เดอะมอลล์ ส่งท้ายปีด้วยการเปิดตัวเพาเวอร์มอลล์ (Power Mall) สาขาใหม่ล่าสุด ซึ่งนับเป็นสาขาลำดับที่ 11 แต่ต้องถือว่าเป็นสาขาแรกของเพาเวอร์มอลล์ในการก้าวไปอยู่นอกศูนย์การค้าเดอะมอลล์ โดยเลือกโลเกชั่นภายใน SB Design Square สาขาเดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ เป็นฐานที่มั่น ซึ่งถือเป็นโซนที่อยู่อาศัยที่มีการเติบโตสูงโซนหนึ่งในปัจจุบัน จนกลายเป็น Destination ของหลากหลายธุรกิจที่ต้องการขยายเข้ามาเพื่อรับดีมานด์จากฝั่งกรุงเทพตะวันตกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
คุณจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงศักยภาพของโลเกชั่นย่านราชพฤกษ์ที่ทำให้ตัดสินใจนำเพาเวอร์มอลล์มาลง เนื่องจาก การขยายตัวของชุมชนและหมู่บ้านที่ระดับราคาหลายล้านบาท รวมทั้งจำนวนหมู่บ้านและคอนโดที่มีรวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยโครงการโดยรอบพื้นที่ รวมทั้งการมีเส้นทางหลักเพิ่มขึ้นในพื้นที่ ทำให้กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงเข้ามาอยู่ในพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเติบโตและความพร้อมทางด้านไลฟ์สไตล์ ทำให้มีร้านอาหารและธุรกิจไลฟ์สไตล์ต่างๆ ขยายสาขาเข้ามาในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น
ประกอบกับทำเลที่อยู่ภายในเอสบี ดีไซน์ สแควร์ ที่เป็นศูนย์รวมการแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดบนถนนราชพฤกษ์ รัศมีครอบคลุมพื้นที่ 10 กิโลเมตร ตั้งแต่ปิ่นเกล้า,พุทธมณฑล, บางใหญ่, ราชพฤกษ์, รัตนาธิเบศร์, เพชรเกษม และยังมีกลุ่มเป้าหมายตรงกับเพาเวอร์มอลล์ที่อยู่ใน Lifestyle Electronics ที่ต่างเข้ามาเติมเต็มความเป็น One Stop ในฐานะ Home Design Solutions ให้มีความสมบูรณ์ของการเป็น Destination ที่คนรักและชื่นชอบการแต่งบ้านจะสามารถมาหาสินค้าต่างๆ ได้ครบภายในจุดเดียว ทั้งการหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านต่างๆ และสามารถซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าบ้านไปได้พร้อมๆ กัน
“ความพิเศษของเพาเวอร์มอลล์สาขานี้ จะเน้นสินค้าที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มที่รองรับไลฟ์สไตล์ อาทิ ทีวีขนาดใหญ่ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น หรือแอร์ที่เน้นเรื่องของดีไซน์ รวมทั้งพนักงานขายภายในร้านที่สามารถเป็นที่ปรึกษาในเรื่องของการเลือกซื้อ รวมทั้งระบบ Digital Mapping 3D ที่ลูกค้าสามารถจำลองภาพสินค้าแต่ละชิ้นว่าเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ ภายในห้องหรือไม่ รวมทั้งการพัฒนาระบบในการจัดส่งสินค้าให้รวดเร็วมากขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความพึงพอใจและลด Pain Point ของลูกค้าให้ดีมากขึ้น”
แยกกันโตโอกาสใหม่ของเดอะมอลล์
เป้าหมายที่ทางกลุ่มเดอะมอลล์คาดหวังจากสาขาใหม่นี้อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี และเชื่อว่า การเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่มีความเป็น Destination ของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตและเสริมเขี้ยวเล็บให้กับ Category Killer อย่างเพาเวอร์มอลล์ได้มากขึ้น โดยเชื่อว่าในปีหน้าจะสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้นประมาณ 7-10% จากที่ผ่านมาจะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 2-3% มีรายได้รวมอยู่ที่ 10,300 ล้านบาท
คุณจักรกฤษณ์ เปิดเผยว่า มีแผนขยายโมเดลเพาเวอร์มอลล์ที่อยู่นอกเดอะมอลล์เพิ่มเติมในปีหน้า 2-3 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการเลือกทำเลที่เหมาะสม โดยเน้นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเป็น Destination ที่สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ จากปัจจุบันเพาเวอร์มอลล์ทั้ง 10 สาขา อยู่ภายในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ทั้งหมด โดยสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมความพร้อมอยู่ที่เรื่องของระบบในการจัดส่งสินค้า เมื่อต้องบริหารจัดการแยกจากทางห้าง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการลงทุนไปแล้วหลายร้อยล้านบาท ในการขยายศูนย์กระจายสินค้าให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 4 พันตารางเมตร เป็น 8 พันตารางเมตร รวมทั้งการพัฒนาระบบไอทีต่างๆ เพื่อพัฒนาให้สามารถขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
การขับเคลื่อนของเพาเวอร์มอลล์เป็นหนึ่งในนโยบายของทางเดอะมอลล์กรุ๊ป ที่สนับสนุนให้กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต สามารถ Spin Off ในการขยายสาขาร่วมกับ Developer ที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างให้ธุรกิจเติบโต มากกว่าที่จะรอการขยายสาขาของทางกลุ่มแต่เพียงอย่างเดียว โดยกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสในการแยกตัวเพื่อเติบโตได้ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กรูเมต์มาร์เก็ต 2.เพาเวอร์มอลล์ 3.ซูเปอร์สปอร์ต และ4.บีเทรนด์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแต่ละกลุ่มจะมีลักษณะในการเป็น Category Killer ของแต่ละกลุ่มสินค้าของตัวเองอย่างเด่นชัด
“สำหรับการเลือกพื้นที่ในการขยายสาขาใหม่ๆ จะเน้นพื้นที่ที่สามารถเข้าไปเติมเต็มเพื่อสร้าง One Stop Shopping หรือเป็น Destination ของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ตามเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยเฉพาะในเมืองที่การจราจรหนาแน่น รวมทั้งไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ค่อนข้างมีเวลาจำกัด ทำให้ส่วนใหญ่จะเลือกไปโลเกชั่นที่สามารถตอบโจทย์ได้ครบในที่เดียว รวมทั้งศักยภาพของทำเลในการเป็นศูนย์กลางที่ดึงดูดผู้คนได้ดีเป็นส่วนสำคัญ ”
ที่ผ่านมา กลุ่มเดอะมอลล์ได้เริ่มทำการขยายธุรกิจเพื่อให้สามารถเติบโตภายนอกเครือแล้วไม่ต่ำกว่า 5-6 ปี โดยมี กรูเมต์มาร์เก็ต เป็นธุรกิจนำร่อง ด้วยการเริ่มขยายสาขานอกเดอะมอลล์แห่งแรกที่ Terminal 21 ก่อนจะมีสาขาอื่นๆ ตามมา อาทิ เดอะคริสตัล เดอะพรอมมานาด MRT ลาดพร้าว เนื่องจากลักษณะธุรกิจของกรูเมต์มาร์เก็ตในฐานะพรีเมียม ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ วันของลูกค้า ทำให้มีโอกาสในการขยายเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งภายหลังการขยายธุรกิจออกไปนอกเครือ ทำให้ปัจจุบันกรูเมต์มาร์เก็ต เป็นกลุ่มธุรกิจที่ทำรายได้สูงที่สุดของทั้งเครือ ขณะที่ เพาเวอร์มอลล์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เริ่มออกไปเติบโตนอกเครือทำรายได้ติด Top 3
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มธุรกิจที่มีความพร้อมและคาดว่าจะสามารถขยายออกไปนอกเครือได้ภายในปีหน้าคือ Sport Mall ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและเลือกโลเกชั่นที่เหมาะสม ภายใต้เงื่อนไขการพิจารณาเช่นเดียวกับการขยายกรูเมต์มมาร์เก็ต และเพาเวอร์มอลล์ และอีกหนึ่งกลุ่มที่มองว่ามีโอกาสและอยู่ระหว่างการทำแผนเพื่อ Spin Offเช่นกันคือ บีเทรนด์ (B-Trend) ซึ่งเชื่อว่าการขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์เช่นนี้ จะทำให้กลุ่มเดอะมอลล์มีจำนวน Store Format ที่หลากหลายเพิ่มขึ้น จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุนได้อย่างหลากหลายรูปแบบ และเพิ่มโอกาสและช่องทางในการเติบโตได้อย่างมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ต้องขับเคลื่อนสู่ Total Solutions
ด้านพันธมิตรรายล่าสุดของเพาเวอร์มอลล์ อย่างเอสบี ดีไซน์สแควร์ โดย คุณธัญญรักข์ ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างเอสบี ดีไซน์ สแควร์ และเดอะมอลล์ ในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการเติมเต็มให้กับลูกค้าและเพิ่มควาสมบูรณ์ให้กับสาขาเดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ ในการเป็น One Stop ของสินค้า Home Living Lifestyle และสอดคล้องกับเทรนด์ของผู้บริโภค ที่ปัจจุบันจะนิยมซื้อสินค้าตกแต่งบ้านแบบเป็นเซ็ตเข้าชุดมากขึ้น การมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ภายในพื้นที่เดียวกันทำให้ลูกค้าสามารถหาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เข้าชุดและออกแบบเฟอร์นิเจอร์สำหรับตั้งวางสินค้าแต่ละชิ้นได้อย่างพอดี ทำให้เพิ่มความพึงพอใจลูกค้าได้ดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้กับทั้งเอสบีและเดอะมอลล์ได้ด้วย
“เอสบี ดีไซน์ สแควร์ สาขาเดอะคริสตัล ราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งแฟลกชิพสโตร์บนพื้นที่ 23,000 ตารางเมตร และเป็นสาขาที่มีผู้เข้ามาใช้บริการสูงถึง 6 หมื่นคนต่อเดือน ขณะที่ยอดการใช้จ่ายก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยเป็นเท่าตัว โดยมี Billing size อยู่ที่ 45,000 บาท รวมทั้งมีจำนวนใบเสร็จที่ซื้อสินค้ามากกว่า 1 แสนบาทขึ้นไป มากกว่าสาขาอื่นๆ ถึง10-20% ขณะที่การได้พาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพอย่างเพาเวอร์มอลล์เข้ามาช่วยเติมเต็มให้กับเอสบี ดีไซน์ สแควร์ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงในการเป็น One Stop Shopping และจุดหมายปลายทางของคนที่มองหาสินค้าสำหรับบ้าน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ ที่เป็น Core Target ทั้งของเดอะมอลล์ และเอสบี”
ขณะเดียวกันก็จะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกัน เพื่อมอบข้อเสนอที่ดีที่สุด ให้กับทั้งลูกค้าของ SB Design Square และ Power Mall เพื่อเป็นการฉลองเปิดสาขาใหม่ อาทิ โปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ถือบัตร M-Card หรือผู้ที่แสดงใบเสร็จจากเพาเวอร์มอลล์สาขาใหม่นี้ จะได้รับส่วนลดเพิ่ม 5% ทันที เมื่อมาซื้อสินค้าที่ SB Design Square สาขาเดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์
ในส่วนของแผนการขยายสาขาของเอสบี ดีไซน์ สแควร์ เพิ่มเติมนั้น อยู่ระหว่างการก่อสร้างสาขาใหม่ที่พระราม 2 พื้นที่ราว 2 หมื่นตารางเมตร ภายใต้งบลงทุนประมาณ 700-800 ล้านบาท โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเตรียมเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีหน้า จากปัจจุบันมีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 12 แห่ง