เป็นเวลากว่า 50 ปีที่ “Fujifilm Holdings Corp.” ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ได้ร่วมทุนกับ “Xerox Corp.” บริษัทผลิตเครื่องถ่ายเอกสาร และ Printer ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา จัดตั้งบริษัท “Fuji Xerox” สำหรับทำตลาดในเอเชียแปซิฟิค โดยเริ่มแรกถือหุ้นในสัดส่วน 50 : 50 ต่อมาในปี 2001 “Fujifilm Holdings” ได้เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็น 75% และฝั่ง “Xerox Corp” ถือหุ้น 25%
อย่างไรก็ตามในยุคดิจิทัล ส่งผลให้ Demand ในตลาดเครื่องถ่ายเอกสารกำลังอยู่ในสภาวะซบเซา เนื่องจากคนใช้กระดาษน้อยลง (Paperless) นี่จึงทำให้ “Fujiflim Holdings” ตัดสินใจขายหุ้น 75% ใน Fuji Xerox มูลค่า 6,100 ล้านบาท แล้วมาซื้อหุ้นใน “Xerox Corp” โดยจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 50.1%
เหตุผลที่เข้าซื้อกิจการครั้งนี้ เพราะ “Fujifilm Holdings” ต้องการเป็น Major Player ในธุรกิจเครื่องใช้สำนักงานในตลาดโลก ไม่ใช่แค่เพียงในเอเชียแปซิฟิค โดยเฉพาะการเจาะเข้าตลาดอเมริกาเหนือ และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักของ Xerox Corp มาก่อน
Jeff Jacobson ซีอีโอของ Xerox Corp เผยว่า “การผนึกกำลังกันครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์จริงในตลาดโลก”
ขณะที่บริษัทร่วมทุน “Fuji Xerox” ซึ่งทำตลาดในเอเชียแปซิฟิค ทาง Fujifilm Holdings เผยว่า จะขายหุ้นในบริษัทร่วมทุนดังกล่าว พร้อมทั้งเตรียมใช้มาตรการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ด้วยการประกาศปลดพนักงานในบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ จำนวน 10,000 คน เพื่อคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในองค์กรได้ประมาณ 50 พันล้านเยน หรือราว 455 พันล้านเหรียญสหรัฐ
Shigetaka Komori ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Fujifilm Holdings ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานใน Xerox Corp หลังจากนี้ด้วย กล่าวในงานแถลงข่าวที่กรุงโตเกียวว่า ดีลครั้งสำคัญนี้ไม่ได้กระทบต่อเงินสดของบริษัท Fujifilm Holdings แม้แต่น้อย และเรายังคงเดินหน้าควบรวมกิจการอย่างต่อเนื่อง