อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เดินหน้าลุยงานกลุ่มธุรกิจโอน โปรเจค (Own Project) ภายใต้การสร้างสรรค์งานพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะทั่วภูมิภาคอาเซียนตลอดปี 2018 ชูเทรดแฟร์บุกตลาดทั้งใน และต่างประเทศ เครื่องมือสำคัญในการขยายตลาด สร้างแบรนด์ดิ้ง และสร้างเครือข่ายทางการค้า และการลงทุน ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมด้านการก่อสร้าง ด้านอาหาร และเครื่องดื่ม ด้านการรีเทล การท่องเที่ยว ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ผู้บริโภค เชื่อมโยงประสบการณ์ธุรกิจระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ผ่านรูปแบบการสร้างแพลตฟอร์มที่แตกต่าง หนุนการเติบโตธุรกิจในระดับนานาชาติ
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า “ด้วยความตั้งใจของบริษัทในการขยายธุรกิจโดยใช้ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ เป็นหลัก ทำให้การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของอินเด็กซ์ฯ มีความแข็งแกร่ง และเติบโตต่อเนื่อง มีโอกาสขยายธุรกิจออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ ก้าวสู่บริษัทที่เป็น International Company สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายรูปแบบที่ไม่ได้จำกัดในเรื่องของงานอีเว้นท์เพียงอย่างเดียว ทั้งในภูมิภาคยุโรป และเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น ประเทศเมียนมา เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น เรียกว่าอินเด็กซ์ฯ มีความพร้อมทั้งด้านกำลังคน เครื่องมือ อุปกรณ์ และความเชี่ยวชาญในตลาดเป็นอย่างมาก โดยใช้ในเรื่องของการวิเคราะห์ และการวิจัย ที่สร้างความแม่นยำในการทำตลาดให้มีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ ประกอบกับการปรับกลยุทธ์ของบริษัทให้เข้ากับยุคสมัย ทำให้อินเด็กซ์ฯ ได้รับความไว้วางใจ และเป็นที่รู้จักทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงแบรนด์ในประเทศอาเซียน และแบรนด์ระดับโลก
และอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญในการขยายตลาด คือ กลุ่มของงานเทรดแฟร์ บริหารงานโดยบริษัทไอซีเว็กซ์ (ICVex) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเทรดแฟร์ และเอ็กซ์ซิบิชั่นแห่งภูมิภาคอาเซียน บริษัทในเครือของอินเด็กซ์ฯ ที่ได้เข้าไปเปิดตลาดต่างประเทศ เริ่มจากประเทศเมียนมาเป็นที่แรก ตั้งแต่ปี 2014 ด้วยการสร้างงานเทรดแฟร์ที่เป็นลิขสิทธ์เฉพาะของอินเด็กซ์ฯ โดยปัจจุบันมีเทรดแฟร์ประจำปีทั้งหมด 4 งาน ทั้งที่ประเทศเมียนมา และกัมพูชา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี มีกลุ่มลูกค้าจากนานาชาติ ทั้งนักธุรกิจ นักลงทุน และประชาชนทั่วไป สอดคล้องกับการเติบโตของตัวเลขกลุ่มธุรกิจเทรดแฟร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยมีการเติบโตถึงร้อยละ 5-10 ในปี 2560 และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการขยายตัวเศรษฐกิจเมียนมาด้วยอัตรา GDP ที่สูงกว่า 7% การเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง (Urbanization) การใช้ชีวิตแบบเมืองใหญ่ที่ส่งผลถึงไลฟสไตล์ที่เปลี่ยนแปลง ทั้งด้านการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต การผ่อนสินค้า การท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับการเติบโตฝั่งเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชากับสภาพทางการเมืองที่มั่นคง และมีอินฟราสตรัคเจอร์ที่ได้มาตรฐาน เอื้ออำนวยต่อการลงทุนของชาวต่างชาติ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนี้ ถ้าพิจารณาในเรื่องของมูลค่าในการลงทุน อาจจะยังไม่สามารถเทียบได้กับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย แต่เป็นตลาดที่กำลังการผลิตในประเทศค่อนข้างต่ำ จึงเป็นโอกาสในการนำสินค้าที่ผลิตจากต่างประเทศ เพื่อสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศได้เป็นอย่างดี
ล่าสุดอินเด็กซ์ฯ เปิดโปรไฟล์งานเทรดแฟร์ในต่างประเทศประจำปีที่จัดขึ้นต่อเนื่อง คือ
ประเทศเมียนมา
1. งานเมียนมา อินเตอร์เนชั่นแนล ทัวร์ริซึ่ม เอ็กซ์โป (Myanmar International Tourism Expo) งานแสดงสินค้างานใหม่ล่าสุด เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่มีไลฟ์สไตล์นิยมท่องเที่ยวมากขึ้นของชาวเมียนมา โดยชาวเมียนมานิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่า 1 ล้านคน และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ จัดขึ้นในวันที่ 20-22 กรกฏาคม 2561
2. งานเมียนมา ฟู้ด เบฟ (Myanmar FoodBev) งานแสดงสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม
3. ควบคู่กับ งานเมียนมา รีเทล ซอสซิ่ง เอ็กซ์โป (Myanmar Retail Sourcing Expo) งานแสดงสินค้ากลุ่มธุรกิจรีเทล รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ในร้านค้าอย่างครบวงจร อย่าง โมเดิร์น เทรด ที่ได้รับความนิยมจากประเทศ เมียนมา จัดขึ้นในวันที่ 17-19 สิงหาคม 2561
4. งานเมียนมา บิวท์ แอนด์ เดคคอว์ (Myanmar Build & Decor) งานแสดงสินค้านวัตกรรม และเทคโนโลยีกลุ่มธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และการตกแต่งภายใน จัดขึ้นในวันที่ 4-6 ตุลาคม 2561
5. และที่ประเทศกัมพูชา กับ งานแคมโบเดีย อาคิเทค แอนด์ เดคคอว์ (Cambodia Architect & Décor)
งานแสดงสินค้าด้านกลุ่มธุรกิจการก่อสร้าง และสถาปนิกที่ครบวงจร ซึ่งต่อยอดจากความสำเร็จจากการจัดงานที่ประเทศเมียนมา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามอง โดยมีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดด ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของชาวกัมพูชาที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทที่สำคัญขึ้น ทำให้ความต้องการด้านชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้านสภาพแวดล้อม และคอมมูนิตี้ ทั้งในด้านคุณภาพ และการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างมูลค่า และสุนทรียภาพการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้น จากความต้องการนี้ ส่งผลให้ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจออกแบบ กลายเป็นธุรกิจที่ถือเป็นดาวรุ่งในขณะนี้ของกัมพูชา ทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนธุรกิจทั้งหมู่บ้าน และคอนโดอย่างต่อเนื่อง จัดขึ้นในวันที่ 24-26 พฤษภาคมนี้
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวเพิ่มเติม “จากการชูกลยุทธ์สร้างแพลตฟอร์มที่แตกต่าง เพื่อเจาะกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในรูปแบบของโมเดลเทรดแฟร์ เพื่อหนุนการเติบโตธุรกิจในระดับนานาชาติ ไอซีเว็กซ์ยังมีความแกร่งในด้านการบริการเป็นที่ปรึกษา และรับบริหารจัดงานเทรดแฟร์สำหรับนักลงทุน หรือผู้จัดงานจากทั้งใน และต่างประเทศ เรียกว่าครอบคลุมตลาดในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการเติบโตของผลประกอบการสูงถึงร้อยละ 60 มีสัดส่วนเป็นผู้ประกอบการจากประเทศไทยมากกว่าร้อยละ 85 ที่ต้องการขยายการลงทุนตลาดในประเทศเป็นหลัก และลูกค้าต่างชาติ มีสัดส่วนร้อยละ 15 ซึ่งเป็นลูกค้าจากทั่วโลก สร้างแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟสไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างครบวงจร ทำให้เทรดแฟร์มีความแตกต่าง และโดดเด่น รวมถึงยังเสริมสร้างเครือข่ายให้กับ 1.กลุ่มผู้จัดงานแสดงในแง่ของเป็นช่องทางเปิดตลาดของสินค้า และบริการ ทั้งในด้านของการขยาย network การทำแบรนด์ดิ้ง กระตุ้นยอดขาย รวมถึงสร้างโอกาสต่อยอดโปรเจคงานอื่นๆ 2.กลุ่มผู้เข้าชมงาน ที่ได้รับการบริการ และการนำเสนอสินค้า และบริการที่มีคุณภาพจากนานาชาติ ที่ไม่เคยมีโชว์ในที่อื่นมาก่อน และ 3.กลุ่มภาครัฐ และสมาคม สร้างโอกาสการพัฒนาในด้านการประชุม อบรม การแข่งขัน การประกวด และการจัดแสดงผลงาน ให้ความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อเกิดการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งซัพพลายเชนให้เติบโตไปด้วยกัน”
“โดยในปี 2018 อินเด็กซ์ฯจะเน้นบุกตลาดด้วยการทำธุรกิจอีเว้นท์แบบ ‘โอน โปรเจค’ มากยิ่งขึ้น อาทิ ด้านกลุ่มบิซซิเนส อคาเดมี (Business Academy) กับงานเอ็กซ์คลูซีฟเวิร์คช็อป สร้างธุรกิจให้ใหญ่ จากสิ่งเดิมที่มีอยู่ ครั้งที่ 3 ที่จะมา
แชร์ความรู้ เทคนิค ประสบการณ์ และคอมเม้นท์ แบบตัวต่อตัวจากซีอีโออินเด็กซ์ฯ ในวันที่ 22-23 มีนาคมนี้ และกลุ่มสปอร์ต แอนด์ เฟสทีฟ อีเว้นท์ (Sport & Festive event) ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก กับงานกิโลรัน (KILORUN) เทศกาลงานวิ่งรูปแบบใหม่ ที่การวิ่ง กิน เที่ยว คือ เรื่องเดียวกัน และไม่ได้วัดผลด้วยกิโลเมตรเพียงอย่างเดียว แต่วัดผลด้วยกิโลกรัม ซึ่งเป็นเทรนด์ทั่วโลกที่กำลังมาแรง ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของคนในยุค2018 ที่ไม่ได้ถูกจำกัดในประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งออกไอเดียสร้างสรรค์นี้สู่ตลาดต่างประเทศ ณ เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ โอซาก้า ประเทศญี่ปุน ฮานอย ประเทศเวียดนาม บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และเริ่มต้นประเดิมกันที่แรก ณ ลานคนเมือง กรุงเทพฯ ประเทศไทย ในวันที่ 24-25 มีนาคมนี้ มั่นใจตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่มธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 25% ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างงาน โปรไฟล์ภายใต้แบรนด์อินเด็กซ์ฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”