เพราะการทำงานในออฟฟิศต้องมีงานเอกสารมากมาย เครื่องพรินเตอร์จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ และคงจะดีไม่น้อย หากมีเครื่องพรินเตอร์ที่มีฟังก์ชั่นตอบโจทย์ครบทุกการใช้งานในสำนักงาน ที่ช่วยลดต้นทุนและเปี่ยมด้วยคุณภาพที่เหนือชั้น
เอปสันตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ระบบแท็งค์ของไทย ด้วย L-Series ที่ออกแบบมาเพื่อองค์กรทุกรูปแบบทั้งขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก โซโห ไปจนถึงโรงเรียน ด้วยฟีเจอร์พิเศษที่เอปสันคิดค้นและพัฒนาขึ้นเป็นรายแรกและรายเดียว ที่สามารถพิมพ์ 2 หน้าได้อัตโนมัติ ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนการพิมพ์ทั้งค่าหมึกและค่ากระดาษ รวมทั้งยังออกแบบระบบแทงค์หมึกให้เติมง่ายด้วยขวดหมึกแบบสุญญากาศ จึงไม่หกเลอะเทอะ พร้อมเขี้ยวล็อค ป้องกันการเติมหมึกผิดสี นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ จบในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็น เครื่องพิมพ์ สแกน ถ่ายเอกสาร แฟกซ์ และ Wi-Fi รวมทุกอย่างนี้ไว้ในเครื่องเดียว
โดยเกิดจากการพัฒนาที่ศึกษาการใช้งานของผู้ใช้งานที่ผ่านมา แล้วนำมาปรับให้เกิดความลงตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตัวเครื่องให้มีขนาดเล็กลง ประหยัดพื้นที่ในการจัดวาง การออกแบบช่องเติมหมึกให้สามารถเติมได้สะดวกไม่หกเลอะเทอะ รวมถึงระบบการป้องกันการเติมหมึกผิดสี และอื่นๆ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าให้ได้อย่างลงตัวที่สุด
เอปสัน L-Series มีทั้งหมด 5 รุ่นด้วยกัน คือ L4150, L4160, L6160, L6170 และ L6190 รองรับงานพิมพ์ปริมาณมากด้วยความเร็วสูง และให้ต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นที่สุดประหยัด โดยต้นทุนงานพิมพ์สีอยู่ที่ 13 สตางค์ และพิมพ์ขาวดำอยู่ที่ 5 สตางค์ ทั้งยังสามารถพิมพ์สองหน้า (Duplex) แบบอัตโนมัติ และพิมพ์แบบไร้ขอบ (Borderless) ได้ใหญ่สุดถึงขนาด A4
นายยรรยง มุนีมงคงทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่าปัจจุบันลูกค้าองค์กรธุรกิจมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อพรินเตอร์มากขึ้น นอกเหนือจาก ความคุ้มค่าในการลงทุนและประหยัดค่าพิมพ์ต่อแผ่นแล้ว ยังต้องการเครื่องที่พิมพ์งานได้เร็วยิ่งขึ้น โดยที่คุณภาพไม่ลดลง ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ ไปจนถึงประเภทของน้ำหมึกที่ใช้ ต้องให้ผลงานที่สวยงาม คงทน ซึ่งเอปสันสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ในทุกด้าน รวมไปถึงในด้านตัวสินค้าที่มีความทนทาน และด้านการทำงานที่มีประสิทธิภาพและให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ดีกว่าคู่แข่ง เพราะผ่านการประกอบและการควบคุมคุณภาพการผลิตจากโรงงานของเอปสันเอง
“นอกจากนี้ ในตลาดยังไม่มีเครื่องคู่แข่งที่สามารถพิมพ์ Duplex แบบอัตโนมัติได้ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยประหยัด ต้นทุนค่ากระดาษในออฟฟิศลงได้ถึง 50% สอดรับกับเทรนด์การพิมพ์งานในออฟฟิศวันนี้ที่มุ่งลดการใช้กระดาษมากขึ้น จุดเด่นอีกประการของสินค้าใหม่ที่เปิดตัวในครั้งนี้คือขนาดเครื่องที่เล็กลง ประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน และระบบการเติมหมึกแบบใหม่ที่ป้องกันการหกเลอะและปัญหาการเติมหมึกผิดสี ด้วยหัวล็อคช่องเติมหมึกบนแท็งค์ และจุกขวดน้ำหมึกที่ได้รับการออกแบบให้มีความแตกต่างเฉพาะตัวของแต่ละสี สินค้าทุกรุ่นยังเพิ่มระยะเวลาการรับประกันเป็น 2 ปี เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับลูกค้า” นายยรรยง กล่าว
โดยเอปสันเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่มีอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ระบบแท็งค์มากที่สุดถึง 18 รุ่นในตลาด ลูกค้าจึงสามารถเลือกใช้รุ่นที่เหมาะกับงบประมาณและปริมาณการพิมพ์ในออฟฟิศของตัวเองได้อย่างลงตัว ไม่ต้องกังวลกับต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นที่สูงหรือการเปลี่ยนตลับหมึกอีกต่อไป อีกทั้งมีการนำหมึกพิกเมนท์สีดำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณการพิมพ์งานขาวดำได้มากขึ้น จากเดิม 6,000 แผ่นต่อหมึก 1 ขวดเป็น 7,500 แผ่น
ปัจจุบันการแข่งขันจะเน้นในเรื่องของต้นทุนการพิมพ์ที่พยายามทำให้ต่ำที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องของความประหยัด ซึ่งในส่วนนี้ทางเอปสันมีต้นทุนการพิมพ์อยู่ที่ประมาณ 5.3 สตางค์ / 13 สตางค์ (ขาวดำ / สี)* *เฉพาะเครื่องพิมพ์ L-Series รุ่น L4150 / L4160 / L6160 / L6170 / L6190 และอ้างอิงต้นทุนการพิมพ์มาตรฐาน ISO ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนสำหรับหมึกพิมพ์แล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในเรื่องกระดาษด้วยอุปกรณ์กลับหน้ากระดาษอัตโนมัติ เอปสันเป็นแบรนด์เดียวที่มี feature นี้
สำหรับภาพรวมของธุรกิจในกลุ่มสินค้าอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ระบบแท็งค์ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากในตลาดนี้มีผู้ผลิตทั้งหมด 4 ราย เอปสันมีสัดส่วนการตลาดอยู่ที่ 46% ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 48 ล้านบาท ทิ้งห่างจากคู่แข่งที่มีสัดส่วนรองลงมาถึง 21% (คู่แข่งมีสัดส่วน 25%)