ทุกวันนี้การทำธุรกิจสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ คือ Product การใส่ใจสินค้าและบริการ ให้มีคุณภาพและตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด แต่ในยุคที่เทคโนโลยีอยู่รอบตัวเราๆ มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา People (พนักงาน) จึงเป็นปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน เพราะการได้บุคลากรที่เข้าใจและใช้งานเทคโนโลยีได้เป็น ก็สามารถทำให้องค์กรหรือแบรนด์มีแต้มต่อในการทำงานได้มากโข
จากผลการศึกษาและสถิติไม่ว่าจะเป็น….
-ในประเทศพัฒนาแล้ว ตำแหน่งงานในตลาดจะสูญหายไปถึง 47% ภายใน 25 ปีข้างหน้า จากการแทนที่ของเทคโนโลยีและหุ่นยนต์ จากการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
-จากการสำรวจความคิดเห็นโดย ลิงค์อินด์ โซเชียลมีเดียสำหรับธุรกิจ ระบุว่า 55% ของบริษัททั่วโลก ความเหลื่อมล้ำทางทักษะดิจิทัลของพนักงานในองค์กร และมีแนวโน้มจะกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-การศึกษาจากบริษัทวิจัย Gartner เปิดเผยว่า งานด้านเทคโนโลยียังคงเป็นที่ต้องการทั่วโลก และคาดว่าตลาดจะเผชิญภาวะขาดแคลนแรงงานด้านเทคโนโลยีถึง 30% ในปี 2563 เมื่อเทียบกับจำนวนการผลิตของมหาวิทยาลัย
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดแรงงานทั่วโลกและไทยจากผลกระทบของเทคโนโลยีที่ทำให้ตลาดแรงงาน ตลอดจนบริษัทและองค์กรต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและการขับเคลื่อนองค์กรทั้งองคาพยพ ซึ่งจะส่งกระทบลูกโซ่ต่อสังคมและนโยบายประเทศไทย 4.0
นางสาวนาฏฤดี อาจหาญวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานบริหารทรัพยากรบุคคล บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า เพื่อต้องการเสริมภาพให้ชัดว่าเราเป็นองค์กรแห่งดิจิทัล เราจึงต้องมีบุคลากรที่เข้าใจเทคโนโลยีและดิจิทัลเป็นพื้นฐาน แต่การได้มาซึ่งคนเหล่านั้นไม่ง่ายนัก เพราะการจ้างงานในปัจจุบันมีความท้าทายมากขึ้นและแตกต่างจากแนวคิดการจ้างงานแบบดั้งเดิม โดยคนดิจิทัลมีความคาดหวังในวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นการสร้างผลงานเป็นสำคัญ (project-driven culture) มากกว่าพิจารณาจากชื่อเสียงองค์กร ซึ่งถือเป็นหนึ่ง และเพื่อตอบสนองการขับเคลื่อนองค์กรสู่ดิจิทัล กลุ่มงานบริหารทรัพยากรบุคคล ได้วางกลยุทธ์ผ่าน 4 เสาหลัก ดังนี้
1.โครงสร้างองค์กร(Organization)
ปรับรูปแบบโครงสร้างให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ลดขั้นตอนและลำดับชั้น เพื่อให้มีการตัดสินใจได้รวดเร็วมากขึ้น สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและการปรับตัวทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้เกิดการโอนย้ายกับทำงานระหว่างหน่วยธุรกิจภายใต้เทเลนอร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพและการเรียนรู้การทำงานในระดับสากล
2.วัฒนธรรมองค์กร(Culture)
การขับเคลื่อนสู่องค์กรดิจิทัลนั้น ไม่ใช่แค่การดึงดูดคนดิจิทัลเข้ามาในบริษัทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรักษาบุคลากรเหล่านี้ไว้ผ่าน“วัฒนธรรมองค์กร” ซึ่งที่ดีแทคมีลักษณะการทำงานที่เน้นการสร้างผลงานเป็นสำคัญ (project-driven culture) มากกว่าการทำงานแบบกิจวัตร ทำให้งานประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้รวดเร็ว ปราศจากความล่าช้าของระบบที่มีขั้นตอนหลายระดับ (Bureaucracy)
“ที่ดีแทค ซีอีโอไม่มีห้องทำงานแบบที่อื่น ใช้พื้นที่ทำงานเดียวกันกับพนักงานธรรมดา สะท้อนถึงแนวคิดความเสมอภาคของพนักงานในองค์กร ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม ซึ่งถือเป็นดีเอ็นเอของบริษัทที่ว่า คิดต่าง (Think different) ทำเร็ว(Act fast) กล้าทำ (To be daring) และมุ่งมั่นที่จะชนะ (Passion to win)” นางสาวนาฏฤดี กล่าว
3.ทักษะและความคิด(Skill & Capability)
ส่งเสริมให้มีทักษะที่เหมาะสมกับการทำงานยุคดิจิทัล ทั้งทักษะความรู้ (Hard skill) และทักษะเชิงอารมณ์ (Soft kill) โดยทักษะด้านความรู้ที่จำเป็นต่อยุคดิจิทัล เช่น การเขียนโค้ด (Coding) การวิเคราะห์บิ๊กดาต้า (Big data analytics) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (New product launch) อย่างไรก็ตาม ทักษะเชิงอารมณ์ที่สำคัญต่อยุคดิจิทัลได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์และการทำงานเป็นทีม
4.เส้นทางพนักงานดิจิทัล(Digital journey)
นอกจากนี้ ยังเสริมสร้างประสบการณ์ดิจิทัลแก่พนักงาน เพื่อสร้างค่านิยมและความคิดต่อการขับเคลื่อนสู่ดิจิทัล โดยกระตุ้นให้พนักงานทำเรื่องดำเนินการต่างๆ ผ่านช่องทางดิจิทัล รวมถึงโปรแกรมหลักสูตรออนไลน์ เพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้ด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์มdtac academy โดยนำเสนอเทรนนิ่งโปรแกรมและคอร์สอบรมออนไลน์ 24 ชั่วโมง โดยได้มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่าง INSEAD และLBS มาออกแบบหลักสูตร ครอบคลุมตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลไปจนถึงการทำนายพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งทำให้พนักงานมีโอกาสกลายเป็นสตาร์ทอัพและพาร์ทเนอร์กับดีแทคได้ทันที
“ช่องทางดิจิทัลต่างๆ ไม่ว่าจะเพื่อการดำเนินงานด้านธุรกิจหรือการพัฒนาความรู้และทักษะ ล้วนเป็นแนวคิดเพื่อกระตุ้นให้พนักงานมีdigital mindset ดิจิทัลเป็นโลกไร้พรมแดน เปรียบเสมือนการเปิดบ่อน้ำให้คนได้ตกปลากิน มากกว่าการที่เราเอาปลาไปให้ ซึ่งทำให้การพัฒนาทั้ง hard skill และ soft skill เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน” นางสาวนาฏฤดี กล่าว
จากกลยุทธ์และกิจกรรมต่างๆ ก่อให้เกิดผลลัพธ์ การปรับปรุงงานด้านบริการดูแลลูกค้าและการทำการตลาดออนไลน์ โดยใช้นวัตกรรม AI และเทคโนโลยีด้านบิ๊กดาต้า ทั้งนี้ดีแทคคาดว่าภายในปี 2020 จะมีการเฟ้นหาพนักงานรุ่นใหม่ที่เข้าใจเทคโนโลยีและดิจิทัลเพิ่มอีก 200 อัตรามาทำให้สำเร็จตามเป้าหมายหลักขององค์กร