ยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจของ “PepsiCo” สร้าง Brand Portfolio ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหารกว่า 22 แบรนด์ โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
– Fun-For-You ผลิตภัณฑ์สำหรับช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน เช่น มันฝรั่งเลย์ โดริโทส ซีโตส เครื่องดื่มเป๊ปซี่ มิรินด้า เมาเทนดิว
– Better-For-You ผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภค โดยกลุ่มอาหาร เป็นประเภทขนมขบเคี้ยวใช้กรรมวิธีการอบ ไขมันต่ำ และมีส่วนประกอบของธัญพืช เช่น มันฝรั่ง Baked Lay’s, มันฝรั่ง Stacy’s ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มน้ำตาลน้อย มีแคลอรี่ต่ำ และไม่มีแคลอรี่ เช่น เครื่องดื่ม Pepsi Next, เครื่องดื่มเลมอน ไลม์ H2OH!
– Good-For-You ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ เป็นสินค้าประเภทน้ำผัก น้ำผลไม้ ธัญพืช เครื่องดื่มและอาหารที่ให้พลังงาน เช่น แบรนด์ Quaker, น้ำผลไม้ Tropicana, ขนมธัญพืช Sunbites, น้ำดื่ม Aquafina
หนึ่งใน Mega Trend ของโลก ที่ทำให้ผู้ผลิตเครื่องดื่มและอาหารยักษ์ใหญ่อย่าง “PepsiCo” ไม่อาจมองข้ามได้ คือ “Healthy Lifestyle” ที่ผู้คนหันมาเลือกสรรอาหารการกิน ออกกำลังการ เพื่อดูแลสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับกระแส “Personalization” ในยุคดิจิทัลทำให้ผู้บริโภคมีความเป็นปัจเจกบุคคล ที่มองหาสินค้า-บริการที่บ่งบอกความเป็นตัวตน
“Drinkfinity” ดาวเด่นดวงใหม่สายสุขภาพของ PepsiCo
จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ในที่สุด “PepsiCo” ในสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวเครื่องดื่มสุขภาพรูปแบบใหม่ ในชื่อ “Drinkfinity” หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทดลองทำตลาดในบราซิลเมื่อปี 2014 และประสบความสำเร็จ จนนำมาสู่การเปิดตัวเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในครั้งนี้
ความน่าสนใจของเครื่องดื่ม “Drinkfinity” อยู่ที่แนวคิดการพัฒนาสินค้าที่ต้องการเป็นมากกว่าเครื่องดื่มเติมความสดชื่นให้กับร่างกาย (Hydration) แต่ยังตอบโจทย์เรื่อง “สุขภาพ” และ “ไลฟ์สไตล์” ด้วยเช่นกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “peel, pop and shake” ซึ่งประกอบด้วย ขวดน้ำ 1 ใบขนาด 20 ออนซ์ ที่สามารถพกพาและนำกลับมาใช้ซ้ำได้ และ Pod หรือถ้วยเล็กๆ บรรจุน้ำผลไม้สกัดเข้มข้น Açaí, ทับทิม, ขิง, Elderflower, น้ำมะพร้าว, แตงโม แบ่งเป็น 4 กลุ่ม 12 รสชาติ ได้แก่
“Charge” ทำมาจากเมล็ดกาแฟดิบ (green coffee extract) เมื่อผสมกับน้ำเปล่าในปริมาณที่กำหนด จะได้คาเฟอีนเทียบเท่ากาแฟ 1 ถ้วย เหมาะสำหรับเป็นเครื่องดื่มยามเช้า
“Flow” เติมพลังระหว่างวันด้วยสารสกัดจากวิตามิน C & E
“Renew” สำหรับคนที่ออกกำลังกาย ต้องการฟื้นฟูร่างกายจากการเสียเหงื่อและพละกำลัง
“Chill” สำหรับช่วงเวลาพักผ่อน
ขั้นตอนการทำ เพียงแค่เทน้ำเย็นใส่ขวด จากนั้นเลือก Pod รสชาติที่ต้องการ วางลงไปที่ปากขวด เพียงเท่านี้ก็ได้เครื่องดื่มที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในแต่ละช่วงวัน โดยแต่ละรสชาติไม่ใช้สารให้ความหวานเทียม และให้พลังงาน 30 – 80 แคลอรี่ ต่อเครื่องดื่มขนาด 20 ออนซ์
การทำตลาด “Drinkfinity” ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักของ PepsiCo นับเป็นความพยายามในการสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มสินค้า Non-carbonated Drink เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจในวันที่แนวโน้มการบริโภค “น้ำอัดลม” ในกลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มลดลง และหันมาซื้อเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ทั้งความสดชื่น และสุขภาพ
คงต้องติดตามต่อว่าหลังจากเปิดตลาดสหรัฐฯ แล้ว ถ้าประสบความสำเร็จ “PepsiCo” จะขยายมายังตลาดภูมิภาคเอเชียหรือไม่ ?!?
https://www.youtube.com/watch?v=ImYEAYYlBJk