แม้จะไม่ใช่จังหวัดหลักเบอร์ต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวจะนึกถึง แต่ด้วยมนต์เสน่ห์และความมีอัตลักษณ์อันเด่นชัดของ “น่าน” ไม่ว่าจะในเชิง Physical ที่สามารถจับต้องหรือมองเห็นได้ ผ่านศิลปะล้านนาจากวัดวาหรือสถาปัตยกรรมต่างๆ ธรรมชาติที่ยังอุดสมบูรณ์อยู่ หรือวัฒนธรรมประเพณีที่สืบสานมา ประกอบกับความเป็นเอกลักษณ์ของน้ำใจไมตรี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไปของผู้คน ทำให้ “น่าน” ไม่ต่างจากเมืองในตำนานหรือมรดกทางวัฒนธรรมที่ยังคงมีชีวิต มีลมหายใจ มาจนถึงปัจจุบัน
ต้นแบบเมืองท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
วิถีที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และน่าไปสัมผัสของน่าน รวมไปถึงการมีองค์ประกอบในแต่ละมิติอย่างครบถ้วน ทั้งด้าน Physical, Emotional และ Spiritual ประกอบกับความหลากหลายของชาติพันธุ์ต่างๆ ทำให้แต่ละชุมชน หรือชนเผ่าที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ จะมีเอกลักษณ์ทั้งเรื่องศิลปวัฒนธรรม งานหัตถศิลป์ งานฝีมือที่โดดเด่นแตกต่างกันไป นั่นยิ่งทำให้เมืองน่านยิ่งมีความน่าสนใจ และเหมาะที่จะนำมาเป็นเมืองต้นแบบในโครงการพัฒนาย่านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ หรือ Creative Tourism District โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เป็นเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อนโครงการนี้
โครงการนี้ยังได้รับความร่วมมือจากชาวน่านในหลายๆ ภาคส่วนทั่วทั้งจังหวัด รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา อาทิ การท่องที่ยว การสร้างแบรนด์ การตลาด การวิจัย และการออกแบบประสบการณ์ลูกค้า เพื่อลงพื้นที่จริง พร้อมพูดคุยหารือเกี่ยวกับการวางแนวทางในการพัฒนาโครงการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ การให้คนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน และยังสามารถรักษาดีเอ็นเอหรือความเป็นตัวตนที่แท้จริงตามวิถีแบบชาวน่านให้ยังคงอยู่ ก่อนจะผลักดันให้เกิดเป็นโครงการแรกจากแคมเปญ Creative Tourism District : เติมเต็มคุณค่าประสบการณ์ใหม่ให้ชีวิต ด้วยการสร้างแบรนด์จังหวัดน่าน ภายใต้แนวคิด “น่าน…ยิ่งเที่ยว ยิ่งสนุก ยิ่งผูกพันธ์” ออกมาแนะนำสู่สารธารณชนได้สำเร็จ
ตัวแทนจากผู้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการอย่าง คุณจุลเกียรติ สินชัยชูเกียรติ CEO บริษัท บาราเมซี่ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ให้องค์กร และ คุณพรรณวิลาส ชัยเชาวรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิกเนเจอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบกิจกรรม เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าองค์กร ร่วมกันให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีคิดและเบื้องหลังการทำงานในโครงการ Creative Tourism District@Nan ซึ่งมีโจทย์สำคัญอยู่ที่การสร้างให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยที่มีชุมชนเป็นศูนย์กลาง ขณะที่นักท่องเที่ยวมาแล้วจะต้องได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่และประทับใจ จนเกิดเป็น “ความผูกพัน” ไม่ว่าจะเป็นความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างคนในชุมชนกับนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวด้วยกันเองจากการได้รับความสุข และประสบการณ์ที่ดีกลับไป หรือแม้แต่คนในชุมชนด้วยกันเองที่เกิดความร่วมแรงร่วมใจและความสามัคคีกันมากขึ้น
“สิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการไม่ได้เน้นแค่จำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่จำนวนมากๆ เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสื่อสารไปถึงคนที่ใช่ คนที่มองหาประสบการณ์แปลกใหม่จากการท่องเที่ยว โดยได้นำสิ่งต่างๆ ที่น่านมี มาดีไซน์เป็นโปรดักต์ เซอร์วิส หรือครีเอทเป็นเส้นทางในการท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์และช่วยเติมเต็มประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวที่ต่างจากการไปเที่ยวแบบเดิมๆ ทั่วไป ตามแนวคิดยิ่งเที่ยว ยิ่งสนุก ยิ่งผูกพัน นั่นเอง”
ต่อยอดสู่ Destination Branding
วิถีความเป็นน่านนำไปสู่การสร้าง Destination Branding ภายใต้ “แบรนด์จังหวัดน่าน” โดยมีแนวทางไม่ต่างจากการโมเดลในการสร้างแบรนด์เมืองดังๆ ในต่างประเทศ โดยเป้าหมายคือ ต้องการให้คนข้างนอกมองเห็นในคุณค่าของความเป็นน่านในมุมมองต่างๆ ที่อาจยังไม่เคยเห็น ทำให้เกิดความน่าสนใจและต้องการเข้ามาค้นหาด้วยตัวเอง รวมทั้งความครบถ้วนที่น่านมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ วัดต่างๆ วิถีชีวิตประเพณี อาหาร การเกษตร ทำให้มีรูปแบบในการท่องเที่ยวหลากหลายเช่นกัน ผลที่ตามมาก็คือ น่านจะเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเริ่มนึกถึงมากขึ้น และเมื่อมีกิจกรรมที่หลากหลายขึ้นก็ทำให้นักท่องเที่ยวอยู่นานขึ้น และจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการท่องเที่ยวย่อมต้องสะพัดมากขึ้นเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ องค์ประกอบต่างๆ ที่สะท้อนตัวตนของความเป็นน่านให้ฉายออกมาได้อย่างเด่นชัด ล้วนแต่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผู้ที่มีโอกาสได้สัมผัสสิ่งต่างๆ เหล่านี้ด้วยตัวเอง อดไม่ได้ที่จะเกิดความประทับใจ ชื่นชม หลงไหล และผูกพันจนต้องหาโอกาสกลับมาเยือนที่เมืองน่านใหม่ให้ได้อีกสักครั้งหนึ่ง
“จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ตั้งแต่การสัมภาษณ์คนในพื้นที่ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ เอกชน หรือคนในชุมชน รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเคยมาเที่ยวที่จังหวัดน่านมาก่อนหรือไม่ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ให้ Matching กับสิ่งที่น่านควรนำเสนอ พร้อมทั้งการ Co-Creation Workshop เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยวและบริการ และสร้างโปรแกรมการท่องเที่ยวใหม่ๆ สินค้าใหม่ๆ เพิ่มศักยภาพและโอกาสในการทำตลาดและการขายที่หลากหลาย เพิ่มรายได้ของคนในชุมชนทำให้พึ่งพาตัวเองได้และเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน แม้ว่าทางโครงการหรือภาครัฐจะไม่ได้เข้ามาสนับสนุนต่อก็ยังขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ต่อไปได้ด้วยตัวเอง”
มอบทุกประสบการณ์ท่องเที่ยวที่น่าน
เมืองน่านถือเป็น Destination ที่สามารถตอบโจทย์การท่องเที่ยวได้เกือบทุกรูปแบบ แม้ภาพลักษณ์จะดูว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้าง Slow Life แต่ก็มีกิจกรรมที่สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเรื่องความตื่นเต้นและการผจญภัย รวมทั้งยังมีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะมองหาประสบการณ์เช่นไร ก็สามารถมาเที่ยวที่น่านได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะ 6 กลุ่มหลักๆ ต่อไปนี้
1. Experience Explorer หรือ Unseen Seeker นักท่องเที่ยวที่ชอบท่องเที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตัวเอง และมองหาที่เที่ยวแบบ Unseen เพื่อหาความตื่นเต้นจากสถานที่ใหม่ และเป็นผู้บุกเบิกสถานที่สวยงามก่อนคนอื่น
2. Story Consumer นักท่องเที่ยวที่นิยมเสพเรื่องราวจากการท่องเที่ยว หรือแสวงหาความรู้ทางประวัติศาสตร์และที่มาของสิ่งรอบตัว
3. Physical Challenger กลุ่มนักท่องเที่ยวผู้แสวงหาความท้าทายให้ชีวิตและชอบทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย
4. Chaos Escaper นักท่องเที่ยวที่ต้องการแสวงหาความสงบ และต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวาย ความตึงเครียดและภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวัน
5. Cultural Exchanger กลุ่มนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบในการเรียนรู้วัฒนธรรมในที่ต่างๆที่ตนไปเยือน
6. Better than Never นักท่องเที่ยวที่ชอบไปเยือนในที่ที่ไม่เคยไป และพยายามแสวงหาที่เที่ยวใหม่ๆ อยู่เสมอ
สร้างความผูกพันผ่าน 8 คุณค่า
ด้วยความครบขอบของ “น่าน” จึงเชื่อว่าจะไม่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาผิดหวัง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์ใดจากการท่องเที่ยวก็ตาม แต่หากจะจัดหมวดหมู่ตามโปรดักต์ท้องถิ่นที่มีอยู่ เพื่อนำมาสร้างสรรค์เป็นเส้นทางท่องเที่ยวตามคุณค่าที่จะส่งมอบให้กับนักท่องเที่ยว จะแบ่งได้ 8 ธีม ดังนี้
1. Handcraft เน้นทำกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจในการต่อยอดไอเดียสร้างสรรค์ เช่น ฝึกทอผ้าที่บ้านซาวหลวง เรียนปั้นหม้อดินที่บ่อสวก ทำเครื่องเงินหรือสบู่จากโกโก้ ที่ปัว
2. Agricultural สำหรับผู้ที่ชอบเที่ยวแบบเกษตร เพื่อหาความหมายของชีวิตและความสุขที่ยั่งยืน โดยการไปพักโฮมสเตย์กลางท้องนา หรือร่วมทำนากับชาวบ้านได้ที่ นาซาว ศิลาเพชร
3. Adventure ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ชอบความตื่นเต้น รักการผจญภัย ชอบพิชิตความท้าทายและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งการเดินป่าล่ากาแฟเกอิชา ที่มีวิวทิวทัศน์อันสวยงามจากยอดเขาที่บ้านมณีพฤกษ์ หรือล่องแก่งน้ำว้า ที่น้ำมวบ
4. Nature การท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ สำหรับผู้ชอบความบริสุทธิ์และสวยงามแบบธรรมชาติ เพื่อหาความสงบและหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง จากธรรมชาติอันสวยงาม โดยเฉพาะที่ขุนสถาน ดอยผาผึ้ง และอีกมากมาย
5. Slow life สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการปลดปล่อยเวลากับบรรยากาศรอบตัว ดื่มด่ำกับมนต์เสน่ห์วิถีน่าน และชาร์จพลังให้กับชีวิต ด้วยการนั่งจิบกาแฟทั่วเมืองน่าน หรือขี่จักรยานชมวิวสองข้างทางที่เวียงสา
6. Foodies สำหรับนักท่องเที่ยวสายกิน ทั้งอาหารพื้นถิ่นที่อร่อยตามวิถีน่าน พร้อมได้ลองทำจริงด้วยตนเอง สำหรับผู้ชอบการเรียนรู้ อาทิ การทำข้าวหลามที่ศิลาเพชร หรือลงนาจับปูทำน้ำปู๋ที่บ้านน้ำมวบ เป็นต้น
7. Story สำหรับกลุ่มคนที่รักการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ รวมถึงการเที่ยวให้ซึ้งถึงรากของอารยธรรม ผ่านโฮงและวัดต่างๆ รวมถึงการทำตุงค่าคิง แกะสลักพระ หรือเขียนตั๋วเมือง เป็นการจำลองกิจกรรมของชาวน่านในสมัยก่อน
8. Local life สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสลัดกิจกรรมความวุ่นวายในเมือง มาลองดำเนินและเรียนรู้วิถีชีวิตแบบชาวท้องถิ่น อาทิ ดูชีวิตของชาวบ้านสองฝั่งริมน้ำ โดยการล่องเรือสายน้ำน่านที่เวียงสา ซึ่งเป็นคุณค่าเฉพาะตัวตามแบบชาวน่านเท่านั้น
นอกจากประสบการณ์ต่างๆ จากการท่องเที่ยวในรูปแบบที่ชื่นชอบแล้ว จุดเด่นของผู้คนชาวน่าน ที่มีลักษณะเป็นคนจริงใจ อบอุ่น และเอื้อเฟื้อ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ที่มาเยือนน่าน มีความรู้สึกถึงความเป็นญาติพี่น้อง และเกิดความเป็นความผูกพันจนต้องหาโอกาสเพื่อให้ได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดแคมเปญ Creative Tourism District @Nan รวมถึงข้อมูลเส้นทางและการติดต่อสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในวิถี น่าน…ยิ่งเที่ยว ยิ่งสนุก ยิ่งผูกพันธ์ สามารถค้นหาได้แล้วที่เว็บไซต์ของโครงการ www.creativedistrictthailand.com และ Facebook: Creative District Thailand