HomeFeaturedธรรมชาติซีฟู้ด จากอาหารทะเลนำเข้าสดๆ สู่ The Dock ร้านซีฟู้ดสุดชิค ยกทะเลมาเสิร์ฟจากทั่วโลก

ธรรมชาติซีฟู้ด จากอาหารทะเลนำเข้าสดๆ สู่ The Dock ร้านซีฟู้ดสุดชิค ยกทะเลมาเสิร์ฟจากทั่วโลก

แชร์ :

ยุคนี้เป็นยุคที่ธุรกิจอาหารทะเลทุกรูปแบบ ทุกระดับราคา ทุกรูปแบบการเสิร์ฟ และการปรุงเฟื่องฟูกว่ายุคไหนๆ ที่เคยเป็นมาในสังคมไทย อันเป็นผลมาจากโลกาภิวัฒน์ที่เปิดกว้าง ผู้คนเห็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมจากต่างประเทศและต่อยอดกระแสนั้นได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นสำหรับ “ธรรมชาติซีฟู้ด” (Thammachart Seafood) ผู้ค้าปลีกอาหารทะเล ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 2550 จึงเล็งเห็นว่า นี่คือจังหวะเวลาที่ดีที่ต้องสร้างแบรนด์อย่างจริงจังยิ่งกว่าที่เคย และนี่คือสเต็ปการสร้างแบรนด์ของธรรมชาติซีฟู้ด จากผู้ประกอบการที่หลงรักเมืองไทย และเขารู้จัก “ธรรมชาติ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งท้องทะเลของเมืองไทย ยิ่งกว่าคนไทย (บางคน) ซะอีก

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

จากนักศึกษา สู่ผู้ประกอบการ Passion ที่มาพร้อมกับ “โอกาส”

ธุรกิจของ “ธรรมชาติซีฟู้ด” เริ่มต้นจาก คุณจูเลี่ยน แกทเทนบี้ เดวี่ส์ CEO ของธรรมชาติซีฟู้ด ฉีกกฎของครอบครัวที่เป็นคุณหมอทั้งบ้าน แต่เขากลับมีหัวใจรักการผจญภัย จึงเลือกเรียนในสาขาอื่น จนกระทั่งเดินทางมาศึกษาระดับปริญญาเอกเรื่องเกี่ยวกับท้องทะเลในประเทศไทย และไม่ใช่แค่เรียนเรื่องประมงแบบที่เราเข้าใจกัน ในหลักสูตรที่เขาศึกษามีเรื่องเกี่ยวกับการทำธุรกิจประมงอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เลี้ยง จับ และดูแลคุณภาพของอาหารทะเลให้คงคุณค่าสูงสุดเพื่อผู้บริโภค (คุณจูเลี่ยนใช้คำว่า Post-Harvest Management อืมหืม…แค่นี้ก็น่าสนใจแล้ว) และหลังจากที่คลุกคลีกับพื้นที่ “อ่าวธรรมชาติ” บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด เขาก็หลงรักประเทศไทย รวมทั้งค้นพบว่าอาหารทะเลของไทยมีคุณค่าอย่างยิ่ง แต่ชาวประมงของไทยยังไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาคุณภาพสินค้าเท่าที่ควร ดังนั้น เขาจึงเข้าไปให้ความรู้ พร้อมๆ กับทำธุรกิจรีเทลด้านอาหารทะเลสดๆ ส่งตรงจากฟาร์ม และส่งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โดยให้ความสำคัญกับ P-Product ว่าด้วยคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม

“ผมเริ่มต้นจากฟาร์มปลาและกุ้ง อย่างกุ้งต้องเริ่มตั้งแต่วงจรคุณภาพกุ้งทั้งหมด ลูกกุ้งต้องถูกเลี้ยงในบ่อที่มีสุขลักษณะปราศจากโรค มีการจัดการที่ดี และส่งให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง นี่คือตัวอย่างที่ผมต้องเข้าไปดูแลเพื่อควบคุณคุณภาพของซัพพลายเชน เพราะนั่นหมายถึงคุณภาพของสินค้าของเราด้วย และโชคดีมากที่คู่ค้าของเราก็เข้าใจและยินดีให้ความร่วมมือ ซึ่งการทำแบบนี้มันก็ทำให้สินค้ามี Value Added เขาก็ขายได้ราคาสูงขึ้น เราก็ยินดีรับซื้อ” คุณจูเลี่ยน เล่าถึงหน้าที่ซีอีโอของเขา ที่เจาะทุกรายละเอียดของสินค้า และความใส่ใจนี้ เมื่อแบรนด์ขยายตลาดไปสู่การนำเข้าสินค้ายังต่างประเทศ เขาก็ต้องเดินทางบ่อยขึ้นไปดูให้เห็นกระบวนการเลี้ยง และขั้นตอนการแสวงหาทรัพยากร ไปจนถึงการจัดเก็บว่าเหมาะสม มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากพอ จึงนำเข้ามาในประเทศไทย กระทั่งทุกวันนี้เมนูเด็ดทั่วโลกมีครบในพอร์ตของ “ธรรมชาติซีฟู้ด”

ในส่วนของการตลาดและการวางจำหน่าย (P-Place) ก็มีคุณยี่หร่าน-ศันสนีย์ แกทเทนบี้ เดวี่ส์ กรรมการผู้จัดการ รับหน้าที่ โดยอาศัยประสบการณ์การทำงานเอเจนซี่และเรียนจบคณะนิเทศฯ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาใช้ในแบบฉบับที่เรียกได้ว่า ลุยทุกทาง

“ย้อนกลับไปตอนเริ่มต้น เราอาศัย Storytelling เพราะเราขายสินค้าเกรดพรีเมี่ยม กลุ่มเป้าหมายต้องการรู้ว่าของที่เขาซื้อมีคุณภาพจริง ทำแบนเนอร์เล่าเรื่อง กุ้ง ไปติดที่บูธ แบบบูธชงชิมในซูเปอร์มาร์เก็ต ให้ลูกค้าเข้าใจ เห็นภาพมากขึ้น เล่าเรื่องว่าสินค้าของเราเป็นอย่างไร แต่สมัยก่อนไม่มีออร์แกไนเซอร์จัดการเหมือนสมัยนี้ ก็ยกทีวีไปตั้งเอง ติดตั้งบูธเอง แล้วบูธเรามีพริตตี้ด้วย พริตตี้ขายอาหารทะเลนี่แหละ ซึ่งแปลกมากสำหรับยุคนั้น ทาง Buyer เขาก็เห็นถึงความตั้งใจของเรามากขึ้นเรื่อยๆ และการที่เราทำแบบนี้ก็ช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ในที่สุดก็ได้รับความไว้วางใจมากขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้เราเรียนรู้ว่าการสื่อสารและความใส่ใจรายละเอียดเป็นเรื่องสำคัญมาก การทำรีเทล มันเป็นเรื่องของดีเทลจริงๆ”

ปัจจุบันนี้สินค้าของ “ธรรมชาติซีฟู้ด” วางจำหน่ายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ 155  แห่งทั่วประเทศไทย และนั่นก็ได้เวลาขยับไปสู่สเต็ปที่ 2 ของการสร้างแบรนด์และขยายธุรกิจ

จาก “ทะเล” วันนี้ขอเสิร์ฟถึง “โต๊ะอาหาร”

ด้วยวิสัยทัศน์ที่ไม่หยุดอยู่แค่อาหารทะเลสดเท่านั้น แต่อยากส่งข้อความ Life’s great with the best seafood” ไปให้ถึงผู้บริโภคในวงกว้างมากกว่าเดิม อีกทั้งอยากเผยแพร่ความรู้เรื่องการปรุงอาหารทะเลแบบต่างประเทศไปสู่ผู้บริโภคชาวไทย จึงเป็นที่มาของ

The Dock” ร้านอาหารเต็มรูปแบบเสิร์ฟทั้งเมนูของคาวของหวาน ตั้งที่โครงการเดอะเมส ทองหล่อ ซอย 4 ที่ร้านแห่งนี้ได้เชฟชาวสเปนระดับมิชลินสตาร์ ที่เปิดกว้างกับการเรียนรู้วัตถุดิบท้องถิ่นมาเป็น Corporate  Chef  ยิ่งผสานรสชาติแบบไทยเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นเรื่องสนุกและท้าทายของเชฟ จนเป็นที่มาของเมนูเด็ด เช่น “SIGNATURE “TSAR OF ŌRA KING SALMON A LA MINUTE” เมนูซิกเนเจอร์ของร้านเดอะดอค เนื้อปลาออร่าคิงส์แซลมอนจากนิวซีแลนด์ โดยเลือกเฉพาะส่วนบริเวณเซ็นเตอร์คัท ซึ่งเป็นส่วน ที่ดีและอร่อยที่สุดของปลา นำมาอบจนหนังกรอบ แล้วรมควันอ่อน ๆ ด้วยกลิ่นโอ้ค ซอสบัลซามิก และโหระพา กลับอีกหลายเมนูที่ ผสานความเป็นไทยเข้าไปอย่างลงตัว ไม่เว้นแม้แต่เมนูเบสิคๆ อย่าง Fish& Chip ที่นี่กลายเป็นความพิเศษ ถ้าใครได้ชิมจะเซอร์ไพร์ส…ซึ่งเราขอไม่บอกว่าตรงไหน ใบ้ให้ว่า “มายองเนส” ที่เชฟเหยาะความเป็นไทยเข้าไป จนอาหารฝรั่งที่คนไทยคิดกันว่าเลี่ยน กลายเป็นถูกปากเลยทีเดียว

ที่ The Dock Seafood Bar by Thammachart Seafood นี่ ได้เปิดพื้นที่ The Dock Market” ที่ลูกค้าสามารถเลือกสรรอาหารทะเลสดๆ จากเคาน์เตอร์แบบจิ้มเลือกได้เองตรงหน้าแล้วจะรีเควสให้เชฟปรุงให้ หรือจะซื้อแบบของสดกลับไปทำเองที่บ้านก็ได้

นอกจากนี้ ยังมี “Seafood Bar” ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า ซีฟู้ดเคาน์เตอร์บาร์ จำนวน 5 สาขา ได้แก่ พารากอน เอ็มควอเทียร์ เอ็มโพเรียม เดอะมอลล์ บางแค และบลูพอร์ท หัวหิน ยกความสดไปเสิร์ฟกันแบบเข้าถึงง่าย ชิคๆ

ล่าสุด The Lobster Lab” ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เมนูจะเน้นชูไปที่วัตถุดิบหลัก “ล็อบสเตอร์” เอาใจกลุ่มลูกค้าที่รักล็อบสเตอร์โดยเฉพาะ ด้วยคอนเซ็ปท์ที่เล่นคำอย่างเก๋กู๊ด (อีกละ) ว่า “All You Need is Lobster”  ฐานแฟนๆ ของร้านนี้ก็จะเน้นกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นด้วยเมนูทานง่าย สไตล์ฟาสต์ฟู้ด อาทิ Lobster Roll, Lobster & Spaghetti, Oak Smoked Lobster Salad โดยโปรเจ็กต์นี้ทดลองเป็นที่แรกที่โครงการ The Commons ทองหล่อ 17

ซึ่งร้านอาหารทั้งหมดนี้ตกแต่งเป็นอย่างดี เข้าใจธรรมชาติของผู้ทานอาหารสมัยนี้ ว่าไม่ได้ชิมแค่รสชาติอย่างเดียวเท่านั้น แต่สามารถเสพความสุนทรีทางสายตา แล้วแชร์ต่อในโซเชี่ยลมีเดียได้อีกด้วย

 

อีกประเด็นที่น่าสนใจของธุรกิจร้านอาหารในเครือ “ธรรมชาติซีฟู้ด” ก็คือ ในเมื่อปรุงรสชาติที่โดนใจคนไทยขึ้นมาได้แล้ว ต้องต่อยอดต่อ จนเป็นที่มาของ “ซีฟู้ดซอสสูตรน้ำมะนาว” ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์แบบซองเพาช์ สามารถพกติดตัวได้ง่าย ขนาดคุณยี่หร่านเอง ซึ่งคุ้นเคยกับการทานอาหารทะเลจากทั่วทุกมุมโลก ก็ยังนำไปด้วยเสมอเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ และเมื่อเอาไปให้ให้พันธมิตรธุรกิจชิมก็มักได้รับเสียงตอบรับที่ดีอยู่ตลอด นี่แหละจนเป็นที่มาของสินค้าใหม่ “น้ำจิ้มซีฟู้ด” บรรจุซอง

“ดิจิทัล” ไม่ใช่แค่ขาย แต่ต้องเข้าใจอินไซต์ลูกค้า

นอกจากร้านอาหารสไตล์เก๋ ที่กำลังบุกไปทั้งในประเทศไทย และล่าสุดเพิ่งเปิดสาขาในประเทศกัมพูชาสดๆ ร้อนๆ เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อีกหนึ่งสเต็ปที่ “ธรรมชาติซีฟู้ด” จะเริ่มในปลายปีนี้ก็คือ การขายสินค้าออนไลน์ (E-Commerce) ซึ่งฟังดูแล้วท้าทายเหลือเกินกับการส่งอาหารทะเลสดพร้อมปรุงไปให้ถึงมือผู้บริโภค ซึ่ง “ธรรมชาติซีฟู้ด” ก็ไม่ทิ้งการเล่าเรื่องราวที่เป็นจุดเด่นของแบรนด์และได้ผลมาตลอด

“การเริ่มต้น E-Commerce ของเราจะมีรายละเอียดบอกให้ลูกค้าทราบ เพราะจริงๆ อย่างเช่น การสั่งปลาไม่ใช่แค่แซลมอน แต่ระบบของเราลงลึกมากถึงขนาดว่า แซลมอน ลูกค้าต้องการส่วนไหน เช่น ท้อง ก็สั่งได้ และเนื้อแต่ละส่วนก็มีความเหมาะสมในการนำไปปรุงอาหารไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงเตรียมข้อมูลสูตรอาหารและปริมาณแคลอรี่ให้คำนวณด้วย เราต้องการจะเป็น Meal Solutions ให้กับลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการควบคุมอาหาร”

ตอนนี้ “ธรรมชาติซีฟู้ด” เริ่มต้นชิมลางแนะนำสินค้าผ่านเว็บไซต์ http://thammachartseafood.com/new/ ซึ่งถ้าหากว่าตามเข้าไปดูแล้วเห็น Art Direction จะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจที่จะใช้สื่อดิจิทัลในการสื่อสาร (เห็นครั้งแรกนี่เซอร์ไพร์สจริง เพราะเว็บสวยมากกกกก ก.ไก่ล้านตัว) ไม่ใช่แค่เว็บไซต์เท่านั้น Facebook Fanpage https://www.facebook.com/ThammachartSeafood/ ก็เล่าเรื่องของแบรนด์กับผลิตภัณฑ์ ด้วยความอารมณ์ดี เป็นมิตร ชวนติดตาม การใช้ภาพที่สวย โดดเด่น ดูแพง สลับกับการ์ตูนลายเส้นสะอาดตาก็เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ

“ธรรมชาติซีฟู้ด” เป็นอีกแบรนด์ที่มีแนวทางการทำการตลาดที่น่าสนใจ น่าจะเป็นกรณีศึกษาให้กับแบรนด์อื่นๆ ที่ต้องการนำเสนอสินค้าไปยังกลุ่มพรีเมี่ยม ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้จะทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตสอดคล้องกับสังคมยุคใหม่ที่ชนชั้นกลางมีจำนวนมากขึ้น และมีกำลังซื้อสูงขึ้น ประกอบกับเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรง ปลาและอาหารทะเล ซึ่งได้รับการปลูกฝังมาตลอดว่ามีคุณค่าทางสารอาหารสูงจึงเป็นโปรตีนตัวเลือกแรกๆ ในใจคนเฮลท์ตี้ และที่แน่ๆ…ยุคนี้ ใครๆ ก็อยากโพสต์รูปอาหารเก๋ๆ แล้วเช็คอินร้านฮิปๆ ใช่ไหมละ แล้วจะรออะไรละ….จัดสิคะ!!!


แชร์ :

You may also like