เมื่อครั้งที่ Li Shufu ประธานกรรมการของ Zhejiang Geely Holding Group ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Volvo(วอลโว่) เมื่อปี 2010 เขาพูดถึงแบรนด์ๆ นี้ ว่า “เขาเห็นว่าวอลโว่ประดุจดั่งเสือ และนี่ถึงเวลาแล้วที่ พยัคฆ์ ตัวนี้จะต้องทะยานออกจากถ้ำ” เพื่ออธิบายว่าวอลโว่มีของดีมากมากมาย แต่ก็อยู่แค่ในพื้นที่ของตัวเองเท่านั้น ภายใต้วิสัยทัศน์ของเขา เขาต้องการพาให้วอลโล่โลดแล่นในระดับโลก มากกว่าอยู่แค่ในยุโรป และเพื่อที่จะทำให้ได้ตามคำแนวคิดนี้ วอลโว่ดำเนินการ 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. ปี 2010 SET UP ปรับฐานครั้งใหญ่ ด้วยการค้นหาตัวตนและทิศทางของตัวเอง ก่อนที่จะวางแฟนเรื่องของการพัฒนาสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่วอลโว่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยการตั้งโรงงานในระดับโลก
2. ปี 2015 – NEW TAKE ON PREMIUM ช่วงเวลาสำคัญที่วอลโว่จะต้องลุยการตลาดเต็มสูบ เพื่อสร้างประสบารณ์ใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ รวมทั้งขยายจำนวนกับผลกำไรให้ได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็เดินหน้าเริ่มวิจัยเกี่ยวกับรถยนต์แห่งอนาคต เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
3. ปี 2020 WIN THE NEXT PHASE OF MOBILITYขับเคลื่อนเพื่อตอบสนองกับTechnology Disruption ทำให้รถยนต์ของวอลโว่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในอนาคตได้ โดยอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตร และแน่นอนว่ารถยนต์ไฟฟ้า หรือว่ารถยนต์ไร้คนขับน่าจะถูกผลักดันให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมีพื้นฐานของความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นพื้นฐาน
XC40 เครื่องมือจับหัวใจคนรุ่นใหม่
ตัวอย่างหนึ่งที่เข้ามาตอบโจทย์วิสัยทัศน์ทีไ่ด้กล่าวไว้ และเป็นประเด็นสำคัญของวอลโว่ก็คือการทำกิจกรรมและสร้างภาพลักษณ์เข้าหาคนรุ่นใหม่ ที่มีความใส่ใจเรื่องของวิสัยทัศน์ใหม่ หลังจากเปิดตัว Volvo XC90 และ XC60 ในประเทศไทย ไปแล้ว เสียงแว่วว่าน้องเล็กของซี่รีส์นี้ The New XC40 ก็กำลังจะเข้ามาให้ยลโฉมในตลาดรถหรูเมืองไทย โดยหลังจากเปิดตัวที่มิลาน อิตาลี ก็เปิดตัวให้ชาวเอเชียได้เห็นที่งาน Volvo Ocean Race 2017-18ฮ่องกง รถคอมแพ็คครอสโอเวอร์รุ่นนี้ มาพร้อมดีไซน์ความสดใหม่ เผยความมั่นใจ และเปี่ยมไปด้วยพลังตามรูปแบบของรถเซกเมนต์นี้ แต่ที่พิเศษมากๆ ก็คือ ฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในรถ ที่ฉลาดและใส่ใจรายละเอียดเพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าการเชื่อมต่อสุดล้ำ ที่ผสานเทคโนโลยีอาจจะยังใช้ฟีเจอร์นี้ได้ไม่เต็มสูบนักในเมืองไทย แต่ก็เป็นแนวโน้มให้เห็นว่าวอลโว่เกาะติดเทรนด์ และถ้าหากว่าตลาดเมืองไทยพร้อม วอลโว่ก็สามารถยกเอาคุณสมับตืดังกล่าวมาให้ใช้งานได้เลย โดยรถยนต์รุ่นนี้จับกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าคนรุ่นใหม่ระดับพรีเมี่ยม กลุ่มคนเมือง ที่มีความหลงใหลในเทคโนโลยี รักในความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งเป็นรถทางเลือกให้กับผู้หญิงได้ไม่แพ้กัน
เหตุผลที่รถคันนี้เป็นได้ตามที่กล่าวมา ก็เพราะรถคันนี้ เกิดขึ้นโดยมีเบื้องหลังการโฟกัสที่ผู้บริโภคเป็นหลัก อาศัยการสอบถามผู้บริโภคนับร้อยใน 3 ภูมิภาค ว่า อะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ และอะไรคือสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่ามากเกินไปในรถ ก็จะถูกตัดออก จนเป็นที่มาของรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมี เช่น ที่วางแท็บเล็ต
สิ่งแวดล้อมเรื่องใหญ่ไม่แพ้กลยุทธ์ธุรกิจ
ภายในงาน Volvo Ocean Race 2017-2018 การแข่งขันเรือใบสุดหฤโหดที่ผู้เข้าแข่งขันต้องใช้ชีวิตและจิตวิญญาณในการแข่ง เป็นเครื่องหมายแสดงความมุ่งมั่นของวอลโว่ในเรื่องสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการแข่งขันที่ผู้เข้าแข่งขันต้องอยู่บนเรือใบ แล้วเดินทางรอบโลกกว่า 8 เดือน อาศัยการใช้ชีวิตบนเรือมากกว่าบนบก ต้องเผชิญหน้ากับความแปรปรวนของสภาพอากาศกลางมหาสมุทรอยู่ตลอด
แต่การแข่งขันที่ว่าโหดแล้ว ความหมายเบื้องหลังอยู่ที่ความใส่ใจสิ่งแวดล้อม เรือบางลำ ต้องติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้เก็บน้ำในท้องทะเลเพื่อนำมาให้นักวิจัยได้ทำการวิจัย ซึ่งเรื่องน่าเศร้าก็คือ สิ่งวอดล้อมทางทะเลของโลกแลวร้ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งเรื่องราวที่นักแข่งพบเห็นกลางทะเล ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ท้องน้ำ สัตว์ต่างๆ ก็ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านประสบการณ์ของพวกเขาด้วยเช่นกัน
เพื่อทำให้สิ่งแวดล้อมของโลกดีขึ้น ในส่วนของการแข่งขันโดยตรง เรือของผู้เข้าแข่งขันออกแบบมาจากวัสดุที่ทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ขณะที่เมื่อถึงงานอีเว้นท์ตามเมืองใหญ่ชายทะเลของโลก ก็จะมีบูธที่ให้ความรู้เรื่องของสิ่งแวดล้อม หรือการกระตุ้นให้ผู้ร่วมงานเข้าร่วมกับกิจกรรมเพื่อสิ่งแวด้ลอมอยู่ตลอดเวลา