ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่มีมูลค่าสูงถึง 1.44-1.47 ล้านล้านบาทนั้น “ผู้นำตลาด” คงต้องยกให้ “บัตรเครดิตกสิกรไทย” ด้วยมีจุดแข็งหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นประเภทบัตรเครดิตที่มีความหลากหลายมาก เช่น บัตรเครดิตวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด คลาสิกกสิกรไทย จับกลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้ 15,000 บาทขึ้นไป จนถึงเดอะวิสดอมอินฟินิท จับกลุ่มเป้าหมายผู้มีเงินฝากและเงินลงทุนตั้งแต่ 150 ล้านบาทขึ้นไป เรียกได้ว่า “ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย”
ไม่เท่านั้นทางบัตรเครดิตกสิกรไทย ยังใช้กลยุทธ์ Co-Branding ร่วมกับพันธมิตรในหลากหลายเซ็กเตอร์ เพื่อทำบัตรเครดิตร่วม หรือบัตรโคแบรนด์ เช่น บัตรเครดิตร่วมคิงเพาเวอร์-กสิกรไทย บัตรเครดิตร่วมกรุงเทพดุสิตเวชการ-กสิกรไทย บัตรพีทีทีบลูเครดิตการ์ด และอีกสารพัด ที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ไลฟ์สไตล์แตกต่างกันออกไปอีกระดับด้วย
การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจบัตรเครดิต ทำให้ทุกธนาคารงัดกลยุทธ์เด็ดมาฟาดฟันกันเต็มที่ เพื่อช่วงชิงลูกค้าในตลาด เมื่อเร็วๆนี้ กสิกรไทย ได้เดินเกมเชิงรุก เปิดตัว “บัตรเครดิตเดอะแพสชั่น กสิกรไทย” มาทำตลาดหมาดๆ หลังจากศึกษาตลาดแล้วพบว่ายังมี “ช่องว่าง” ให้เข้าไปเล่น เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายที่มีรายได้ 70,000 บาทขึ้นไปอยู่มากพอสมควร กลับกัน ยังเป็นการ “เติมเต็ม” ความครบครันในการจับกลุ่มลูกค้าของบัตรเครดิตกสิกรไทยด้วย
ทั้งนี้ จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับดังกล่าว พบว่า เป็นกลุ่มที่กำลังมีบทบาทในการขับเคลื่อนการทำงานหลากหลายวงการ แต่ไลฟ์สไตล์ของคนเหล่านี้ ต้องการใช้ชีวิตเต็มที่ให้คุ้มค่า มองหาโอกาสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หุ้นฯ สรรหาอาหารอร่อยรับประทานนอกบ้าน ท่องเที่ยวไปยังสถานที่แปลกใหม่ทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อนำประสบการณ์มาเติมเต็มชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น ดังนั้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของคนเหล่านี้จะคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่ได้รับที่ตรงกับโจทย์ความต้องการของเขาด้วย
เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ทำให้บัตรเครดิตเดอะแพสชั่นกสิกรไทยวางคอนเซ็ปต์ “ใช้ชีวิต…ให้มีชีวิต” (Make Life…Alive) แต่ที่เหนือกว่านั้นคือการให้ “สิทธิประโยชน์สุดคุ้ม” แก่ผู้ถือบัตร เน้นไปที่การได้คะแนนหรือ Earn Point แบบเร็วๆ รัวๆ แถมได้ง่ายๆ สูงสุด 8 บาท ต่อ 1 พอยท์ (25บาท = 3 พอยท์) จากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันครอบคลุมทั้ง กิน เที่ยว ช้อป ที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศได้รับคะแนน 3 เท่า และในประเทศไทยได้รับคะแนน 2 เท่า
รวมถึงการนำคะแนนสะสมที่มีมาใช้หรือ Burn Point ได้ง่ายๆ ไม่ต้องรอรวมคะแนนไว้จำนวนมากแล้วค่อยไปใช้ แต่ใช้ได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ในร้าน หรือสถานที่โปรดของใครหลายคน แค่ใช้ 1 พอยท์ ก็แลกรับสิทธิ์อาหารและเครื่องดื่มในร้านยอดนิยม อย่าง Paul Starbuck และ Coffee Beans by Dao ก็จะได้กินเมนูยอดฮิตแล้ว
นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีก เช่น ใช้เลาน์จการบินไทยที่สุวรรณภูมิ ประกันอุบัติเหตุสุงสุด 8 ล้านบาท พร้อมทั้งประกันการบอกเลิกการเดินทาง, การเดินทางล่าช้า, ความสูญเสียหรือความเสียหายของกระเป๋าเดินทาง, การชดเชยความล่าช้าของสัมภาระ ชุด Afternoon Tea ที่ TWG Tea Salon & Boutique และ Harrods Tea Room นอกจากนี้ยังมีส่วนลดสนามกอล์ฟ 50% จาก 8 สนามกอล์ฟชั้นนำภายในประเทศ เรียกว่าสิ่งที่ให้คุ้มกับทุกเม็ดเงินที่ใช้จ่ายไป เพราะสิทธิประโยชน์ที่ทางบัตรให้ล้วนเป็นสิ่งที่ลูกค้าผู้ถือบัตรมองหาอย่างแท้จริง ไม่ใช่อัดแน่นไปด้วยสิ่งที่ลูกค้าไม่โปรดปราน หรืออยู่ใน List ยอดฮิตแต่อย่างใด
จะเห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคปัจจุบันเป็นมากกว่าใช้เงินไปแล้ว เพราะวันนี้คนจำนวนไม่น้อย จ่ายเพราะแรงบันดาลใจ ความฝัน ตลอดจนความต้องการบางอย่างจากภายในตัวเองที่ขับเคลื่อนให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ การที่ธนาคารทำตลาดโดยจับ Passion มาตอบโจทย์ เลยทำให้ตลาดบัตรเครดิตสนุกมีสีสันไปอีกขั้น