ในงาน Snapdragon Tech Summit 2017 จัดโดย Qualcomm ผู้พัฒนาชิปเซตรายใหญ่ของโลก นำทีมโดย Cristiano Amon รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมกับ ผู้บริหารระดับสูงอีกมากมาย ออกโรงเปิดตัว Snapdragon 845 ชิปเชตน้องใหม่แต่เปี่ยมด้วยพลังมหาศาล อีกทั้งยังเผยเทรนด์และทิศทางของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กำลังจะมาถึง
+ Snapdragon 845 จิ๋วแต่แจ๋ว +
-พลังแห่ง AI
ประสิทธิภาพของ Artificial Intelligence (AI) ใน Snapdragon 845 พลังแรงขึ้น 3 เท่า รุ่น 835 ของแพลตฟอร์ม AI เป็นเพราะการปรับปรุงพลังผสานของ CPUและ GPU เข้าด้วยกัน และ การทำงานของระบบ Open Neural Network ใน Snapdragon 845 ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น ทำให้ AI ทรงพลังขึ้นอย่างมาก และ ทำให้อุปกรณ์ของที่ใช้ Snapdragon 845 สามารถทำงานหนักได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการประมวลภาพจะดีขึ้นและเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยการนำ Neural Processing Unit (NPU) เข้ามาช่วย
และการจดจำเสียงดีขึ้นและใช้พลังงานต่ำในการประมวลผล นอกจากนี้ Qualcomm กำลังร่วมมือกับ Baidu ในการทำการควบคุม AI ด้วยเสียงสำหรับสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์ภายในบ้านอื่นๆ ที่ใช้ Snapdragon 845
-ขุมพลังแรง และ ประหยัดพลังงาน
Snapdragon 845 เป็นชิปเซ็ตแบบ 8 แกน โดยมี 4 แกนที่เรียกว่า Performance Cores ที่มี Clock Speed อยู่ที่ 2.8 GHz สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 25-30% เมื่อเทียบกับ Snapdragon 835 และอีก 4 แกนที่เรียกว่า Efficiency Cores ที่มี Clock Speed อยู่ที่ 1.8 GHz
ไม่ใช่ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นเท่านั้น Snapdragon 845 ยังประหยัดการใช้พลังงานมากขึ้นอีกด้วยเนื่องจากมี Unit ในการทำงานแต่ละอย่างที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น หน่วยประมวลผลกราฟฟิก หรือ หน่วยประมวลผลด้านความปลอดภัย และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากจะประหยัดแบตขึ้นแล้ว ยังสามารถชาร์จได้ไวขึ้นอีกด้วยเทคโนโลยี Qualcomm’s Quick Charg 4.0 ที่ทำให้สามารถชาร์ตแบต 50% ได้ในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น
-ทุกชอต..สมจริง
Snapdragon 845 รองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดแบบ Ultra HD Premium ซึ่งหมายถึง รองรับการเก็บสีได้กว้างมากขึ้นผ่านกล้องของอุปกรณ์ ก่อนหน้านี้ Qualcomm โฟกัสพัฒนาไปที่ความสามารถในการเก็บปริมาณ pixel ให้มากขึ้น แต่ใน Snapdragon 845 ถูกพัฒนามาให้เก็บ Pixel ได้คุณภาพดีขึ้น สามารถเก็บสีได้มากถึง 2020 Color Gamut ซึ่งรูปภาพดูสมจริงมากขึ้นและเป็นคอนเทนต์ที่สมจริง
นอกเหนือจากการพัฒนาด้านการเก็บสีแล้ว Snapdragon 845 ยังรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 240 fps ที่ความละเอียดแบบ Full HD และยังสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Slow motion ได้ถึง 480 fps ที่ความละเอียดแบบ HD ประสิทธิภาพอันเหล่านี้ เกิดขึ้นจาหน่วยประมวลผลกราฟฟิกตัวใหม่ Adreno 630 และ ตัวประมวลผลสัญญาณภาพ Spectra 280
-สุดยอดความปลอดภัย
ความปลอดภัยบนโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆของผู้ใช้งาน ดังนั้น Snapdragon 845 จึงมีชิ้นส่วนใหม่ชื่อว่า Secure Processing Unit” (หน่วยประมวลผลความปลอดภัย) เพื่อป้องกันให้กับ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำและแหล่งพลังงาน
-ยกระดับการเชื่อมต่อ
เรากำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ยุค 5G ผ่านเทคโนโลยี LTE ระดับ Gigabyte ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว Qualcomm จะช่วยให้อุปกรณ์ของเราเชื่อมกับเน็ตเวิร์คความเร็วสูงเหล่านั้นด้วยโมเดม X20 LTE ซึ่งทำความเร็วได้เพิ่มขึ้น 20% จากการทดสอบการใช้งานจริง Snapdragon 845 รองรับการใช้งานแบบ 5X Carrier Aggregation (CA) ซึ่งให้ความเร็วในการใช้งานสูงสุดได้ถึง 1.2Gbps นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการเชื่อมต่อ Wi-Fi อีกด้วยทำให้ความเร็วในการใช้งานสูงสุดอยู่ที่ 4.6Gbps
สำหรับการเชื่อมต่อบลูทูธมีการพัฒนามากขึ้นด้วยการเชื่อมต่อได้มากกว่าหนึ่งชิ้น ซึ่งทำให้ผู้ที่ใช้หูฟังที่แยกซ้าย-ขวา ได้พร้อมกันทั้งสองอัน แทนที่จะต้องต่อผ่านอันใดอันหนึ่งก่อน ทำให้เกิดการประหยัดแบตเตอรี่ และเพิ่มคุณภาพของการเชื่อมต่อ
+ ทุกสายมุ่งสู่ 5G +
ภายในงานใจความสำคัญหลักนอกจากผลิตภัณฑ์ใหม่ Snapdragon 845 แล้วประเด็นสำคัญอีกอย่าง คือ เทคโนโลยี 5G หลายบริษัทด้านเทคโนโลยีกำลังทดสอบเครือข่ายและอุปกรณ์ที่รองรับ 5G ซึ่ง Qualcomm หนึ่งในเจ้าพ่อวงการสมาร์ทโฟน หนึ่งในเจ้าพ่อวงการสมาร์ทโฟน ก็อยู่ในขั้นทดสอบอยู่เช่นกัน โดยภายในครึ่งปีแรกของปี 2019 จะเป็นช่วงสรุปเรื่องมาตรฐานของ 5G รวมไปถึงการปรับแต่งให้อุปกรณ์ต่างๆ รองรับกับเทคโนโลยีใหม่นี้ และในช่วงปลายปีเดียวกันเองคาดว่าจะได้เห็นการเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับ Hi-end ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มแรกที่รองรับ 5G จากค่าย Samsung นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า 5G จะถูกใช้อย่างแพร่หลายในปี 2020
หลังจากนั้นอุตสาหกรรมไอทีจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยเพราะการเกิดขึ้นของ 5G ที่เร็วและราคาถูก ส่งผลให้สมาร์ทโฟนจะไม่ใช่ดีไวซ์หลักอีกอันเดียวอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นดีไวซ์กลางที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ
แต่ก่อนถึงยุค 5G Qualcomm เสริมว่าเทคโนโลยี LTE ระดับ Gigabyte (เครือข่าย LTE ที่สามารถให้บริการความเร็วได้สูงสุดที่ 1Gbps) จะเป็นรากฐานสำคัญของการนำไปสู่ 5G แม้ว่าจะยังไม่มีให้บริการอย่างแพร่หลายมากนัก จากสถิติมีเพียง 43 รายใน 25 ประเทศเท่านั้น โดยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป ประเทศจีน ประเทศออสเตรเลีย และประเทศในทวีปอเมริกาใต้บางประเทศ แต่คาดว่าการเปิดตัวของ LTE ระดับ Gigabyte ทั่วโลกกำลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้แล้ว ผู้บริหาร Qualcomm กล่าวถึง โอกาสของการเติบโตของอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ ด้วยการคาดการณ์ว่า ปี 2020 มูลค่าเทคโนโลยีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ จะทะยานไปถึง 8 หมื่นล้านเหรียญฯ โดยแบ่งเป็น มือถือ 5.1 หมื่นล้าน อุปกรณ์ IoT , อุปกรณ์เครือข่ายสัญญาณ , คอมพิวเตอร์พกพา และ กลุ่มยานยนต์ 2.9 หมื่นล้านเหรียญฯ รวมไปถึงจำนวนสมาร์ทโฟนจะเข้าสู่สูง 8.6 พันล้านเครื่องทั่วโลกในช่วงปี 2017-2021
Qualcomm จึงเตรียมขยายตลาดออกนอกเหนือจากกลุ่มมือถือมากขึ้น ด้วยการไปยังกลุ่มใหม่ๆดังกล่าว คือ IoT , อุปกรณ์ IoT , อุปกรณ์เครือข่ายสัญญาณ , คอมพิวเตอร์พกพา , ยานยนต์ ซึ่งทำให้มีรายได้มากกว่า 3 พันล้าน และเติบโตปีละ 25%
+ บรรยากาศห้อง Demo +