หลังการรุกตลาดอย่างจริงจังทั้งในมิติของการสร้างแบรนด์ รวมทั้งเพิ่มโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่เพื่อขยายกำลังผลิตรับดีมานด์ในตลาดที่ขยายตัว ประกอบกับการมีพรีเซ็นเตอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่การสร้างภาพลักษณ์และการผลักดันยอดขาย ทำให้มาร์เก็ตแชร์ในตลาดของ “คริสตัล” ขยับเข้ามาอยู่ใกล้ผู้นำตลาดรายเดิมได้มากขึ้น จนสามารถเบียดสลับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งผู้นำตลาดได้ในบางช่วง
จนกระทั่งล่าสุด คริสตัลสามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำดื่มมาได้ 6 เดือนต่อเนื่อง นับจากเดือนสิงหาคม 2560 ในปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมีส่วนแบ่งในตลาด 20% จากมูลค่าตลาด 35,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีส่วนแบ่ง 17% พร้อมตัวเลขการเติบโต 11% ซึ่งค่อนข้างสวนทางกับภาพรวมตลาดที่ลดลง 2%
ครองตลาดทั้งในไทยและอาเซียน
ขณะที่การบุกตลาดของคริสตัลเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำดื่มไว้ได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้นั้น คุณเลสเตอร์ เต็ก ชวน ตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวไว้ว่า จะให้ความสำคัญทั้งในมิติของการทำตลาดเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความสามารถในการกระจายสินค้าอย่างทั่วถึง ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาส่วนแบ่งในตลาด และยังเป็นการตอกย้ำจุดแข็งที่สอดคล้องกับปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้ในการเลือกซื้อน้ำดื่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพ ราคา รวมทั้งความสามารถในการเข้าถึงสินค้าที่ต้องหาซื้อได้โดยสะดวก
โดยเป้าหมายที่วางไว้คือ การเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดให้มากขึ้น โดยเฉพาะจากแบรนด์เล็กๆ ที่เริ่มค่อยๆ หายไปจากตลาด หลังจากที่กลุ่ม Key Brand ต่างลุกมาทำตลาดกันอย่างถ้วนหน้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดมีความคึกคักและสามารถขยายตัวได้มากกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับปัจจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างภาษีของเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลทำให้อาจเกิดการปรับราคาขึ้นจากเดิม รวมทั้งกระแสความใส่ใจในสุขภาพที่จะส่งผลให้ตลาดน้ำดื่มขยายตัวได้เพิ่มมากขึ้น
“ขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้นและจำนวนผู้เล่นที่อาจจะเหลือแค่รายหลักๆ ทำให้คริสตัลมีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดได้อย่างแข็งแรงขึ้น ประกอบกับศักยภาพในการทำตลาดและทีมงาน รวมทั้งงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ทำให้คริสตัลสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังว่าจะมีส่วนแบ่งในตลาดในปีนี้ได้อย่างน้อย 25%”
ทั้งนี้ คริสตัลไม่ได้มองภาพการเป็นผู้นำในตลาดน้ำดื่มเฉพาะแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ Next Step คือ การเป็นผู้นำตลาดน้ำดื่มของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการขยายการลงทุนร่วมกับเครือข่ายของไทยเบฟฯ ในแต่ละประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการวางแผนและเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคต โดยเชื่อว่าจะสามารถเห็น Big Move ที่จะเกิดขึ้นกับคริสตัลในการขยับฐานะไปสู่ Regional Brand ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ภายใต้แผนขับเคลื่อนธุรกิจตามโรดแม็พ VISION 2025 ของบริษัทภายในเครือไทยเบฟเวอเรจทั้งหมดที่จะมีการประกาศให้ทราบหลังจากปี 2020 เป็นต้นไป
กระตุ้นให้เรียก “คริสตัล” แทนน้ำดื่ม
ส่วน Marketing Campaign ที่จะใช้สื่อสารในปี 2561 อยู่ภายใต้แนวคิด “สั่งน้ำดื่ม เจาะจงคริสตัล” เพื่อตอกย้ำความแตกต่างในเรื่องของคุณภาพระหว่างแบรนด์คริสตัลกับน้ำดื่มทั่วไป ด้วยภาพลักษณ์แบรนด์ที่สะท้อนถึงคุณภาพและความทันสมัย ทำให้เป็นเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อเป็นอันดับ 1 โดยยังคงใช้ “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 หลังการตอบรับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สามารถช่วยให้แบรนด์มีความแข็งแรงขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น Top of Mind Brand หรือ Brand Awareness ที่อยู่ในระดับสูงถึง 93%
“แคมเปญในปีนี้เพื่อต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในการสั่งน้ำดื่มทั่วๆ ไป มาเป็นการเรียกชื่อแบรนด์ “คริสตัล” ในทุกๆ ครั้งที่ต้องการสั่งน้ำดื่ม เพื่อให้ผู้บริโภคคุ้นเคยการเรียกชื่อแบรนด์แทนการเรียกน้ำดื่มหรือน้ำเปล่าแบบทั่วๆ ไป และช่วยตอกย้ำความเป็นแบรนด์น้ำดื่มคุณภาพที่แตกต่างให้กับผู้บริโภคอีกทางหนึ่ง โดยยังใช้พรีเซ็นเตอร์เป็น “นาย ณภัทร” เพราะสามารถสะท้อนภาพลักษณ์สินค้าออกมาได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะในแง่ของความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ รวมทั้งมีสำนึกที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม”
ขณะที่การขับเคลื่อนแคมเปญจะทำครบทั้ง 360 องศา ตลอด 4 เดือนจากนี้ ทั้ง TVC, Digital Media, In-store Media, PR, กิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งนอกจากมีพรีเซ็นเตอร์คือ นาย-ณภัทร แล้ว ยังได้จับมือกับ วู้ดดี้ เวิลด์ ในการสร้างกิจกรรม “Community Work Out” ชวนคนไทยหันมาดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย ร่วมด้วย “โดม-ปกรณ์ ลัม” และ “ไอซ์-อภิษฎา” มาช่วยสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภคได้เพิ่มมากขึ้น
“ไปไหนก็มีคริสตัล” เป้าหมาย Distribution
ในส่วนของการเข้าถึงผู้บริโภคมีแผนกระจายสินค้าให้ครอบลุมทั่วประเทศผ่าน 12 โรงงานในเครือ ที่กระจายสินค้าไปในแต่ละภาค ด้วยกำลังผลิตรวมในปัจจุบัน 1,200 ล้านลิตร และคาดว่าจะเพียงพอต่อการรองรับดีมานด์ที่จะขยายตัวได้มากขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งมีแผนจะลงทุนโรงงานเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง ในพื้นที่ที่มีปริมาณความต้องการสูง เพื่อเพิ่มการกระจายสินค้าได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
“การกระจายสินค้าได้อย่างครอบคลุม เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คริสตัลสามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดได้ โดยปัจจุบันคริสตัลมี 12 โรงงานในการผลิต รถกระจายสินค้ามากกว่า 1 พันคัน รวมทั้งรถจักรยานยนต์เพื่อสนับสนุนการส่งในพื้นที่ย่อยๆ อีกราว 300 คัน เพื่อให้ครอบคลุมจุดจำหน่ายทั้งในร้านค้าทั่วไป รวมทั้งโมเดิร์นเทรด โดยเป้าหมายคือการเข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด ไม่ว่าจะไปไหนก็สามารถหาซื้อคริสตัลได้ หรือ Crystal Everywhere นั่นเอง”
นอกจากนี้ คริสตัลยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้รับรางวัลรับรองมาตรฐานคุณภาพการผลิตที่ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม จากสถาบันที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ โดยเป็นแบรนด์แรกที่ได้รับมาตรฐาน NSF International จากสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้นำในการผลิตน้ำดื่มคุณภาพมาตรฐาน ISO 22000 Food Safety, มาตรฐานฮาลาล, การรับรองคาร์บอนฟุตปริ้นท์ขององค์กร และการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตปริ้นท์ ของผลิตภัณฑ์ รวมทั้ง รางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ถึง 5 ครั้ง
“คริสตัลยังให้ความร่วมมือกับกรมควบคุมมลพิษในโครงการ “เลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม” ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และขยายผลความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากภายในสู่ภายนอกกับกิจกรรม Crystal Open House เปิดโอกาสให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตน้ำดื่มคริสตัลทั่วประเทศ รวมทั้งมอบ Upcycling Station หรือสถานีรักษ์โลก สำหรับแยกชิ้นส่วนฝา, ฉลาก และขวดพีอีที รวมทั้งแผนที่จะนำ Recycle Machine ไปจัดกิจกรรมให้ผู้บริโภคนำขวดเปล่าพีอีทีมาแลกรับน้ำดื่มคริสตัล 350 มล. ภายในกลางปี 2561 อีกด้วย”