ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวของการพัฒนาด้าน Property Tech ของไทย เมื่อ ZmyHome (ซีมายโฮม) สตาร์ทอัพจากโครงการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท batch 3 ซึ่งเป็นเว็บไซต์บ้าน คอนโด (Home Portal) เพียงรายเดียวที่เจ้าของบ้านจะเป็นผู้ขึ้นประกาศขายหรือเช่าด้วยตัวเอง ประกาศรับเงินลงทุน 400,000 เหรียญสหรัฐ จากกองทุน KK Fund เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มให้สามารถยกระดับสู่การเป็น Real Time Database ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ซื้อ ผู้ขาย รวมทั้งผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ อีกด้วย
Win-Win ทั้งผู้ซื้อ-ผู้ขาย-จ้าของโครงการ
สำหรับเว็บไซต์ซีมายโฮมคือ Marketplace ของบ้านและคอนโด สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและเช่า โดยที่เจ้าของเป็นผู้ประกาศเอง ซึ่งเป็นจุดแข็งที่แตกต่างกว่าเว็บไซต์อื่นๆ ที่ใครก็สามารถเป็นผู้ลงประกาศขายได้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้านหรือนายหน้าตัวแทน ประกอบกับข้อมูลที่ประกาศเหล่านั้นไม่ค่อยมีการอัพเดทข้อมูล ทำให้ผู้ซื้อหรือผู้ต้องการเช่าไม่ได้รับความสะดวก และต้องเสียเวลาในการตรวจเช็คข้อมูลต่างๆ ซึ่งบางครั้งเพียงแค่ขั้นตอนการเช็คข้อมูลก็ต้องใช้เวลานับเดือน จนทำให้บางครั้งผู้ซื้ออาจล้มเลิกความตั้งใจในการซื้อไปเลยก็ได้
ขณะที่ประกาศต่างๆ ที่อยู่บนซีมายโฮมจะมาจากผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านเท่านั้น ทำให้ทราบข้อมูลของบ้านหลังที่ต้องการได้ทันทีและทำให้สามารถตัดสินใจหรือปิดการขายได้เร็วมากขึ้น จากที่ก่อนหน้าการซื้อขายบ้านหลังหนึ่งต้องกินเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน-1 ปี แต่ที่ผ่านมาซีมายโฮมสามารถปิดการขายได้เร็วที่สุดในเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น และมีค่าเฉลี่ยระยะเวลาที่ใช้ในการขายได้ประมาณ 1-3เดือน
ที่สำคัญเว็บ Home Portal แห่งนี้ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กำลังมองหาบ้านหรือคอนโด ทั้งเพื่อเช่าหรือซื้อ ผู้ขายซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเอง หรือแม้แต่ผู้ประกอบการในกลุ่ม Property Developers ทั้งหลายต่างก็สามารถได้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้ได้เช่นเดียวกัน
คุณณัฐพล อัศว์วิเศษศิวะกุล ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ ZmyHome กล่าวว่า แพลตฟอร์มนี้จะช่วยลดการซื้อขายผ่านนายหน้า ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้พูดคุยกันเองโดยตรงจึงไม่ต้องเสียค่า Commission ทำให้ผู้ซื้อสามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่ถูกลง รวมทั้งลดความยุ่งยากในการเช็คข้อมูลของบ้านหรือห้องคอนโดที่ต้องการ ขณะที่ผู้ขายเองก็สามารถลดขั้นตอนต่างๆ ทำให้ขายบ้านได้ในเวลาที่รวดเร็วขึ้น และขายได้ในราคาตามเกณฑ์ของตลาด ขณะที่กลุ่ม Developers เองก็จะมีเครื่องมือใหม่ๆ ในการทำตลาดด้วยช่องทางเข้าถึงรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการทำตลาดที่ลดลง จากที่เคยต้องใช้ราว 2-3% เหลือเพียงไม่ถึง 1% ตามมูลค่าโครงการของแต่ละแห่ง
“โครงการต่างๆ จะสามารถอัพเดทข้อมูลห้องที่ยังเหลืออยู่ในแต่ละโครงการได้อย่างชัดเจน รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ภายในห้อง ชั้นที่อยู่ ราคาห้องที่แน่นอน จากที่ผ่านมาข้อมูลของโครงการจะระบุไว้เพียงคร่าวๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งในฟากของผู้ซื้อ ผู้ขาย รวมทั้งเจ้าของโครงการต่างๆ จึงถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีประโยชน์และมีโซลูชั่นส์ที่ทำให้ win สำหรับทุกฝ่าย”
ไม่ใช่แค่ประกาศแต่ช่วยขายเร็วขึ้น
จุดแข็งของแพลตฟอร์มซีมายโฮมคือ ช่วยให้ลูกค้าที่เป็นเจ้าของโครงการหรือเจ้าของบ้านรายย่อย ขายได้เร็วขึ้น เนื่องจากช่วยแสดงให้เห็นความต้องการที่แท้จริงของตลาด และสามารถช่วยโปรโมทไปสู่เป้าหมายที่ถูกต้อง โดยผู้ขายสามารถศึกษาราคาของทรัพย์สินที่ขาย-เช่า สำเร็จบนเว็บไซต์ก่อนเริ่มลงประกาศ และหลังจากที่ลงประกาศแล้วเจ้าของบ้านจะได้รับแจ้งความเคลื่อนไหวสำคัญในโครงการเดียวกัน หรือในชุมชนรอบๆ ผ่านทางเฟซบุ๊กแมสเซ็นเจอร์ (FB Messenger) เช่น จำนวนคนสนใจโครงการที่คุณลงประกาศขายอยู่ ประกาศที่มีผู้สนใจซื้อในโครงการเดียวกัน ประกาศที่ขาย-เช่าสำเร็จในโครงการเดียวกัน เป็นต้น ซึ่งการช่วยเหลือแบบนี้คล้ายกับเจ้าของทรัพย์สิน มีมืออาชีพช่วยแนะนำตลอดเวลา เพื่อช่วยให้ขายเช่าสำเร็จ
“ซีมายโฮมยังเป็นเว็บอสังหาแห่งแรกในประเทศไทย ที่เจ้าของบ้านหรือคอนโดที่รีบขาย หรือรีบเช่า สามารถโปรโมทตรงถึงผู้ซื้อที่มีแผนจะซื้อบ้าน หรือเช่า ภายใน 3 เดือนรอบๆ โครงการ โดยคิดค่าบริการตามจริงที่จากลูกค้าเห็นโฆษณาเท่านั้น โดยในปีที่ผ่านมาเว็บไซท์มี Developer มาใช้บริการจำนวนมากด้วยเช่นกัน อาทิ LPN ซึ่งสามารถปิดยอดขายผ่านเว็บไซต์ได้จริงกว่า 100 ล้านบาท และในปี 2561 นี้ ทาง LPN ตั้งเป้าที่จะปิดยอดขายจากช่องทางซีมายโฮมเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท”
เพิ่มประสิทธิภาพ 5 เท่า หลังระดมทุน
ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ซีมายโฮมเคยระดมทุนจากโครงการดีแทค แอคเซอเลอเรท batch 3 ไปแล้วกว่า 1.5 ล้านบาท รวมทั้งได้รับการบ่มเพาะและสนับสนุนธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดได้เงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากทาง KK Fund อีกกว่า 12 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนที่ราว 32 บาท) โดยมีแนวทางนำเงินทุนที่ระดมได้ก้อนใหม่นี้ไปลงุทนพัฒนาเว็บไซต์ใน 3 แนวทางหลักๆ ต่อไปนี้
1. การเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานกลุ่มใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเข้ามาในเว็บ เพื่อสื่อสารไปสู่กลุ่มคนต่างชาติ โดยเฉพาะการรองรับดีมานด์ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวให้มากขึ้น
2. พัฒนาการเรียนรู้บนแพลตฟอร์มด้วย AI เพื่อให้เว็บสามารถโฟกัสกลุ่มลูกค้าได้ดีมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อโอกาสในการนำประกาศเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
3. การพัฒนาระบบ API เพื่อสามารถเชื่อมแพลตฟอร์มเข้ากับระบบหลังบ้านของ Property Developer รายอื่นๆ ได้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าของเหล่าผู้ประกอบการ
การพัฒนาของซีมายโฮมนอกจากเพิ่มความแข็งแรงของแพลตฟอร์มตัวเองแล้ว ยังเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยในภาพรวม เพราะหากมีข้อมูลต่างๆ มาอยู่บนแพลตฟอร์มมากขึ้น ขณะที่ข้อมูลต่างๆ มีการจัดระบบและอัพเดทอย่างถูกต้องและเปิดเผยให้ทุกคนสามารถเข้ามาดูได้ จะเป็นการเพิ่มฐานข้อมูลที่เปิดกว้างเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อัพเดทเป็น Realtime โดยสามารถนำข้อมูลต่างๆ มาต่อยอดเพื่อประเมินภาพรวมของตลาด เข้าใจดีมานด์จริงที่เกิดขึ้นในตลาด วิเคราะห์ Real Market รวมทั้งระดับราคาที่สอดคล้องกับดีมานด์ในแต่ละทำเล เป็นต้น
“หลังการระดมทุนและพัฒนาเว็บไซต์ตามแผนแล้วคาดว่า จะสามารถเพิ่มทราฟิกได้ราว 5 เท่า จากปัจจุบันมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมกว่าวันละ 1 หมื่นคน หรือราว 3 แสนคนต่อเดือน โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มเป็น 1.5-2 ล้านคน ขณะที่จำนวน Waiting List สำหรับรอประกาศขายที่ปัจจุบันมีอยู่ 3 หมื่นรายการ คาดว่าจะเพิ่มจำนวน List ที่เข้ามาได้เป็นไม่ต่ำกว่า 1 แสนรายการ รวมทั้งในอนาคตต้องการให้แพลตฟอร์มซีมายโฮมนำเสนอ Value ที่มากขึ้นในฐานะเครื่องมือของกลุ่ม Developer โดยเฉพาะการนำเสนอแง่มุมอื่นๆ ให้กับผู้บริโภคได้ เช่น ในเรื่องของแบรนด์ดิ้ง หรือการรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย พร้อมทั้งตั้งเป้าให้มีกลุ่ม Developer เข้ามาใช้งานบนแพลตฟอร์มากขึ้นประมาณ 5 เท่า จากปัจจุบันมีเข้ามาราว 30 ราย และมีการใช้บริการเพื่อโปรโมทห้องภายในโครงการประมาณ 10 ราย”
ได้ใจเพราะโฟกัส User Experience
ฟากฝั่งผู้ให้ทุนสนับสนุนรายล่าสุด อย่าง KK Fund โดยคุณโคอิชิ ไซโตะ ผู้ก่อตั้ง KK Fund กล่าวว่า ให้ความสนใจที่จะสนับสนุนซีมายโฮม เนื่องจากเป็นสตาร์ทอัพที่ช่วยสร้างโซลูชั่นส์ในการเข้ามาปลดล็อกข้อจำกัดให้กับธุรกิจและแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภคได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะที่สำคัญคือ การมีนโยบายที่ไม่เพียงให้ความสำคัญกับการเพิ่มทราฟฟิกให้ได้จำนวนมากๆ เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนา User Experience โดยคำนึงถึงประโยชน์และความสะดวกและง่ายที่ผู้บริโภคจะได้จากการใช้งานบนแพลตฟอร์มนี้
“ตลาดอสังหาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีสภาพคล่องต่ำ การซื้อขายยังทำได้ช้ากว่าในหลายๆ ประเทศ การมีแพลตฟอร์มที่ถูกต้องจะช่วยให้การซื้อขายทำได้ง่ายขึ้นเหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้วที่ใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 1-3 เดือน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าทีมผู้พัฒนาซีมายโฮมเข้าใจและมองเห็นโซลูชั่นส์ในการแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี เพราะเข้าใจลึกไปถึงโครงสร้างของปัญหาที่เกิดขึ้น และการเข้ามาร่วมทุนกับซีมายโฮมในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างพันธมิตรด้านแพลตฟอร์มอสังหาฯ ที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย”
ด้าน คุณสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ กรรมการผผู้จัดการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยยังขาดสตาร์ทอัพในกลุ่ม Prop Tech เพราะยังไม่ค่อยมีสตาร์ทอัพที่สามารถสร้างโซลูชั่นเพื่อเข้ามาตอบโจทย์ให้กับธุรกิจในกลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ซีมายโฮมมีความเข้าใจ เพราะมีประสบการณ์และคลุกคลีอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาไม่ต่ำกว่า15 ปี ทำให้มองเห็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมที่ต้องได้รับการแก้ไข
“ด้วยศักยภาพของซีมายโฮม ทำให้ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี สามารถประกาศขายหรือเช่าได้แล้วกว่า 10,000 รายการ จากทั้งหมด 30,000 รายการ โดยมีจำนวนคนซื้อ คนเช่าเติบโตเฉลี่ย 18% ต่อเดือน ทำให้เว็บไซต์ถูกเปิดดูเดือนละกว่า 1,000,000 ครั้ง จนทำให้ได้รับความไว้วางใจจาก KK Fund กองทุนจากสิงคโปร์มาลงทุน ขณะที่ดีแทค แอคเซอเลอเรท ยังให้การสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง และเตรียมตัวเปิดโครงการใหม่ Batch#6 สำหรับสตาร์ทอัพหน้าใหม่ๆ มาลองนำเสนอผลงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้”
ทางซีมายโฮมยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ต้องการประกาศขาย-เช่า บ้านหรือคอนโดผ่านเว็บไซต์ ZmyHome ด้วยการมอบเหรียญสำหรับใช้ในโปรโมทประกาศได้จำนวน 500 เหรียญ โดยไม่มีวันหมดอายุ เพียงใช้โค้ด : WELOVEZMYHOME จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 นี้