ปัจจุบันดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะเครื่องมือทางการตลาดรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามาเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด เพื่อทำความรู้จัก เข้าใจ และสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทำให้หลายๆ ธุรกิจหันมาให้ความสำคัญและพยายามพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลเข้ามาใช้มากขึ้น ทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมไปถึงความสามารถในการสร้างความพึงพอใจของลูกค้าไปสู่ระดับที่สูงมากขึ้น
บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ให้ความสำคัญและตระหนักถึงการพัฒนาด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อยกระดับความสามารถในการขับเคลื่อนธุรกิจและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ภายใต้กลยุทธ์ในการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมวางเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำดิจิทัลในกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต ทำให้ที่ผ่านมาจะเห็นการพัฒนาและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการเป็นองค์กรในยุค 4.0 ของอลิอันซ์ อยุธยา มาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การให้บริการ รวมทั้งพัฒนาเครื่องมือต่างๆ ให้กลุ่มตัวแทน เพื่อเพิ่มช่องทางในการขายและสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และง่ายมากยิ่งขึ้น
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของอลิอันซ์ อยุธยา เพื่อมุ่งสู่ผู้นำดิจิทัลอย่างเข้มข้นและจริงจัง รวมทั้งผลักดันให้เกิดการพัฒนาต่อธุรกิจประกันชีวิตโดยภาพรวมอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถจับต้องได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วผลสำเร็จต่างๆ ที่เกิดขึ้น จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งสามารถต่อยอดไปในระดับภูมิภาคและทั่วโลกได้ในสเตปต่อๆ ไป ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า “Allianz Ayudhya Activator”(อลิอันซ์ อยุธยา แอคติเวเตอร์) โครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพเพื่อเฟ้นหาสุดยอดเทคโนโลยีเข้ามายกระดับและพัฒนาธุรกิจประกันชีวิต โดยทางอลิอันซ์ อยุธยาทุ่มงบประมาณในการขับเคลื่อนโครงการนี้สูงถึง 15 ล้านบาท และคาดว่าจะได้โมเดลจากโครงการมาเริ่มทดลองใช้ ภายในปี 2018
คุณไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ยุคที่มีสตาร์ทอัพเกิดขึ้นจำนวนมากเช่นปัจจุบัน หากสามารถเข้าถึงและให้การสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ จะนำมาสู่การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ สามารถต่อยอดและเพิ่ม Value ต่างๆ เพื่อช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ขณะที่นโยบายของอลิอันซ์ อยุธยา จะโฟกัสใน 3 กลยุทธ์ ต่อไปนี้
1. Customer Centric เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ผ่านบริการที่ง่าย รวดเร็ว และสะดวก
2. Life and Health Leadership การเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพและความคุ้มครอง โดยเฉพาะทิศทางในการเข้าสู่ Aging Society ของประเทศและทั่วโลก ทำให้สินค้าในกลุ่ม Health จะยิ่งทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น
3. Digital การเป็นผู้นำทางด้านดิจิทัลในธุรกิจประกันชีวิต ด้วยการพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงเพิ่มความสามารถในการให้บริการได้อย่างสะดวกรวดเร็วในเวลาที่ลูกค้าต้องการ
จากนโยบายสำคัญที่ต้องการโฟกัสทั้งเรื่องของ Customer, Health และDigital ทำให้โครงการ Allianz Ayudhya Activator เลือกที่จะเฟ้นหาสตาร์ทอัพดาวรุ่งจาก 3 กลุ่ม ซึ่งล้วนแต่เชื่อมโยงกับ Core Business ของธุรกิจ ได้แก่ เทคโนโลยีด้านประกัน (InsurTech) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีด้านการเงิน (FinTech) เนื่องจากธุรกิจประกันยังครอบคลุมไปถึงเรื่องของ Invest และ Saving การให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินจึงมีความสำคัญเช่นกัน และสุดท้าย เทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HealthTech) ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจประกันชีวิตที่ให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตและสุขภาพของผู้คนเป็นเรื่องหลัก
โครงการ Allianz Ayudhya Activator จึงมีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาทั้ง Ecosystem ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันชีวิตให้มีความสมบูรณ์ และแข็งแรงมากพอจนสามารถต่อยอดไปใช้ต่อได้ทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลก จาก International Connection ของกลุ่มอลิอันซ์ที่มีธุรกิจในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยส่งเสริมให้สตาร์ทอัพไทยแข็งแรงจนเติบโตและสามารถแข่งขันในระดับ Global ได้เช่นกัน เนื่องจากคอนเซ็ปต์สำคัญของโครงการ คือ “Think Global From Day One” หรือให้คิดถึงตลาดในระดับโลก ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้น ด้วยการกำหนดกรอบที่เน้นให้นำเสนอไอเดียที่สามารถ Scale Up ได้มากกว่าแค่การใช้อยู่ภายในประเทศไทย โดยสามารถนำโมเดลจากประเทศไทยไปปรับใช้เพื่อช่วยแก้ Pain Point ของลูกค้าในธุรกิจประกันชีวิตได้ทั่วทั้งโลก รวมไปถึงการเข้าแคมป์ตลอด 12 สัปดาห์ ในโครงการ ซึ่งเป็นเหมือนการติวเข้มสตาร์ทอัพไทย จากสุดยอดโค้ชจากนานาชาติที่จะเข้ามาช่วยแชร์ประสบการณ์และบ่มเพาะวิธีคิด จนสามารถเฟ้นหาสุดยอดไอเดียที่สามารถต่อยอดและตอบโจทย์ธุรกิจระดับโลกได้
การขับเคลื่อนโครงการนี้ของ อลิอันซ์ อยุธยา จึงถือเป็นก้าวย่างสำคัญตามโรดแม็พเพื่อไปสู่เป้าหมาย การขึ้นเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในธุรกิจประกันชีวิต เพราะเป็นผู้ริเริ่มและผลักดันการบ่มเพาะสตาร์ทอัพเพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ระบบนิเวศของธุรกิจประกันชีวิตจากทุกองค์ประกอบ และยังสอดคล้องกับนโยบายในระดับภูมิภาคของ อลิอันซ์ เอเชีย แปซิฟิก ที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน ภายใต้ 3 กลยุทธ์ ต่อไปนี้
1. Digital Partnership การหาพันธมิตรด้านดิจิทัล เพื่อช่วยให้เข้าถึงฐานข้อมูลของลูกค้าจำนวนมาก เพื่อเป็นประโยชน์ในการต่อยอดสินค้าและบริการ
2. Data Science ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูล Big Data ด้วยการจัดตั้งดิจิทัลแลป ที่ประเทศสิงคโปร์ และมีทีม Data Scientist มืออาชีพวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการ รวมทั้งกระบวนการทำงานใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการใช้ฐานข้อมูลและ AI เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของผู้บริโภค
3. Allianz–as–a–Service เพื่อสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มในการให้บริการต่างๆ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ ในการนำแต่ละแพลตฟอร์มมาเชื่อมกัน เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน
สำหรับรายละเอียดของโครงการ Allianz Ayudhya Activator จะเปิดโอกาสให้เหล่า สตาร์ทอัพ ทุกคนสมัครเข้าร่วมโครงการได้ โดยไม่มีข้อจํากัดใดๆ เพื่อเปิดกว้างสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่มีการจำกัดการศึกษา อาชีพ หรือจํานวนผู้ร่วมทีม โดยจะคัดเลือกสตาร์ทอัพ 10 ทีม เข้ารับการอบรมเข้มข้นตลอด 12 สัปดาห์ต่อเนื่อง ภายใต้เนื้อหาที่ครอบคลุมทุกองค์ประกอบในการสร้างสตาร์ทอัพ อย่างมีทิศทาง สามารถตอบโจทย์และต่อยอดธุรกิจได้ จากเหล่าโค้ช (Activists) ชั้นนําที่ลงมือทําจริงและประสบความสําเร็จจริง ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ และหาผู้ชนะทั้งหมด 3 ทีมต่อไป
ทั้งนี้ การคัดเลือกผู้ชนะเลิศ 3 ทีมสุดท้าย จะดูจากปัจจัยสำคัญในเรื่องของการสร้าง Value ที่เพิ่มขึ้นให้กับธุรกิจในด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถได้รับบริการที่ง่าย รวดเร็ว และสะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นโมเดลที่สามารถต่อยอดพัฒนาไปสู่ระดับ International โดยผู้ชนะจะได้รับทุนเริ่มต้นธุรกิจ (Seed Investment) มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท พร้อมสัมผัสประสบการณ์ Startup ระดับโลกที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เปิดโอกาสในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับผู้เข้าร่วมโครงการของ Allianz จากกว่า 100 เมือง 70 ประเทศทั่วโลก โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาการอบรม
ผู้สนใจโครงการ สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 ธันวาคม 2560 ที่เว็บไซต์ www.activator.global เท่านั้น ประกาศผล 50 ทีมที่ได้รับการสัมภาษณ์ Top 50 Announcement วันที่ 18 ธันวาคม 2560 สัมภาษณ์ผู้ร่วมสมัคร Audition Day วันที่ 20 – 21 ธันวาคม 2560 โดยคณะผู้บริหารของ “อลิอันซ์ อยุธยา” และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากนั้นประกาศผล 10 ทีมสุดท้าย Top 10 Finalist Announcement วันที่ 23 ธันวาคม 2560 ระยะเวลาอบรม – Demo Day : ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม – 21 เมษายน 2561 (สัปดาห์ละ 2 วัน)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อโครงการ “Allianz Ayudhya Activator” Website : www.activator.global, Mobile : 061-549-0666, 082-669-5000, 099-624-2932, 086-360-5555 LINE@ : @activator.global และ email : info@activator.global