อาจไม่ต้องอธิบายกันมากมาย สำหรับ “บ้านปูฯ” หนึ่งในบริษัท “พลังงาน” รายใหญ่ของประเทศไทย และใหญ่ในระดับ “เอเชีย” อีกด้วย มีธุรกิจครบวงจรทั้งถ่านหิน ธุรกิจไฟฟ้า และธุรกิจพลังงานเกี่ยวเนื่อง แต่ล่าสุด บ้านปูฯ ได้แตกไลน์ธุรกิจน้องใหม่ในเครือ “บ้านปู อินฟิเนอร์จี” อีกหนึ่งธุรกิจที่มาเติมเต็มแผนกลยุทธ์ Greener & Smarter ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของบ้านปูฯ เพื่อมาลุยการวางระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) แบบครบวงจรอย่างมืออาชีพ ระดมเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ มีบริการครอบคลุมครบเครื่องตั้งแต่ การให้คำปรึกษา ออกแบบระบบ ติดตั้ง ตรวจสอบ ไปจนถึงซ่อมบำรุง สำหรับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจขนาดใหญ่
ซึ่งถ้าผู้ประกอบการรายใดที่กำลังมองหาหนทาง “ลดต้นทุน” การบริหารจัดการจากการประหยัดค่าไฟฟ้า และอยากมีส่วนสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดในธุรกิจของตนเอง เพื่อตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป หันมาให้ความสำคัญกับ “พลังงานสะอาด” บ้านปู อินฟิเนอร์จี น่าจะเป็นตัวเลือกที่ครบและตอบโจทย์
บ้านปู อินฟิเนอร์จี ได้นำประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานของบ้านปูฯ ที่ยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การคร่ำหวอดจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ในประเทศจีนและญี่ปุ่น มาต่อยอดเป็นธุรกิจพลังงานสะอาดสำหรับประเทศไทยในอนาคต ภายใต้แนวคิด “Go Green Together” ที่พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนค่าติดตั้งหรือค่าอุปกรณ์ (zero investment) ประหยัดต้นทุนพลังงานได้อีกมาก
แต่เพื่อให้ธุรกิจ “ล้ำ” ไปอีกขั้น สมกับยุคไทยแลนด์ 4.0 และขานรับโลกดิจิทัล บ้านปู อินฟิเนอร์จี จึงส่งแอปพลิเคชัน “INFINERGY” มาเสริมแกร่งให้บริการหลังการขาย
แล้วแอปพลิเคชัน “INFINERGY” มี “จุดเด่น” และ “ดี” ยังไง BrandBuffet ได้สำรวจมาให้ผู้อ่านได้รับรู้กัน เริ่มจากการพัฒนาระบบแอปพลิเคชัน ซึ่งบ้านปู อินฟิเนอร์จี ถึงขั้นดำเนินการเอง เพราะบริษัทเข้าใจ “ความต้องการของลูกค้า” อย่างถ่องแท้ ด้วยประสบการณ์ขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานมานาน ดังนั้น feature ต่างๆ ที่ออกแบบมาจึง “ตรงใจ” และ “ตอบโจทย์” ลูกค้าได้อย่างตรงจุด
ลูกค้าของบ้านปู อินฟิเนอร์จี จะได้เห็นข้อมูลด้านพลังงานแบบเรียลไทม์ ทำให้รู้ “ยอด” การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ตลอดเวลา ดูข้อมูลย้อนหลังได้ทั้งแบบรายวัน รายเดือน รายปี และยอดรวมตั้งแต่ติดตั้ง มองเห็นค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ตั้งแต่เริ่มติดตั้ง ปริมาณการลด Co2 ในอากาศ รายละเอียดต่างๆ ของสถานที่ติดตั้ง เห็นข้อมูลใบแจ้งยอดค่าบริการ พร้อมสถานะการชำระเงิน ซึ่งจะทำให้สามารถวางแผนในการดำเนินธุรกิจได้อย่างดี
หากระบบพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์มีปัญหา (system failure alert) “ทีมงานบ้านปู อินฟิเนอร์จี” และ “ลูกค้า” จะได้รับ “การแจ้งเตือน” ทันท่วงที ผ่านทางแอปพลิเคชัน และส่งแจ้งเตือนมายังที่ Monitor Room ด้วย เพื่อทำให้การแก้ไขปัญหาดำเนินการได้ “อย่างรวดเร็ว” และ “มีประสิทธิภาพ”
สำหรับช่องทางการสื่อสารลูกค้าสามารถติดต่อกับทีมลูกค้าสัมพันธ์ผ่าน app ได้ทันที นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน “INFINERGY” ยังรองรับ CCTV เพื่อการตรวจสอบระบบโซลาร์เซลล์ตลอดเวลา และแอปพลิเคชันดังกล่าวยังรองรับระบบทั้ง iOS และ Android ทั้งหมดนี้จะทำให้ลูกค้ารับทราบข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ได้แบบ Real-time เกาะติดข้อมูลได้ทุกที่ ทุกเวลา
การเป็นคนพลังงานมายาวนาน เชื่อว่า บ้านปู อินฟิเนอร์จี ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะมุ่งมั่นเป็นพันธมิตรกับลูกค้าระยะยาว (Long-term partnership) ดังนั้น เมื่อ “พลังงานสะอาด” เป็นสิ่งที่ “บ้านปู อินฟิเนอร์จี” และ “ลูกค้า” ตระหนักพ้องกัน การ Go Green กับบ้านปูฯ น่าจะกลายเป็นการผสานพลังของทั้ง 2 ฝ่าย ในการสร้างสรรค์กลยุทธ์ตลาดที่เติบโตอย่างยั่งยืน ที่สำคัญบ้านปู อินฟิเนอร์จี ยังได้มอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการ update ข่าวสารที่เกี่ยวกับ Energy Solutions หรือ Energy Technology ให้แก่ลูกค้าเราตลอดอายุสัญญา เรียกว่า จัดหนักจัดให้และจัดเต็ม
จะเห็นว่า “บริการหลังการขาย” ดังกล่าว ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้เพียง “ปลายนิ้วสัมผัส” เท่านั้น และทำได้ง่ายด้วยตัวเอง
ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย ถ้าหากผลิตภัณฑ์ดี แต่บริการหลังการขายช้า ไม่โดนใจ ก็อาจจะไม่ได้ใจจากลูกค้า และอาจทำให้ลูกค้า “ชิ่ง” ได้ ขณะที่กลยุทธ์ที่บ้านปู อินฟิเนอร์จี ทำนับว่าเป็นการ “เติมเต็ม” การทำตลาดให้อยู่หมัด และ “สร้างความสัมพันธ์ที่ดี” ให้เกิดขึ้นแก่ลูกค้าด้วย
โปรดักท์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ถ้าบริการหลังการขายแกร่ง เส้นชัยก็ใกล้เอื้อมขึ้นเรื่อยๆ
[Advertorial]