ตลาดผ้าเบรกในประเทศไทยมีมูลค่าหลัก “ล้านชิ้น” สอดคล้องกับจำนวนรถยนต์ที่มี แต่แนวโน้มตลาดในปัจจุบันมีกระแสการตื่นตัวของผู้ประกอบการที่หันมาผลิตสินค้านวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตผ้าเบรกไร้ใยหิน สินค้าที่ช่วยลดฝุ่นดำเกาะติดล้อ รวมถึงการลดเสียงดังที่เกิดจากการเบรก
บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด หนึ่งในผู้ผลิตรายสำคัญของตลาดผ้าเบรกก็ไม่ตกกระแส และพยายามจะพลิกเกมการทำตลาด โดยนำเทคโนโลยีการผลิตระดับโลกมาใช้กับสินค้า อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ “Compact Primo Brake” โปรดักท์ไฮไลท์ที่นำเทคโนโลยีแผ่นชิมพรีเมี่ยมจากประเทศสวีเดน หรือ Multilayer Anti-Squeal Shim Technology มาติดตั้งเข้ากับผลิตภัณฑ์ดิสก์เบรกทุกรุ่น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดูดซับเสียงและแรงสั่นสะเทือนในขณะที่เหยียบเบรก
นั่นทำให้ผลิตภัณฑ์มี “จุดเด่น” หลากหลาย ตั้งแต่การใช้เทคโนโลยีการออกแบบและการผลิตที่สะอาดหรือ Clean Drive Formulation Design สูตรการผลิตดิสก์เบรกที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการเกิดเสียงและฝุ่นดำติดล้อหรือ Anti-Noise & Anti-Dust friction material formulation ทำให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่มุ่งเน้นความสวยงามและความสะอาดของล้อจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ไฮไลท์สำคัญคือการออกแบบผ้าเบรกให้มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ทำลายผิวจานเบรก นอกจากจะช่วยลดเสียงดังในการเบรกแล้ว ยังช่วยลดฝุ่นดำเกาะล้อ ปลอดภัยต่อการขับขี่ด้วย และที่สำคัญเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ฝีมือคนไทยที่ถูกส่งออกไประดับโลก
สำหรับ Compact Primo Brake บริษัทวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในระดับ Premium ส่วนการทำตลาดได้โฟกัสไปที่การ “สร้างการรับรู้แบรนด์” หรือ Brand Awareness เพื่อให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ผ้าเบรกที่ดีและมีคุณภาพ ผ่านสื่อออนไลน์ และออนกราวน์หรือ Below the line
การเลือกสื่อออนไลน์ เพราะเป็นช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ “แม่นยำ” และตรงจุด เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบันเสพสื่อดิจิทัล ใช้โซเชียลต่อวันหลายชั่วโมง มีการใช้ Smart Phone กันจำนวนมาก ทำให้แบรนด์และผู้บริโภคสามารถสร้างความผูกพันธ์ (Engage) กันได้ทุกที่ ทุกเวลา
ส่วนการทำตลาด ณ พื้นที่ จะเริ่มจากการเป็นผู้สนับสนุน Motor Sport ผ่านรายการ Superclub Supercompact กิจกรรมประลองความเร็วแบบถูกกฎหมายของคาร์คลับ นอกเหนือจากจะช่วยสร้างเสริมทักษะการขับขี่แล้ว ยังช่วยพัฒนาฝีมือและสร้างโอกาสสู่การเป็นนักแข่งมืออาชีพต่อไปในอนาคต ตลอดจนเป็นพื้นที่ให้เหล่าบรรดาคาร์คลับได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่ระหว่างกัน จุดเด่นของกิจกรรมดังกล่าวเป็นการเปิดทางให้ผู้บริโภคได้ “ทดลอง” ใช้สินค้าผ้าเบรก Compact Primo Brake อย่างแท้จริง สร้างความเชื่อมั่นก่อให้เกิดกระแสการบอกต่อ (Word of mouth) ได้อีกทางหนึ่งด้วย
เกษม อิสระพิทักษ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า “วงการยานยนต์ทั่วโลกเน้นและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่กระจายของฝุ่นจากการเบรก (Brake Emission) โดยมีแนวโน้มที่จะออกกฎหมายควบคุมในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้บริษัทออกแบบ Compact Primo Brake เพื่อถนอมจานเบรกและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน อัตราการสึกหรอของผ้าเบรกและจานเบรกต่ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการแพร่กระจายของฝุ่นจากการเบรก ยิ่งกว่านั้นตอกย้ำว่าผลิตภัณฑ์ Compact Primo Brake เป็นผ้าเบรกที่มีเทคโนโลยีสำหรับอนาคต และสะท้อนความพร้อมของบริษัทที่ตามเทรนด์ตลาดและผู้บริโภคเสมอ”
สร้างแบรนด์แล้ว กลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ คือกลยุทธ์สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภค(CRM) อย่างใกล้ชิดผ่านทางศูนย์บริการ Compact Premium Service, Compact Service และ Diamond Service ร้านค้า ร้านอะไหล่ต่างๆ รวมถึงศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานทั่วประเทศ เพราะร้านเหล่านี้เป็นช่องทางที่มอบประสบการณ์สินค้าให้กับผู้บริโภคอีกทางหนึ่ง
Compact Primo Brake เป็นสินค้าพระเอกของปีนี้ แต่บริษัทไม่หยุดแค่นั้น เพราะกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ยังมีสิ่งที่ออกมาปลุกตลาด สร้างความตื่นเต้นให้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ทั้งยังปรับปรุงผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกสำหรับรถตู้โดยสาร ออกสู่ตลาดในไตรมาส 3 ของปี 2561 พัฒนาผ้าเบรกสำหรับรถกระบะบรรทุกหนักที่ขับขี่ด้วยความเร็ว และขึ้น-ลงทางลาดชันที่ต้องการประสิทธิภาพการเบรก ตลอดจนอายุการใช้งานที่ยาวนาน แผนเหล่านี้จะช่วยสานวิชั่นของบริษัทให้มียอดขายทะยานสู่ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2565 อีกด้วย