Developer ทุกวันนี้ ไม่ได้มีหน้าที่แค่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ความสำคัญเพียงแค่เรื่องของการปลูกบ้านให้มีคุณภาพที่ดีตามมาตรฐาน ดีไซน์สวยงาม หรือการพัฒนานวัตกรรมในเรื่องของการก่อสร้างเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญในการเติมเต็มประสบการณ์ให้กับผู้อยู่อาศัยได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Infrastructure ต่างๆ ภายในโครงการทั้งในรูปแบบของออฟไลน์หรือออนไลน์ รวมทั้งต้องสามารถตอบโจทย์ความสะดวกในการเดินทางซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค
ที่ผ่านมาเราจึงเห็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ เลือกทำเลที่ตั้งให้อยู่ใกล้รถไฟฟ้าเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกในการใช้ชีวิต สามารถเดินทางได้อย่างครอบคลุมโดยไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์เป็นของตัวเอง แต่ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันไปในแต่ละวันทำให้บางครั้งยังมีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์มาเป็นตัวช่วยในการเดินทาง ขณะที่บางคนอาจจะยังไม่ต้องการซื้อรถ ส่งผลให้เทรนด์ของ Sharing Economy เป็นอีกหนึ่งกระแสที่เติบโตและได้รับความนิยมในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน
เปิดตัว Smart Move ตอบโจทย์ Experience ลูกบ้าน
ดร.ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ใหม่เพื่อเติมเต็ม Living Experience ให้ลูกบ้านได้อย่างสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการศึกษาเพื่อให้เข้าใจ Consumer Insight ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ว่ากำลังมองหาหรือให้ความสำคัญกับเรื่องใดบ้าง เพื่อนำมาพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในปัจจุบันอย่างครบถ้วน (Complete Your Living Experience)
“คนรุ่นใหม่จะมองหาสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการเดินทางที่ต้องตอบโจทย์และมีความครบวงจรมากกว่าแค่การมีทำเลใกล้รถไฟฟ้า เพราะในบางครั้งยังต้องมีการเดินทางไปในสถานที่ที่รถไฟฟ้าไปไม่ถึง หรือในชีวิตประจำวันที่อาจต้องการรถสำหรับใช้บรรทุกสัมภาระหรือสิ่งของที่ไปซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้รถยนต์ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในบางโอกาส บริษัทจึงได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Smart Move เพื่ออำนวยความสะดวกในทุกๆ ไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านด้วยบริการเช่ายานพาหนะอย่างครบวงจรที่มีอยู่ภายในโครงการของแสนสิริ”
สำหรับบริการ Smart Move เริ่มเปิดตัวครั้งแรกราวๆ ปลายปีที่ผ่านมา ด้วยบริการนำรถยนต์ไฟฟ้า BMWi3 มาให้ลูกบ้านภายในโครงการเช่าในรูปแบบของ Sharing Economy โดยเริ่มนำร่องที่โครงการ เดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต และถือเป็นครั้งแรกของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในการอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านด้วยการมีรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Fully Electric) มาให้เช่าในโครงการ โดยในปีนี้ได้ต่อยอดแพลตฟอร์มการให้บริการให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้งานที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่ม Car Sharing เพื่อเพิ่มรูปแบบยานพาหนะสำหรับเช่าในโครงการให้มีความหลากหลายรองรับการใช้งานที่แตกต่าง ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถจักรยาน หรือบริการจากอูเบอร์ที่มีทั้งรถพร้อมคนขับเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง
ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Smart Move จะถูกพัฒนาเข้าไปเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นที่อยู่บน Sansiri Home Service Application ที่ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านในโครงการของแสนสิริ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับระบบ IoT เพื่อดูแลและจัดการกับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องพัก หรือการแจ้งปัญหาต่างๆ ให้กับส่วนกลางทราบ รวมทั้งการใช้บริการเสริมต่างๆ จากพาร์ทเนอร์ เช่น บริการ Smart Move เป็นต้น
ผนึก 6 พันธมิตร สู่ยุค Car Free Living
ประเทศไทยเป็นหนึ่งประเทศที่ติดอันดับการจราจรติดขัด โดยข้อมูลจากอูเบอร์ ระบุว่า คนไทยเสียเวลาไปกับการจราจรในแต่ละวันและการหาที่จอดรถวันละไม่ต่ำกว่า 72 นาที หรือปีหนึ่งๆ เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ถึง 24 วัน ขณะที่ข้อมูลจาก Haupcar ผู้ให้บริการ Car Sharing รายแรกของไทยพบว่า รถหนึ่งคันที่ถูกซื้อมาจะถูกขับใช้งานโดยเจ้าของเพียง 10% ที่เหลือจะเป็นการจอดทิ้งไว้เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ระบบร่วมเดินทางและการเติบโตของ Sharing Economy จะเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยังลดปริมาณการปล่อยมลพิษสู่บรรยากาศให้น้อยลงได้ตามจำนวนรถที่วิ่งบนถนน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจจนกลายมาเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่เติบโตได้อย่างดี และสอดคล้องกับเหตุผลในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Smart Move ของแสนสิริเช่นกัน
การให้บริการ Smart Move ของแสนสิริได้ร่วมกับ 6 พาร์ทเนอร์ชั้นนำทั้งของไทยและระดับโลก ทำให้มียานพาหนะหลากหลายรูปแบบเพื่อให้บริการลูกบ้านได้ครบถ้วนในทุกการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้ลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนตัวลงได้ โดยเฉพาะการเลือกรถในกลุ่มรถไฟฟ้ามาทำ Car Sharing ที่นอกจากจะลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวลงแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงานและดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย โดยทั้ง 6 พันธมิตร ที่เข้ามาร่วมให้บริการบนแพลตฟอร์ม Smart Move ประกอบด้วย
AP Honda ส่งรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดร่วมให้บริการ เพื่อตอบสนองเทรนด์ Sharing Economy ในยุคปัจจุบัน
Uber มอบสิทธิพิเศษนั่งฟรีครั้งแรกสำหรับลูกบ้านโครงการใหม่ พร้อมด้วยส่วนลดและโปรโมชั่นให้กับลูกบ้านของแสนสิริ
ofo ผู้ให้บริการเช่าจักรยานผ่านทางแอปพลิเคชั่นมือถือ นำร่องให้บริการเช่ารถจักรยานใน 11 โครงการของแสนสิริ ทั้งใน กทม.และ ภูเก็ต และมีแผนขยายการให้บริการไปในทุกโครงการของแสนสิริในอนาคต
Haupcar (ฮอปคาร์) ร่วมกับแสนสิริให้บริการรถยนต์ไฟฟ้า BMW i3 ผ่านระบบเช่าในโครงการ โดยสามารถจองและปลดล็อครถผ่านมือถือได้ทันทีตลอด 24 ชม. สะดวกเหมือนมีรถส่วนตัว พร้อมแผนขยายบริการให้ครอบคลุมในทุกโครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริที่ติดรถไฟฟ้า
รวมทั้ง SHARGE ผู้ให้บริการเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในการบริหารแพลตฟอร์มอัจฉริยะนี้ และ EA Anywhere ผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ที่จะติดตั้งอุปกรณ์รุ่นใหม่พร้อมให้ชาร์จฟรีครั้งแรกสำหรับลูกบ้านแสนสิริ
“แสนสิริยังคงมุ่งเพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลายและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกบ้านแสนสิริผ่านแพลตฟอร์ม Smart Move ให้ครอบคลุมมากที่สุด โดยมีแผนจะขยายการให้บริการ Smart Move ในโครงการอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิ โครงการเดอะ ไลน์ ราชเทวี, เดอะ เบส การ์เดน -พระราม9, เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา, ทากะ เฮาส์, ฮาบิโตะคอมมูนิตี้มอลล์ใน T77 พร้อมทั้งเตรียมจับมือกับพันธมิตรระดับโลกเพิ่มเติม เพื่อให้บริการยานพาหนะระบบเช่าในรูปแบบที่หลากหลายขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการเดินทางแบบ Car Free Living Trend ที่แตกต่างในอนาคต”