เชื่อว่าทุกคนมี Passion ต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งในชีวิต บางคนโชคดีที่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้ทำในสิ่งที่ใช่ ขณะที่บางคนอาจต้องทำในสิ่งที่เป็นความรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การทำตามหน้าที่และทำในสิ่งที่ตัวเองต้องรับผิดชอบในขณะนั้นอย่างเต็มที่และดีที่สุดก่อน จนเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและลงตัว เราอาจจะมีโอกาสได้กลับไปเดินตามความฝันในแบบที่ตัวเองต้องการอีกครั้งก็เป็นได้
เช่นเดียวกับเส้นทางของ คุณแก๊ป -พงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ที่หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาดีในฐานะ ผู้บริหารแห่งบริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) (KARMART) และเรื่องราวในการเข้ามาเป็นหนึ่งกำลังสำคัญที่เข้ามาช่วยครอบครัวกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจที่ขาดทุนหลักพันล้านบาทจากธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในขณะนั้น ให้กลับพลิกฟื้นกลายเป็นบริษัทหนึ่งที่มีความแข็งแกร่งทั้งเรื่องของยอดขายและกำไร จนปัจจุบันมีความพร้อมในการขยายน่านน้ำเพื่อยกระดับการแข่งขันไปสู่ระดับภูมิภาคแล้ว
กล้บสู่โอกาสทำตาม Passion
คุณแก๊ป เล่าให้ฟังว่า ตนเองมีความชื่นชอบในเรื่องของศิลปะ การออกแบบ และการใช้ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ทำให้เลือกเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่เมื่อครอบครัวประสบปัญหาวิกฤตทางธุรกิจ จึงต้องเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจของครอบครัวก่อน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาจึงไม่ค่อยได้ใช้ความรู้ตามสายวิชาที่ได้เรียนมาเท่าไหร่นัก
“ในช่วงที่ธุรกิจครอบครัวมีปัญหา เราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของรายได้เป็นอันดับแรก ต้องทำให้สินค้าขายได้มากๆ เน้นเรื่องของการขายการทำตลาดเป็นหลัก ทำให้ไม่ค่อยได้ใช้พลังในเรื่องของการสร้างสรรค์หรืองานด้านครีเอทีฟมากนัก ทั้งที่ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบศิลปะ ชอบการออกแบบ และตอนเรียน ต้องถือว่าเราเป็นเด็กสายประกวด ชอบส่งผลงานเข้าประกวดอยู่เสมอ แต่ในช่วงบุกเบิกคาร์มาร์ทเราไม่สามารถใส่ Gimmick อะไรให้กับสินค้าได้มากนัก เพราะมีเรื่องของตัวเลขมาคอยกดดัน รวมทั้งเราเน้นนำเข้าแบรนด์มาทำตลาดโดยที่ไม่ได้มีสินค้าเป็นของตัวเอง”
ซึ่งภายหลังการบุกเบิกธุรกิจคาร์มาร์ทอย่างจริงจัง ในเวลาเพียง 6 ปี คาร์มาร์ทก็กลายเป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง และสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง ทำให้วันนี้ คุณแก๊ปจึงมีโอกาสได้กลับมาทำงานในแบบที่ตัวเองชื่นชอบ ได้เริ่มต้นทำธุรกิจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการใช้ Passion ในการขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า “รื่นรมย์” (REUNROM) โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้สินค้าภายใต้แบรนด์นี้ มีจุดเด่นในฐานะ Creative Lifestyle Product ที่ไม่ว่าจะมองไปในมิติใดของแบรนด์ก็ล้วนแต่มีเรื่องราวที่เป็นประโยชน์และแฝงความสร้างสรรค์ไว้ในทุกองค์ประกอบเลยทีเดียว
ก้าวข้ามธุรกิจที่ตั้งต้นด้วย “กำไร”
ความแตกต่างระหว่าง “รื่นรมย์” (REUNROM) กับแบรนด์อื่นๆ เริ่มตั้งแต่การมีจุดตั้งต้นธุรกิจ โดยไม่ต้องใช้คำว่า “กำไร” มาเป็นโจทย์ข้อแรก เหมือนกับการทำธุรกิจโดยทั่วๆ ไป แต่ใช้แนวคิด Everyday Happiness มาเป็นตัวขับเคลื่อนแบรนด์ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มอบความสุขให้กับทุกคนได้ในทุกวัน โดยเฉพาะการ Share Happiness ไปยัง 4 ภาคส่วนสำคัญ เริ่มตั้งแต่ ผู้บริโภค ที่จะมีความสุขเมื่อมีโอกาสได้ใช้สินค้าคุณภาพ ด้วยราคาที่ไม่แพง
ผู้ผลิต ในฐานะผู้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีทั้งคุณภาพและราคา และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวต่างๆ ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ในความเป็นไทย
ประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว เพราะเรื่องราวความเป็นไทยในแง่มุมต่างๆ จะถูกส่งต่อไปถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวผ่านผลิตภัณฑ์ของรื่นรมย์ ทำให้ผู้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น และอยากมาสัมผัสสิ่งต่างๆ เหล่านี้ด้วยตัวเอง
สังคมไทย เนื่องจากนโยบายที่จะเข้าไปรับผลิตภัณฑ์ทางเกษตร หรือผลิตภัณฑ์ชุมชนต่างๆ มาต่อยอด ภายใต้การทำธุรกิจแบบ Fair Trade เป็นอีกหนึ่งช่องทางช่วยยกระดับความเป็นอยู่และเพิ่มรายได้ให้กลุ่มเกษตรกรและชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ
“แบรนด์รื่นรมย์จะเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคมของกลุ่มคาร์มาร์ทอีกด้วย เพราะมีนโยบายในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ด้วยการแบ่งรายได้จากการทำธุรกิจไปมอบให้กับมูลนิธิต่างๆ เพื่อส่งต่อความสุขให้กระจายออกไปสู่คนกลุ่มอื่นๆ ภายในสังคมได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กด้อยโอกาส ผู้ทุพพลภาพในสังคม หรือผู้ขาดแคลนต่างๆ รวมทั้งการเข้าไปสนับสนุนโครงการอื่นๆ ที่ช่วยเหลือหรือทำประโยชน์แก่สังคม เช่น การเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยต่างๆ หรือนำผลิตภัณฑ์ไปบริจาคให้กับหน่วยงานหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องการ เป็นต้น”
สร้างความต่างด้วย Art & Creative
คุณแก๊ป เล่าว่า ตอนทำคาร์มาร์ทจนเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง มักจะมีผู้ผลิตคนไทยที่มีศักยภาพในการผลิตครีม หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ไม่แพ้แบรนด์ชั้นนำ มาเสนอเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้คาร์มาร์ท แต่ด้วยนโยบายและรูปแบบการดำเนินธุรกิจของคาร์มาร์ทที่เน้นการนำเข้าแบรนด์จากต่างประเทศมาจำหน่าย จึงเกิดความคิดในการนำผลิตภัณฑ์กลุ่มสปาเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม เพราะเห็นความพร้อมทั้งจากซัพพลายเออร์ในประเทศที่มีความสามารถในการผลิต มีวัตถุดิบที่ดี รวมทั้งช่องว่างในตลาดที่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์สปาที่เป็น Mass Product อยู่ในตลาดเลย จะมีเพียงกลุ่มตลาดบนที่อยู่ในระดับแบรนด์พรีเมียม หรือไม่ก็จะเป็นตลาดเฉพาะในกลุ่มสินค้าโอทอปต่างๆ เท่านั้น
กลุ่มผลิตภัณฑ์สปา ภายใต้แบรนด์รื่นรมย์ จึงมีตำแหน่งทางการตลาดที่ค่อนข้างชัดเจน ประกอบกับต้องการขยายกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์มาสู่ตลาด Mass เพื่อให้เข้าถึงคนทั่วไปรวมทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพื่อต้องการเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทั่วไป คนทุกเพศทุกวัยสามารถใช้ได้ เป็นสินค้าแบบ Daily Use ที่ใช้กันในชีวิตประจำวันตามปกติ ไม่ใช่สินค้าเฉพาะกลุ่มสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนสูงอายุเท่านั้น“สิ่งแรกที่จำเป็นต้องปรับคือ ต้องทำให้ผลิตภัณฑ์น่าใช้ โดยเฉพาะแพกเกจแบบเดิมๆ ที่ทำให้สินค้าดูแก่ ดูโบราณ ลวดลายต่างๆ ที่เน้นความเป็นไทยแบบเดิมๆ ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนไม่ชอบใช้ ประกอบกับราคาสินค้าที่ค่อนข้างสูง ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ยาก เราจึงมองหาบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะทำให้สินค้าน่าสนใจ แปลกและแตกต่าง แต่ยังคงสามารถสะท้อนถึงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ลายไทยมาวางไว้บนแพกเกจ นำมาสู่การใช้แพกเกจที่เป็นรูป “ครก” ”
เหตุผลในการใช้โมเดลรูปครกมาทำเป็นแพกเกจ เนื่องจาก เป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวเรือนคนไทยแทบจะทุกคน และมีความอเนกประสงค์ในการใช้งาน โดยเฉพาะในสมัยก่อนที่สามารถใช้ได้ทั้งทุบ บด ตำ ยาสมุนไพรหรือประกอบอาหาร รวมทั้งยังไม่มีบรรจุภัณฑ์เช่นนี้ในท้องตลาด ทำให้มีความแปลกและโดดเด่น รวมทั้งได้นำภาพเงาของครกมาใช้เป็นโลโก้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงความเป็น Thai Essence ของแบรนด์รื่นรมย์อีกด้วย
ทุกเรื่องราวสะท้อนความเป็นไทย
ปัจจุบันรื่นรมย์มีสินค้าทำตลาดอยู่ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย Personal Care เช่น สบู่ แฮนด์ครีม โลชั่น สครับต่างๆ โดยเตรียมจะผลิตแชมพูเข้ามาเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ Home Fragrant และ Spa Product เช่น น้ำหอมปรับอากาศ ก้านหอม ลูกประคบ ยาหม่อง และ Food & Beverage เช่น น้ำดื่ม น้ำพริกต่างๆ แคปหมู ผลไม้อบแห้งและผลิตภัณฑ์ชุมชนต่างๆ ซึ่งในอนาคตมีแผนเพิ่มกลุ่ม Accessories และ Makeup เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม รวมไปถึงการเพิ่มความพิเศษด้วยการมีคอลเล็กชั่นพิเศษภายใต้การ Collaboration กับศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงในระดับอินเตอร์อีกด้วย
“การครีเอทสินค้านอกจากตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แล้ว ยังต้องมีความแปลกและแตกต่างจากตลาด เพื่อให้คนจำแบรนด์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนากลิ่นที่ต้องดูทั้งความเหมาะสมกับตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ เรื่องราวความเป็นไทยที่ต้องการนำเสนอผ่านสินค้าแต่ละชนิดอย่างเหมาะสม รวมทั้งการเลือกบรรจุภัณฑ์ให้กับสินค้าแต่ละประเภท เช่น การเลือกผลิตภัณฑ์รูปครกให้กับสินค้าที่เป็นสมุนไพรต่างๆ หรือน้ำพริก หรือกลุ่มสครับที่ดูแลผิวต่างๆ ที่มีหลายขนาดทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ หรือลวดลายบนขวดน้ำดื่มที่มีหลายเวอร์ชั่น ทั้งกลุ่มอักษรไทย ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณีไทย หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย”
โดยเฉพาะการคิดค้นกลิ่นต่างๆ สำหรับสินค้าแต่ละประเภท ที่จะถูกแบ่งหมวดหมู่ออกมาเป็นแต่ละคอลเล็กชั่น ทำให้สินค้ามีความหลากหลายและแตกต่างจากตลาด เช่น การคิดกลิ่นน้ำหอมอเนกประสงค์ตามชื่อสถานที่ และยังแบ่งแยกตามระยะเวลาในแต่ละช่วงของวันทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น ที่นอกจากจะมีเรื่องของกลิ่นหอม ยังได้ความรู้สึกพิเศษที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา เช่น ความสดชื่นยามเช้า กระปรี้กระเปร่ายามสาย ความผ่อนคลายในช่วงบ่าย และความสนุกสนานรับปาร์ตี้ในช่วงเย็น โดยการคิดชื่อกลิ่นตามสถานที่ที่มีเอกลักษณ์พิเศษและเหมาะกับเวลาในแต่ละช่วง เช่น ทองหล่อ ดอยเสมอดาว เขื่อนกิ่วแม่ปาน สีลม พัฒน์พงษ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีแฮนด์ครีมที่ตั้งใจจะพัฒนาให้มีไม่ต่ำกว่า 100 SKUs และมีคอลเล็กชั่นหลากหลายทั้งผลไม้ไทย ขนมไทย หรืออาหารไทย เช่น ต้มยำ น้ำมะพร้าว ไอศกรีมทุเรียน ข้าวเหนียวมะม่วง พวงมาลัย ซึ่งล้วนแต่เป็นกลิ่นเฉพาะที่ไม่มีแบรนด์ใดในตลาดเคยทำมาก่อน รวมทั้งกลิ่นประเพณีวัฒนธรมเด่นๆ ของไทย เช่น ประเพณีรับบัว ทำขวัญข้าว กลิ่นการทำบุญ หรือการใส่กิมมิคในผลิตภัณฑ์ เช่น แฮนด์ครีมกลิ่นฝอยทอง ที่พอบีบครีมออกมาจะกลายเป็นเส้นๆ เหมือนขนมฝอยทองจริงๆ เป็นต้น โดยทุกรายละเอียดบนผลิตภัณฑ์ล้วนเป็นความตั้งในในการถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นไทยในมุมต่างๆ โดยใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นสื่อถ่ายทอดไปยังคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ หรือในกลุ่มเด็กไทยรุ่นใหมที่อาจไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสเรื่องราวเหล่านี้มาก่อน
ต้องแข็งแรงและเติบโตให้เร็วที่สุด
ปัจจุบันรื่นรมย์ เพิ่งมีอายุได้ปีกว่าๆ เท่านั้น แม้จะโชคดีที่อยู่ภายใต้เครือที่แข็งแรงอย่างคาร์มาร์ท แต่คุณแก๊ปต้องการสร้างให้แบรนด์เติบโตและแข็งแรงได้ด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด ด้วยการพยายามเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายและมีช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมมากที่สุด และพยายามที่จะสร้างให้แบรนด์เป็นที่รู้จักผ่านการนำสินค้าไปออกบูธทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการเปิดป๊อปอัพสโตร์ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อเป็นโอกาสให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและมีโอกาสได้ทดลองสินค้า โดยเชื่อว่าคุณภาพที่ดีเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ขณะที่ราคาอยู่ในระดับที่เอื้อมถึงได้ง่าย รวมทั้งเป้าหมายที่เด่นชัดในการ Share Happiness ให้กับสังคม จะทำให้ลูกค้าให้การตอบรับกับแบรนด์เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันจะเพิ่มการตอกย้ำจุดเด่นให้ชัดเจน เพื่อทำให้ Awareness และการตอบรับแบรนด์มีมากขึ้น โดยเฉพาะการต่อยอดด้วย Symbolic ที่แข็งแรงของแบรนด์ เช่น การนำสัญลักษณ์รูปครกไปต่อยอดในส่วนอื่นๆ เช่น กระดาษเทสต์กลิ่นต่างๆ ที่ทำเป็นรูปครก หรือการทำสินค้าแจกตามบูธหรือกิจกรรมต่างๆ ด้วยรูปทรงที่เป็นครก เช่น พัดทรงครก เพื่อให้คนเห็นและสามารถเชื่อมโยงมาสู่แบรนด์ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการนำความเป็นครกในมิติอื่นๆ เช่น การทำปกสมุดโน้ตที่มีพื้นผิวกระดาษเหมือนผิวของครก หรือการเพิ่ม Accessories ต่างๆ และสินค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่จะนำมาทำตลาดเพิ่มเติมในอนาคต
“แบรนด์รื่นรมย์มีสาขาต้นแบบอยู่ที่ซีคอน บางแค ขณะที่มีร้านคีออสอยู่ในคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ พัทยา และรางน้ำ รวมทั้งการเปิดร้านในรูปแบบป๊อปอัพสโตร์ตามห้างสรรพสินค้าต่า่งๆ เพื่อเป็นโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งการทำตลาดในต่างประเทศผ่านการนำสินค้าไปแสดงซึ่งทุกทีี่ล้วนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงเชื่อมั่นว่าภายใน 2-3 ปีนี้ แบรนด์รื่นรมย์จะแข็งแรงและสามารถยืนหยัดได้ด้วยศักยภาพของตัวเอง มียอดขายต่อปีไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท โดยที่ไม่ต้องใช้กำไรจากบริษัทอื่นๆ ในเครือมาเป็นตัวขับเคลื่อน”
การเลือกทำธุรกิจด้วยความต่าง และให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ด้วยศิลปะและความสร้างสรรค์ ทำให้แบรนด์รื่นรมย์เริ่มเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการทั้งคนต่างชาติ รวมไปถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะแพกเกจรูปครกที่มีการรีวิวและแชร์ต่อผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ รวมทั้งการยอมรับในเรื่องของคุณภาพผลิตภัณฑ์ ทั้งในกลุ่มของอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เติบโตได้ดีเช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จได้ว่านี่คือเส้นทางที่จะทำให้แบรนด์รื่นรมย์เข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคได้ไม่ยากนัก
“ถ้าเราคิดอะไรเหมือนคนอื่นๆ ทำเหมือนแบรนด์อื่นๆ เราก็ไม่ต่างจากของเดิมๆ ที่มีอยู่แล้วในตลาด จึงไม่มีเหตุผลและความจำเป็นที่ลูกค้าต้องเลือกแบรนด์ของเรา ดังนั้น เราต้องทำสิ่งใหม่และคิดให้แตกต่าง เพื่อสร้าง Identity ความเป็นตัวตนที่ชัดเจน เพื่อทำให้ลูกค้าเลือกจากสิ่งที่เราเป็น และกลายมาเป็นแฟนของแบรนด์ที่จะสนุก ตื่นเต้น และมีความสุขกับการติดตามสิ่งใหม่ๆ ที่เราจะทำต่อไปในอนาคต ซึ่งสิ่งเหล่านี่นี่เองที่จะทำให้เราเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแรงได้ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง”
หนึ่งเป้าหมายที่สำคัญและเร่งด่วนของรื่นรมย์ก็คือ ต้องพยายามสร้างธุรกิจให้แข็งแรงโดยเร็วที่สุด เนื่องจากต้องการเพิ่มโมเดลธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม หากรื่นรมย์อยู่รอดและมีความแข็งแกร่ง ก็จะเป็นอีกหนึ่งกำลังในการช่วยเพิ่มช่องทางในการช่วยเหลือผู้คนและสังคมควบคู่ไปกับการทำธุรกิจได้อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน
ภาพประกอบ : Facebook Reunrom Everyday