedback ว่าคนต้องการสินค้าแต่หาซื้อได้ยาก จึงเริ่มติดต่อฝากขายผ่านร้านค้าส่งเพื่อให้ช่วยกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ แต่ก็ยังไม่สามารถกระจายสินค้าได้อย่างทั่วถึงอยู่ดี
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ “เต่าเหยียบโลก” เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นอยู่ในปี 2551 เมื่อมีผู้ใช้สินค้าจริงนำไปตั้งกระทู้ในเว็บบอร์ดชื่อดังอย่างพันทิป พร้อมบอกว่าสินค้าใช้ดี มีสรรพคุณจริงตามโฆษณา ทำให้หลายๆ คนอยากลองใช้บ้าง แต่ไม่รู้จะหาซื้อได้ที่ไหน ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้รับการติดต่อจากทางเซเว่นอีเลฟเว่นให้นำสินค้าไปเสนอเพื่อวางขายในร้าน แต่ติดปัญหาด้วยการจดทะเบียน อย. ทำให้สินค้าจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยา ที่ผู้ขายต้องมีใบอนุญาตเฉพาะ จึงไม่สามารถวางขายในเซเว่นฯ ได้ รวมทั้งความไม่พร้อมภายในหลายๆ ประการทำให้คุณสมชายหยุดเรื่องการวางขายในเซเว่นฯ ไว้ชั่วคราว และยังคงใช้วิธีทำตลาดในรูปแบบเดิมๆ ไปก่อน
“นอกจากเซเว่นฯ แล้ว ร้านขายเครื่องสำอางที่เราไปฝากขายก็แจ้งมาว่าไม่สามารถขายสินค้าให้เราได้ เพราะเราจดทะเบียน อย. ไว้ จึงตัดสินใจไปทำเรื่องเปลี่ยนเป็นการจดทะเบียนเลขที่จดแจ้ง และจัดเป็นสินค้าในกลุ่มเครื่องสำอางทำให้สามารถขายได้สะดวกขึ้น รวมทั้งในระหว่างนั้นก็เพิ่มกำลังผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราคิดได้ว่า แม้ว่าจะเกิดปัญหาต่างๆ แต่อีกด้านหนึ่งก็ช่วยทำให้เรามีความรู้ในเรื่องต่างๆ เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน”
จนกระทั่งในปี 2556 ลูกทุกคนเรียนจบ และเข้ามาช่วยเหลืองานคุณสมชายได้อย่างเต็มที่ ทั้งลูกสาวคนโตอย่าง คุณอิ๋ว –แคทริยา จันทิพย์วงษ์ ที่ปัจจุบันอายุ 29 ปี เข้ามาช่วยดูแลเรื่องของบัญชี ซึ่งเป็นสายที่คุณอิ๋วเรียนมาโดยเฉพาะ ขณะที่ลูกชายสองคนคือ คุณเอก- นพวิทย์ จันทิพย์วงศ์ อายุ 27 ปี และคุณโอ – วิศรุต จันทิพย์วงษ์ อายุ 25 ปี ที่เลือกเรียนทางด้านการตลาดทั้งคู่ ได้เข้ามาช่วยดูแลบริหารเรื่องของกลยุทธ์การทำตลาด การขยายตลาดและคู่ค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งดูแลแผนการส่งออกในอนาคต ทำให้หลังจากนั้นเต่าเหยียบโลกก็สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มมีการทำตลาดอย่างจริงจัง จนเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด จากยอดขายหลักแสน มาเป็นหลักล้าน หลักสิบล้าน โดยได้วางเป้าหมายยอดขายในปี 2560 นี้ ไว้ที่ประมาณ 50 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาปิดยอดที่ 27 ล้านบาท
เมื่อเข้ามาช่วยงานคุณพ่ออย่างจริงจัง คุณเอก และ คุณโอ เล่าถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องร่วมกันทำจากนี้ คือ การผลักดันให้ธุรกิจของครอบครัวแข็งแรงมากขึ้น และสามารถยกระดับไปสู่การบริหารแบบมืออาชีพมากขึ้น รวมทั้งการสร้างความแข็งแรงให้กับแบรนด์ทั้งในแง่ของการรับรู้ของผู้บริโภค หรือการเพิ่มความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เข้าถึงคนได้หลากหลายกลุ่ม และเพิ่มโอกาสในการทำตลาดให้เปิดกว้างมากขึ้น
“หนึ่งอย่างที่เป็นปัญหาเร่งด่วนในธุรกิจ คือ การเพิ่มกำลังผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ด้วยรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้วัตถุดิบธรรมชาติและกระบวนการผลิตที่ยังเป็นแบบครอบครัว ทำให้ต้องเริ่มมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่อให้สามารถผลิตได้มากขึ้น ทำให้ปัจจุบันเราสามารถเพิ่มกำลังผลิตได้มากถึง 2 แสนขวดต่อเดือน และยังขยายกำลังผลิตเพิ่มเติมได้อีกมาก รวมทั้งอยู่ระหว่างการปรับปรุงโรงงานเพื่อให้ได้มาตรฐาน GMP และฮาลาล เพื่อรองรับสำหรับการทำตลาดส่งออก โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า ตามแผนการขยายตลาดส่งออกทั้งในประเทศเพื่อนบ้านและตะวันออกกลาง”
โตแบบก้าวกระโดดสไตล์ New Gen
หลายความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากลูกๆ ทั้งสามของคุณสมชายมาช่วยงานอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะการขยายตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการเข้าไปนำเสนอสินค้าเพื่อวางขายในเซเว่นฯ อีกครั้งในปี 2557 ซึ่งในช่วงแรกได้พื้นที่ขายมาเบื้องต้น 3 พันสาขา พร้อมเงื่อนไขว่าต้องขายให้ได้อย่างน้อยสาขาละ 12 ขวดต่อเดือน หรือตกเดือนละ 36,000 ขวด โดยให้ระยะเวลาเพื่อทดลองวางขาย 3 เดือน
“หลังจากสามารถวางขายในเซเว่นฯ ได้แล้ว เราก็เริ่มมาทำตลาด ทำโฆษณาส่งเสริมการขายอย่างจริงจังมากขึ้น มีการจ้างเอเยนซีมืออาชีพมาเป็นที่ปรึกษาในการทำตลาด เริ่มทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย ให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ มีสปอตวิทยุ Wrap รถเมล์ จากที่วางขายเดือนแรกยอดยังไม่ดีมากนัก แต่พอเดือนต่อๆ มา ยอดขายก็ดีขึ้นตามลำดับ และสามารถเพิ่มสาขาได้ทั่วประเทศ รวมทั้งการไปขายในโมเดิร์นเทรดรายอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย”
ขณะที่ในส่วนของผลิตภัณฑ์ก็มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งการออกแป้ง 2 สูตรใหม่ ในปี 2558 คือ กลิ่นซากุระ ขวดสีชมพู และลาเวนเดอร์ ขวดสีม่วง เพิ่มเติมจากสูตรเดิมคือเมนทอลในขวดสีเหลือง เพื่อให้มีกลิ่นหอมและเป็นทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะขวดสีชมพู ที่ตอนนี้เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดไปแล้ว
คุณเอก และ คุณโอ เล่าว่า แบรนด์เต่าเหยียบโลกมีความแข็งแรงในเรื่องภาพลักษณ์ที่ดี และความเชื่อมั่นในคุณภาพ ทำให้การออกสินค้าใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์เต่าเหยียบโลก คนจึงกล้าที่จะซื้อไปใช้ โดยเฉพาะการเป็นคนแรกเป็น First Mover ในแง่ของผู้บุกเบิกตลาดแป้งผงระงับกลิ่นกาย จากที่ก่อนหน้านี้ทั้งตลาดในประเทศหรือแม้แต่ในต่างประเทศ ก็จะมีแต่แบบที่เป็นโรลออนและสเปรย์เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของความแห้งสบายได้ ทำให้บางคนนิยมใช้แป้ง และจะนึกถึงเต่าเหยียบโลกเป็นแบรนด์แรก จึงทำให้แบรนด์มีความแข็งแกร่งและมีการรับรู้ที่ดีในหมู่ผู้บริโภค
และแม้ว่าจะมีตลาดที่แข็งแรงในกลุ่มแป้งระงับกลิ่นกาย แต่ด้วยตลาดที่เพิ่งเกิดใหม่ทำให้มีขนาดที่เล็กมากเมื่อเทียบกับตลาดเดิมอย่างโรลออนหรือสเปรย์ ประกอบต้องการขยายฐานไปสู่กลุ่มผู้ใช้รุ่นใหม่ที่อาจจะยังชื่นชอบการใช้โรลออนหรือสเปรย์ รวมทั้งอาจจะมีบางคนที่ไม่ชอบใช้แป้งแต่ชื่นชอบคุณภาพของเต่าเหยียบโลก ก็มีทางเลือกด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ เต่าเหยียบโลก นิวเจน ที่มีทั้งแบบโรลออน สเปรย์ และแบบครีมบำรุงใต้วงแขน โดยเริ่มทำตลาดในปี 2559 ซึ่งผลการตอบรับจากตลาดก็ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ และล่าสุดกับแป้งเต่าเหยียบโลก สำหรับใช้โรยเท้า รองเท้า หรือถุงเท้า สำหรับแก้ปัญหาอับชื้นเฉพาะที่ อีก 2 สูตรใหม่ คือ สูตรถ่านชาร์โคล และแอนตี้แบคทีเรีย ที่นำคอมเมนต์จากลูกค้าไปต่อยอด เพราะมีลูกค้าหลายรายที่นิยมนำแป้งเต่าเหยียบโลกไปทาเท้าหรือโรยรองเท้า ทำให้มีการพัฒนาสูตรพิเศษขึ้นมา และเริ่มวางตลาดแล้วในปี 2560 นี้ รวมทั้งมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ในรูปแบบซองสำหรับพกพาเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย
ถึงเวลาเต่าเหยียบโลก
เมื่อถามหาความหมายของชื่อ “เต่าเหยียบโลก” คุณสมชาย เล่าว่า เพื่อให้สื่อถึงสรรพคุณของสินค้า โดยเต่าหมายความถึงกลิ่นตัวหรือกลิ่นกาย ที่ภาษาบ้านๆ จะเรียกกันว่า “กลิ่นเต่า” ซึ่งเป็นปัญหาที่เราพบเจอกันได้ทั่วโลก ทุกชาติ ทุกภาษา ต่างก็มีปัญหาเรื่องของกลิ่นตัวได้หมด ทำให้โอกาสของ “แป้งจับเต่า” เปิดกว้างให้สามารถขายได้ทั่วทั้งโลก
คุณสมชาย เล่าย้อนให้ฟังว่า ตอนขายของอยู่ที่ร้านขายยา ตราสินค้าต่างๆ มีความสำคัญ เพราะชาวบ้านทั้งที่รู้หนังสือ หรือไม่รู้หนังสือก็จะเรียกสินค้าเป็นตราต่างๆ เช่น ตรากระต่ายบิน ตราตะขาบห้าตัว ทำให้แป้งจับเต่า เลือกใช้ตราเต่าเหยียบโลก เป็นสัญลักษณ์ ส่วนชื่อจับเต่าบางคนก็ไม่กล้าเรียก ทำให้มีช่วงหนึ่งเปลี่ยนมาใช้ชื่อย่อว่าเจที แต่คนส่วนใหญ่ก็จะเรียกแค่ชื่อเต่าเหยียบโลกเหมือนเดิม ทำให้ในที่สุดจึงตัดสินใจใช้ชื่อทางการว่า “เต่าเหยียบโลก” มาจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับเต่าก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสัตว์มงคล ที่สื่อถึงความมีอายุยืนยาวอีกด้วย
ส่วนเป้าหมายในการไปเหยียบโลกตามชื่อแบรนด์นั้น ก็เริ่มจะเป็นจริงในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว เพราะตอนนี้เริ่มมีตัวแทนจำหน่ายจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งพม่า กัมพูชา เวียดนาม ติดต่อมาเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีพ่อค้าแม่ค้าบางรายที่เข้ามาซื้อแล้วนำไปวางขายด้วยตัวเอง ประกอบกับหากปรับปรุงโรงงานและสามารถขอมาตรฐานการผลิตต่างๆ ได้ ก็จะสามารถบุกตลาดต่างประเทศได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะประเทศที่มีอากาศร้อนหรือในกลุ่มตะวันออกกลาง ที่ให้การตอบรับอย่างดีมากจากการทดลองนำผลิตภัณฑ์ไปออกโรดโชว์ที่ดูไบมาก่อนหน้านี้
“ในปีหน้าคาดว่าจะเริ่มทำตลาดส่งออกได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ในประเทศก็จะเพิ่มงบในการทำตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะการเริ่มมี TVC โดยใช้คุณชมพู่ ก่อนบ่าย ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เรามา 5 ปีแล้ว เพราะมีคาแร็คเตอร์ที่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ของเราที่ช่วยให้มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก รวมทั้งการเพิ่มช่องทางขายให้ครอบคลุมมากขึ้น ประกอบกับมีรายได้จากการทำตลาดในต่างประเทศเข้ามาเสริม จึงเชื่อได้ว่าแบรนด์เต่าเหยียบโลกยังสามารถเติบโตได้เป็นเท่าตัวได้อีกหลายปี”
เมื่อถามคุณเอกและคุณโอ ถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากคุณพ่อ คำตอบคือ “สิ่งต่างๆ ต้องรู้จริงและลงมือทำจริง คุณพ่อจะทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ตอนทำงานที่ร้านขายยาก็ทุ่มเทและจริงจัง พยายามเรียนรู้อยู่เสมอ เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำด้วยตัวเอง บางอย่างไม่มีสอนในตำรา ต้องเรียนรู้ แก้ปัญหา และพยายามพัฒนาตัวเอง รวมทั้งเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยในการพัฒนาธุรกิจ ไม่มองว่าเป็นธุรกิจครอบครัวแล้วเราต้องทำเองทั้งหมด เพราะเราไม่ได้เก่งหรือทำเองได้ทุกอย่าง ต้องเปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ มาดูแล ขณะที่เราก็มาเน้นในจุดที่เราต้องทำ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือการขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม”
ขณะที่คุณสมชาย ก็บอกหลักในการทำงานของตัวเองและเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดต่อให้กับลูกๆ คือ ต้องมีความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน “ทุกอย่างที่ทำต้องเน้นเรื่องของคุณภาพถือเป็นความซื่อสัตย์ที่ต้องมีต่อลูกค้า ทำให้สินค้าของเราสามารถพูดเองได้ เพราะคนที่ใช้แล้วดีก็จะบอกต่อ รวมทั้งต้องมีความขยันและอดทน เราพาลูกไปส่งของ ไปเรียนรู้การทำตลาดมาตั้งแต่เด็กๆ สอนให้รู้จักค้าขาย เพื่อให้สามารถทำธุรกิจของตัวเองและมีโอกาสเติบโตได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งต้องไม่ย่อท้อ ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีหมอดูทักว่า “เราไม่มีดวงเถ้าแก่” ถ้าเราเชื่อตามนั้น จนหมดหวังหรือยอมแพ้เราก็คงไม่สามารถมาถึงวันนี้ได้”
แม้วันนี้ “เต่าเหยียบโลก” อาจจะมาได้เพียงครึ่งทางของคำว่าร้อยล้าน จากเป้าหมายรายได้สิ้นปีนี้ที่วางไว้ 50 ล้านบาท แต่ด้วยการเติบโตแบบก้าวกระโดดมา 2-3 ปีต่อเนื่องมาโดยตลอด ประกอบกับแผนขยายตลาดที่จะครอบคลุมมากขึ้นทั้งในประเทศและส่งออก ทำให้คำว่าร้อยล้านของ “เฮียเต่า” (ชื่อเล่นที่เพื่อนๆ ในชมรมนักวิ่งเรียกคุณสมชาย) อยู่แค่เอื้อมมือ แม้ว่าชายวัย 61 ปี ผู้นี้อาจจะเริ่มต้นลุกขึ้นมาเดินบนเส้นทางเถ้าแก่ของตัวเองช้าไปบ้าง แต่ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้แล้วว่า ไม่มีคำว่าสายเกินไป สำหรับคนที่ขยัน ตั้งใจจริง และมีความอดทน ความสำเร็จก็เกิดขึ้นได้เสมอ
Photo Credit : Facebook : JT เต่าเหยียบโลก