วิธีแสดงรูปและเรียงโพสต์ก่อนหลังในไอจีหรือ Instagram นั้น สำคัญมากต่อธุรกิจหรือแม่ค้าพ่อค้าในนั้น ถ้าใครจับหลักได้ก็มีโอกาสจะถูกมองเห็นและได้ลูกค้าใหม่ๆจากในนั้นมากกว่าคู่แข่ง
แต่ “algorithm” คือหลักการเรียงการโชว์นั้นยังไม่ค่อยถูกรวบรวมไว้ชัดเจน โดยจะกระจายไปตามหน้าตอบคำถาม “Help Center” บ้าง หรืออยู่ใน Instagram Blog บ้าง
ล่าสุดเว็บไซต์ thepigeonletters.com ได้รวบรวมหลักที่ว่านี้ รวมถึงประสบการณ์จริงจากผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนมาไว้เป็นบทความ ซึ่ง BrandBuffet เราขอสรุปให้อ่านกันต่อไปนี้
1. ปริมาณการแสดงโพสต์ หรือ “Post Exposure”
เมื่อเราโพสต์อะไรสักอย่างขึ้นไอจี โดยเฉลี่ยแล้วจะมีผู้ติดตามแค่ 10% เท่านั้นที่ได้เห็น แล้วจากนั้นถ้าคนกลุ่ม 10% แรกนี้ตอบสนองดี คนที่เหลืออีก 90% ถึงจะมีโอกาสได้เห็นโพสต์บ้าง
ฉะนั้นการโพสต์ให้ได้รับการตอบสนอง เช่นกดไลค์หรือคอมเมนต์อย่างรวดเร็วจึงสำคัญมาก และธุรกิจก็ควรจะใช้แอคเคาท์แบบ Business ไว้เพราะจะได้ข้อมูลการวัดผลต่างๆที่ครบถ้วนรวดเร็วกว่าแบบคนธรรมดาทั่วไป
2. คำบรรยายภาพ หรือ “Captions”
ไม่ควรใส่ hashtags คือคำที่มีเครื่องหมาย # เกิน 5 คำ เพราะระบบจะจัดเข้าไว้เป็นข้อความแนวสแปมหรือก่อความรำคาญ และอาจทำให้โพสต์นั้นๆโดน “soft ban” หรือ “shadow ban” ได้ นั่นคือไม่โดนลบ แต่ก็ไม่ค่อยมีใครเห็น
อีกข้อห้ามสำคัญคืออย่าแก้ไขข้อความตัวเองในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังโพสต์ เพราะอาจโดนปรับลดยอดการมองเห็น เพราะมีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ
ซึ่งการโพสต์แล้วลบทันที แล้วโพสต์ซ้ำคล้ายๆเดิม ก็เข้าข่ายอาจถูกลดความน่าเชื่อถือด้วยเช่นกัน
3. การมีส่วนร่วมของผู้ชม หรือ “Engagement”
ระบบไอจีนั้นมีบัญชีดำคำสแปมอยู่ เช่นในภาษาอังกฤษคือ “Great pic!” “Love it!” และ “Nice!” โดยจะไม่นับคำเหล่านี้เป็น engagement เพราะมีบอทต่างๆใช้ปั่นโพสต์กันมาก แต่ก็ยังไม่มีการสำรวจว่ามีคำภาษาไทยคำไหนบ้างหรือไม่ที่เข้าข่ายสแปมเช่นกัน
4. ฟีเจอร์ใหม่ๆ
เมนูใหม่ๆ เช่น “Explore Feed” ที่คอยแนะนำโพสต์จากคนที่ไม่ได้ติดตามนั้น จะคอยเสนอเนื้อหาที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้ใช้แต่ละคน ฉะนั้นธุรกิจควรหมั่นสำรวจว่าโพสต์ของตัวเองได้ไปอยู่ในส่วนนี้ของคนที่น่าจะสนใจเรื่องที่เกี่ยวข้องหรือไม่ เช่น ถ้าขายนาฬิกา ก็ควรได้ไปโชว์ใน Explore Feed ของคนชอบนาฬิกา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดตามเราอยู่
ซึ่งถ้ายังไม่ได้อยู่ ก็อาจพิจารณา เพิ่ม hashtag หรือ keyword คำที่เราเกี่ยวข้องอยู่ให้ชัดๆ แต่ก็อย่ามากเกินไปดังที่ข้อก่อนๆด้านบนห้ามไว้แล้ว
สุดท้ายทางผู้เขียนได้ออกตัวไว้ว่าทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่หลักการคร่าวๆ และใครจะนำไปใช้ต้องหมั่นสังเกตและปรับแต่งให้เข้ากับธุรกิจตัวเองอยู่เสมอด้วย เพราะ Algorithm จริงๆ ของ Facebook, Instagram ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นความลับทางธุรกิจที่ไม่เปิดเผยที่ไหน