อาดิดาส แบรนด์กีฬาชั้นนำระดับโลก ตัดสินใจเลือกประเทศไทยป็นฐานที่ตั้ง “อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์” ช็อปอาดิดาสที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก นับเป็นช็อปลำดับที่ 9 ของโลก นอกเหนือจากพื้นที่กลยุทธ์อื่นๆ อาทิ ปารีส ฮ่องกง เกาหลี จีน ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ โดยมีพื้นที่กว่า 1,100 ตารางเมตร ตั้งอยู่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมจุดเด่นที่แตกต่างจากช็อปอาดิดาสแห่งอื่นๆ ด้วยจำนวนสินค้าที่ครบครันและหลากหลายกว่า รวมทั้งประสบการณ์จากการช้อปปิ้งที่ต้องมีมากกว่าแค่การเข้าไปเลือกสินค้าในช็อป เพื่อให้สอดคล้องกับ Customer Journey ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
กลยุทธ์ “Asia One” ตลาดเติบโต ต้องใส่เต็มพิกัด
ย้อนกลับไปในปี 2016 adidas เติบโตในตลาดประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน กว่า 28% คิดเป็น 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ นั่นทำให้อาดิดาสมองเห็นว่า ตลาดในเอเชีย มีการเติบโตเป็นอย่างดี และหันมาใช้ยโนบาย “Asia One” รุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัย “เซี่ยงไฮ้” เป็นศูนย์กลางถึงขนาดตั้งเป็น Headquater ของภูมิภาค ก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ และมีแผนว่าจะขยายการเติบโตในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งอาดิดาสยังไม่ได้เป็นผู้นำตลาด
เมื่อเจาะมาถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางอาดิดาสมองในภาพรวมว่าเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง ไม่แพ้ละตินอเมริกา ดังนั้น จึงต้องขยายแนวรุกในพื้นที่เหล่านี้มากขึ้น รวมทั้งเดินหน้าเปิดช่องทาง “omni-present” ผสานประสบการณ์การซื้อแบบดั้งเดิม แต่เพิ่มเติมสัมผัสใหม่ๆ ในโลกกีฬา เข้ากับช่องทางออนไลน์ ให้หลากหลายมากขึ้น โดยทางอาดิดาสคาดว่า รายได้จากช่องทางนี้จะพุ่งกระฉูด จาก 1 ล้านยูโรในปี 2016 เป็น 4 พันล้านยูโรในปี 2020
ทั้งหมดนี้คือนโยบายในระดับ Global ของอาดิดาส ที่ส่งผ่านมายังภูมิภาคนี้ และตลาดในประเทศไทย จนถือกำเนิดเป็น “อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์” (adidas Brand Center) ซึ่งหยิบเอารูปแบบและช่องทางการขายที่ประสบความสำเร็จและเหมาะสมกับตลาดเมืองไทยมาใส่ไว้ในพื้นที่กว่า 1,100 ตารางเมตร ที่เซ็นทรัลเวิล์ด เช่น บริการ Click& Collect ที่ช่วยให้การสั่งซื้ออาดิดาสออนไลน์เป็นเรื่องง่ายขึ้น
คุณเทพฤทธิ์ ไรวินท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท อาดิดาส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการตัดสินใจขยายอาดิดาส แบรนด์เซ็นเตอร์เข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากความสำคัญในฐานะ Strategic Location ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียแปซิฟิก โดยอาดิดาสนับเป็นแบรนด์กีฬาอันดับ 1 ของประเทศ ทั้งในเรื่องของ Sell Performance รวมทั้ง Brand Awareness ขณะที่การเพิ่มอาดิดาส แบรนด์เซ็นเตอร์ เข้ามา เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้บริโภคมี Engagement กับแบรนด์ได้มากขึ้น ส่งผลต่อโอกาสในการสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว รวมทั้งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ตลาด Sport Wear ในประเทศเติบโตได้เพิ่มมากขึ้นด้วย
“แบรนด์” มีผลต่อการซื้อ Sport Wear
อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้ในตลาด Sport Wear คือ ลูกค้าเริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกและโฟกัสแบรนด์มากขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่ลูกค้าอาจไม่มี Brand Loyalty มากนัก แต่จากการพัฒนาคุณภาพ เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ รวมทั้งเรื่องของดีไซน์ ในแต่ละแบรนด์ ทำให้ลูกค้าที่เคยได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว จะมีโอกาสใช้อย่างต่อเนื่อง เพราะฟังก์ขั่นต่างๆ ของสินค้าสามารถเข้ามาช่วยตอบโจทย์หรือช่วยแก้ปัญหาบางอย่างให้กับลูกค้าได้ ทำให้มีโอกาสในการ Switch ไปสู่แบรนด์อื่นๆ ได้น้อยลง
“ในส่วนของอาดิดาส ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ เพิ่มฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของลูกค้าที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ควบคู่กับการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อทำให้ลูกค้าติดตามแบรนด์ และอยากเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆ ที่แบรนด์จัดขึ้น รวมทั้งการสร้าง Awareness ให้กับแบรนด์ผ่านการทำมาร์เก็ตติ้งและกลยุทธ์ Sponsorship เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง” คุณเทพฤทธิ์ กล่าว
ขณะที่ตลาดสินค้าและอุปกรณ์กีฬาในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก ตามแนวโน้มความนิยมหันมาออกกำลังกายที่ขยายไปสู่คนกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจำนวนกิจกรรมกีฬาประเภทต่างๆ ที่มีการจัดบ่อยครั้งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความนิยมในการวิ่ง และกระแสความนิยมในกีฬาฟุตบอล ทำให้เกิดเทรนด์การใช้ Influencer ที่เน้นไอดอลจากแวดวงกีฬามากขึ้น
ประกอบกับแฟชั่น Sport Wear ที่เป็นกระแสได้รับความนิยมไปสู่วงกว้าง ทำให้เห็นการแต่งตัวแนวสปอร์ตตามไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน จากเดิมที่จะแต่งในโอกาสที่ต้องไปออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเท่านั้น รวมทั้งกระแสที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและรักตัวเองมากขึ้น ส่งผลให้มีการออกกำลังกายและให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยในการผลักดันให้ตลาด Sport Wear ขยายตัวได้ในภาพรวม
5 ความพิเศษของ adidas Brand Center
สำหรับความพิเศษของ adidas Brand Center ที่แตกต่างจากช็อปแห่งอื่นๆ ประกอบด้วย
1. การเป็น Shopping Destination ของแบรนด์กีฬาอาดิดาส จากที่ก่อนหน้านี้ช็อปของอาดิดาส ในกลุ่มสปอร์ต และออริจินัล จะอยู่แยกกัน แต่ที่นี่จะรวบรวมสินค้าไว้ครบถ้วนทุกดิวิชั่น ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล เทรนนิ่ง รันนิ่ง เทนนิส และบาสเก็ตบอล รวมทั้งยังมีสินค้า Brand Center Exclusive ที่จะมีขายเฉพาะในแบรนด์ เซ็นเตอร์แห่งเดียวเท่านั้น
2. จุดเด่นของแบรนด์เซ็นเตอร์ในแต่ละแห่ง อยู่ที่การเป็นช็อปขนาดใหญ่พื้นที่มากกว่า 1 พันตารางเมตรขึ้นไป รวมทั้งการออกแบบร้านให้มีกลิ่นอายของความเป็น Stadium หรืออัฒจรรย์กีฬา การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกับบรรยากาศเหมือนอยู่ภายในสนามกีฬา
3. การให้ความสำคัญกับ Experiential Shopping ด้วยการนำเทคโนโลยีแบบอินเตอร์แอคทีฟมาเป็นไฮไลท์ในโซน product experience เพื่อสร้างประสบการณ์ในการซื้อสินค้ารูปแบบใหม่อย่างเข้าใจ Customer Journey และช่วยเพิ่ม Brand Engagement ได้ เนื่องจาก ลูกค้าจะมีระยะเวลาและโอกาสที่จะอยู่กับแบรนด์ได้นานมากขึ้น อาทิ
– Sutu Wall โซนฟุตบอลอินเตอร์แอคทีฟ ที่มาพร้อมกำแพงดิจิตัล สำหรับให้ลูกค้าสวมใส่รองเท้าฟุตบอลอาดิดาส ทดลองเตะลูกฟุตบอลตามที่กำแพงจะชาเลนจ์ เพื่อวัดประสิทธิภาพฝีเท้าและความคล่องตัวเมื่อใส่รองเท้าฟุตบอลอาดิดาส
– Shoe Mirror เมื่อลูกค้าสวมใส่รองเท้าอาดิดาสหน้า Shoe Mirror จะสามารถบอกรายละเอียดและจุดเด่นของรองเท้าในเบื้องต้น เพื่อให้ลูกค้าทราบประสิทธิภาพรองเท้าอาดิดาสในแต่ละคู่ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการสวมใส่
– Run Lab ลู่วิ่งเทรดมิลล์ที่วิเคราะห์รูปเท้า เพื่อช่วยหารองเท้าที่เหมาะสมสำหรับรูปเท้า พร้อมทั้งข้อมูลและรายละเอียดกิจกรรมในแต่ละเดือนของทีม adidas Runners Bangkok
– Print Screen บริการสกรีนชื่อและเบอร์ลงบนเสื้อฟุตบอลสโมสรและเสื้อฟุตบอลทีมชาติที่วางจำหน่ายในร้าน
4. adidas Brand Center ทั่วโลก ล้วนครีเอทขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Here To Create สะท้อนถึงความสำคัญในการนำความคิดสร้างสรรค์มาเป็นเครื่องปลดล็อกข้อจำกัด และเพิ่มศักยภาพในการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาของแต่ละคน เพื่อให้สามารถคิดนอกกรอบ สร้างความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ทำให้มีความสุขและสนุกกับการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา ตามความเชื่อของอาดิดาสทั่วโลก ที่เชื่อมั่นในพลังของกีฬาที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตได้
5. เพื่อรองรับเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ยังมี Pain Point สำคัญที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องพบเจอจากการสั่งสินค้าผ่านออนไลน์ จากการไม่ทราบวันเวลาที่สินค้าจะมาส่งอย่างแน่ชัด ทำให้เกิดความยุ่งยากในการติดตามรับของ แบรนด์เซ็นเตอร์แห่งนี้ จึงเป็นจุดบริการ Click & Collect สำหรับอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ สามารถมารับของที่ช็อปแห่งนี้ได้ด้วย